สุนัขเชาเชา (ขนหยาบ)

สุนัขพันธุ์เชาเชาเป็นสุนัขตัวสั้น ตัน รูปทรงกำยำบึกบึน หางงอม้วนโค้งมาถึงหลัง กระพุ้งแก้มและลิ้นเป็นสีน้ำเงิน/ดำ ส่วนขนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ขนหยาบและขนเรียบ และมีหลายสีตั้งแต่ ดำ น้ำตาลแดง เทาดำ น้ำตาลทอง ครีมหรือขาว เมื่อโตเต็มวัยเพศผู้จะสูง 48-56 ซม. และหนัก 26-32 กก. ส่วนเพศเมียจะสูง 46-51 ซม. และหนัก 20-25 กก.

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่มีประสบการณ์เลี้ยงสุนัข
  • ต้องฝึกมากกว่าปกติ
  • ชอบเดินเป็นประจำ
  • ชอบเดินวันละ 1 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดใหญ่
  • น้ำลายไหลได้บ้าง
  • ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขเงียบ
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่า เตือน และปกป้องเจ้าของได้
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับเด็ก
อายุเฉลี่ย:
12 – 15 ปี
น้ำหนัก:
18 – 31.5 กิโลกรัม
ส่วนสูง:
46 – 56 เซนติเมตร
สีขน:
สีแดง ดำ ครีม เทาดำ หรือ น้ำตาลอ่อน
ขนาดตัว:
ขนาดใหญ่
ชื่อกลุ่มคนเลี้ยงสุนัข:
ใช้งานได้หลากหลาย
Personality

สุนัขเชาเชา (ขนหยาบ) มีความนิ่งสุขุม รักอิสระ แต่อาจดื้อบ้างบางครั้ง มีนิสัยติดคนเลี้ยงคนใดคนหนึ่งและอาจกัดคนได้หากรู้สึกถูกคุกคามหรือเห็นว่าเจ้าของโดนทำร้าย แม้หน้าตาอาจดูเหมือนหมีน่ากอดแต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อไม่นานมานี้นักพัฒนาสายพันธุ์ได้ปรับปรุงสายพันธุ์เชาเชาให้เป็นมิตรยิ่งขึ้น โดยคาดว่าปัญหาเชาเชาอารมณ์ร้าย น่าจะเกิดจากขาดการฝึกหรือหัดให้เข้าสังคมตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข หากฝึกให้รู้จักเด็ก แมวหรือสัตว์เลี้ยงในบ้านตั้งแต่ยังเล็ก อาจป้องกันปัญหาความเจ้าอารมณ์ของสุนัขพันธุ์นี้ได้

 

History and Origins

ต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์เชาเชานี้ยังเป็นปริศนา แต่คาดว่ามีที่มาจากประเทศมองโกเลียและแมนจูเรียซึ่งเคยบริโภคเนื้อของสุนัขพันธุ์นี้ด้วยครั้งหนึ่งเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ นอกจากนี้ยังนำขนมาใช้เป็นเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็มีการนำเข้ามายังประเทศจีน ย้อนไปหลายศตวรรษก่อน สุนัขสายพันธุ์นี้เคยเฝ้าศาสนสถานเพื่อป้องกันวิญญาณร้าย นอกจากนี้ยังเคยเป็นสุนัขล่าสัตว์ของขุนนาง ใช้ป้องกันผู้บุกรุก ลากเลื่อนและเกวียน รวมทั้งเฝ้าบ้านด้วย คาดว่าสายพันธุ์สปิตซ์เองก็พัฒนามาจากพันธุ์เชาเชา

 

Nutrition and Feeding

อาหารของสุนัขเชาเชา (ขนหยาบ) จำเป็นต้องมีสารอาหารสมดุลครบหมู่ รวมถึงน้ำสะอาดด้วย ควรหมั่นตรวจสอบสภาพร่างกายของสุนัขอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สุนัขมีรูปร่างที่เหมาะสม และต้องให้อาหารอย่างน้อยวันละ 2 มื้อตามคำแนะนำของอาหารสุนัขที่ให้

 

Exercise

สุนัขเชาเชา (ขนหยาบ) ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายมากนัก เพียงแค่วันละชั่วโมงก็เพียงพอ สุนัขพันธุ์นี้ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง และชอบเล่นเงียบ ๆ ตามลำพังในสวน จึงควรจัดเตรียมที่ที่มีร่มเงาและอากาศเย็นสบายให้พักหลบอากาศร้อน หากออกกำลังมากเกินไปตั้งแต่ยังเล็ก อาจทำให้มีปัญหาข้อได้เมื่ออายุมากขึ้น เพราะฉะนั้นควรดูแลให้ดีเวลาพาสุนัขพันธุ์นี้ออกกำลังกาย

 

Other Information

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ

 

สุนัขเชาเชานี้มักมีปัญหาข้อศอกเสื่อม (elbow dysplasia) และปัญหาเปลือกตา นอกจากนี้ อาจมีปัญหาเรื่องข้อสะโพกเสื่อมเหมือนกับสุนัขอีกหลายสายพันธุ์ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาด้านการเคลื่อนไหว จึงควรตรวจสะโพกของสุนัขก่อนผสมพันธุ์

 

พื้นที่ในการเลี้ยงสุนัข

 

สุนัขเชาเชาเป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่มีนิสัยหวงถิ่น จึงต้องเลี้ยงในบ้านที่มีบริเวณกว้างขวาง และมีสวนที่กั้นรั้วแข็งแรงเป็นสัดส่วน ควรมีร่มเงาไม้ในบริเวณ เพื่อให้สุนัขพันธุ์นี้วิ่งเล่นกลางแจ้งได้โดยที่อุณหภูมิร่างกายไม่สูงเกิน

 

การฝึกสุนัข

 

สุนัขเชาเชาอาจไม่ชอบการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่ง แต่ก็ควรได้รับการฝึกให้เดินด้วยสายจูง และต้องได้รับการฝึกให้เข้าสังคมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะสุนัขเชาเชาไม่ใช่สุนัขสังคมเท่าไหร่ ถึงจะไม่ถนัดนักแต่ก็ควรได้รับการฝึกให้อดทนต่อการพบปะสุนัขด้วยกันและมนุษย์คนอื่น ๆ การฝึกสุนัขเชาเชาควรเป็นไปอย่างนุ่มนวล เพราะสุนัขสายพันธุ์นี้ไม่ชอบปฏิกิริยาที่แข็งกร้าว เช่น การดุบ่น ต่อว่า

 

การอยู่ร่วมกับเด็กของสุนัข

 

แม้สุนัขส่วนใหญ่จะเป็นมิตรกับเด็ก แต่ทั้งสุนัขเชาเชาและเด็กจะต้องได้รับการฝึกให้เคารพซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็กและสุนัขอยู่ด้วยกันตามลำพัง ควรเฝ้าระวังทุกครั้งที่เด็กเล่นกับสุนัข

 

รู้หรือไม่

 

สุนัขเชาเชามีลิ้นสีเทาดำหรือดำเข้ม (เช่นเดียวกับ พันธุ์ชาเป่ย หมีขั้วโลก และยีราฟ!) มีฟันถึง 44 ซี่ มากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่นที่มี 42 ซี่ สุนัขเชาเชามีส่วนสำคัญต่อประวัติศาสตร์สังคมของจีน มีการบันทึกว่าจักรพรรดิในช่วงศตวรรษที่ 8 เลี้ยงสุนัขเชาเชาไว้ถึง 5,000 ตัว พร้อมมีนายพรานคอยดูแล 10,000 นาย ซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิเคราะห์ก็มักจะนำสุนัขเชาเชาของเขามาด้วยเวลาต้องตรวจคนไข้ ส่วนหนึ่งเพราะช่วยให้คนไข้ผ่อนคลายและเล่าปัญหาของตนมากขึ้น และโจฟิ สุนัขของเขาจะช่วยบอกได้ว่าเวลาในการตรวจคนไข้แต่ละคนครบกำหนดแล้ว ไม่ต้องหยิบนาฬิกาพกออกมาดูเวลา เพราะสุนัขเชาเชามีเบ้าตาที่ลึก ทำให้การมองเห็นไม่ดีนัก เวลาเข้าไปหาควรเข้าหาจากด้านหน้า