Sorry, you need to enable JavaScript to visit this website.
Your Pet, Our Passion.
สัญญาณสุขภาพดี ดูได้จากวิถีการกินของน้องแมว

สัญญาณสุขภาพดี ดูได้จากวิถีการกินของน้องแมว

4 นาที

สัญญาณสุขภาพดี ดูได้จากวิถีการกินของน้องแมว

ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่าน้องแมวของเรามีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า ครั้งนี้เรามีวิธีสังเกตเบื้องต้นแบบไม่ยากมาแนะนำทุกคนกันค่ะ นั่นก็คือเวลาที่เราให้อาหารน้องแมวทุกครั้ง ให้ลองสังเกตดู “พฤติกรรมการกิน” ของเค้า เพราะพฤติกรรมแมวเหล่านี้คือคำใบ้ที่จะคอยบอกเราว่า ตอนนี้สุขภาพแมวกำลังเป็นอย่างไร หากน้องแมวมีพฤติกรรมการกินที่แปลกไป นั่นคือสัญญาณอันตราย ซึ่งถ้าเราสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันเราก็สามารถแก้ไขสาเหตุ หรือพาไปพบคุณหมอได้ทันเวลานั่นเองค่ะ

มาทำความเข้าใจพฤติกรรมการกินอาหารของน้องแมวกันดีกว่า

ก่อนที่เราจะ สังเกตได้ว่า พฤติกรรมแมวของเรา นั้นมีการทานอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปยังบ้าง ขั้น แรก เราต้องรู้เสียก่อนว่าโดยปกติแล้วน้องเหมียวของเรานั้นมีรูปแบบการกินอาหารอย่างไร หากวันไหนที่เพื่อนๆ มีเวลาอยู่บ้าน ทั้งวัน เวลาให้อาหารน้องแมว แนะนำให้ลองสังเกตและอย่าลืมจดบันทึกข้อสังเกตเหล่านี้เก็บเอาไว้อ้างอิงด้วยนะคะ

  • ลักษณะการกิน : แมวของเรากินอย่างรวดเร็ว หรือค่อยๆ ละเลียดกินช้าๆ
  • ปริมาณ : ดูว่าในแต่ละวันเค้าทานอาหารจนหมด หรือมีอาหารเหลือเอาไว้
  • วิธีกิน : น้องเหมียวกินอาหารครั้งละเยอะๆ หรือค่อยๆ ทานไปเรื่อยๆ ตลอดวัน เมื่อเราทราบรูปแบบพฤติกรรมแมวของเราแล้ว คราวนี้เราจะสามารถตามดูการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจจะเป็นสัญญาณของความผิดปกติบางอย่างได้แล้วล่ะค่ะ

สัญญาณของการกินอาหารแมวอย่างมีสุขภาพดีเป็นอย่างไรนะ?

หลังจากที่รู้ว่าน้องแมวของเรามีนิสัยการทานอาหารยังไงแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเช็กแล้วค่ะ ว่าพฤติกรรมการทานอาหารของน้องเหมียวของเราเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า

  • มากินทันทีที่เราเทอาหารแมวลงในชามของเค้า
  • ตื่นตัวกับเรื่องกิน ตื่นเต้นที่จะได้อาหาร
  • มีเวลาและจำนวนครั้งในการกินที่คงเส้นคงวา
  • กินอาหารในปริมาณคงที่หรือเปล่า

ถ้าน้องแมวของเพื่อนๆ มีสัญญาณการกินดังนี้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เพราะน้องแมวของเพื่อนๆ ยังมีความสุขกับการกินอาหารซึ่งเป็นสัญญาณของการกินอย่างมีสุขภาพที่ดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าพบว่าเค้าเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่นเริ่มทานเร็วขึ้น ทานมากขึ้น กลายเป็นแมวกินน้อยเกินไป เลือกกินอาหาร หรือกลายเป็นแมวเบื่ออาหารไม่ยอมทานอะไรเลยตลอดทั้งวัน นั่นคือพฤติกรรมที่เริ่มส่งสัญญาณมาแล้วค่ะว่าสุขภาพแมวกำลังมีปัญหา

แล้วอาหารแมวแบบไหนที่เหมาะกับน้องแมวของเรากันล่ะ?

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารแมว Purina ONE ได้คัดเลือกและปรับปรุง อาหารที่เหมาะสมกับน้องแมวทุกสายพันธุ์มาแล้ว ทว่าไม่ใช่แมวทุกตัวที่เหมาะกับอาหารทุกสูตร การเลือกซื้ออาหารแมวตามช่วงวัยและการเลี้ยงดูให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่เราจะได้เลือกอาหารแมวสูตรที่ถูกต้องและเหมาะสมให้แก่เค้าค่ะ เช่น ถ้าเป็นลูกแมว (อายุ 3 สัปดาห์ - 1 ปี) ควรเลือกซื้ออาหารเม็ดแมว Purina ONE สูตร Healthy Kitten เพราะมีโปรตีนสูงเป็นพิเศษและสารอาหารที่จำเป็น เหมาะสำหรับลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโต

ส่วนน้องแมวที่โตเต็มวัยแล้ว หรือแมวเลี้ยงภายในบ้านที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก ควรกินอาหารเม็ดแมว Purina ONE สูตร Indoor Advantage เพราะช่วย ควบคุมน้ำหนัก และช่วยลดปัญหาจากการเกิดก้อนขนได้ดี จึงเหมาะกับน้องแมวพันธุ์ที่มีขนสวยงามอย่างแมวเปอร์เซีย อเมริกันช็อตแฮร์ สก็อตทิชโฟลด์ ฯลฯ เช่นกัน ส่วนอาหารเม็ดแมว สูตร Purina ONE สูตร Salmon & Tuna Formula ก็เหมาะสำหรับแมวโตเช่นกัน อุดมด้วยกรดอะมิโนจากเนื้อปลาแซลมอนและทูน่า เพื่อกล้ามเนื้อและหัวใจแข็งแรง และมีโอเมก้า 3 & 6 ช่วยบำรุงให้ขนเงางาม ผิวหนังสุขภาพดี ดวงตาสดใส พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้เค้าป่วยง่าย โดยทุกสูตรนั้นจะช่วยเปลี่ยนแปลงสุขภาพของแมวคุณให้แข็งแรง มีครบ 6 สัญญาณสุขภาพดี เพื่อนๆ สามารถคลิกเข้าไปเลือกซื้ออาหารเม็ดแมวได้ ที่นี่ เลยค่ะ

การสังเกตว่าน้องแมวดื่มน้ำอย่างไร ก็ถือเป็นการตรวจสอบสัญญาณสุขภาพที่สำคัญนะ

สำหรับน้องแมวนั้นการดื่มน้ำก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทานอาหารเลยค่ะ เนื่องจากน้องแมวของเราของเราจำเป็นจะต้องได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีปัญหาเรื่องทางเดินปัสสาวะ หรือเสี่ยงเป็นโรคนิ่ว ดังนั้น อย่าลืมเช็กให้ชัวร์ว่าเราวางชามใส่น้ำแมวเอาไว้ให้เค้าเพียงพอในแต่ละวันแล้ว โดยเพื่อนๆ จะสามารถสังเกตว่าเค้ามีพฤติกรรมการดื่มน้ำที่เป็นสัญญาณสุขภาพดีได้ จากการที่เค้า “ดื่มน้ำสม่ำเสมอ” ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะ อย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร หรือการออกแรงจากกิจกรรมต่างๆ นั่นเองค่ะ

แล้วน้องแมวต้องดื่มน้ำมากแค่ไหนกันล่ะ?

รู้หรือไม่ว่าร่างกายของแมว มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 60% เลย ดังนั้นน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพของเค้าแข็งแรง ซึ่งปริมาณน้ำที่ควรได้รับในแต่ละวันนั้นอยู่ที่ประมาณ 60 มิลลิลิตร (มล.) ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งหากน้องแมวของเรามีน้ำหนัก 4 กิโลกรัม นั่นหมายความว่า เค้าควรได้รับน้ำอย่างน้อย 240 มล. นั่นเอง อย่างที่บอกไปว่าร่างกายของแมวมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ดังนั้นหากเค้าขาดน้ำเพียงแค่ 10% ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยรวมทั้งหมด เพื่อนๆ ต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมการดื่มน้ำของน้องแมวอยู่เสมอ หากวันใดวันหนึ่งที่เริ่มมีพฤติกรรมแมวที่ไม่ปกติ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่าน้องแมวของเรากำลังมีปัญหาก็ได้

สำหรับพฤติกรรมต้องสงสัยที่ควรระวังไว้ให้ดี คือ
1.การที่เค้าดื่มน้ำตลอดเวลา หรือไม่ดื่มเลยตลอดวัน
2.ไม่ยอมปัสสาวะในที่ๆ เราจัดไว้ให้ หรือไม่ยอมแม้แต่จะปัสสาวะเลย รวมไปถึงการมีอาการของผิวหนังลอกและแห้ง ผิวแข็งและไม่ยืดหยุ่น

วิธีแก้ปัญหา ถ้าน้องแมวกินน้ำน้อย

สำหรับใครที่มีปัญหาน้องแมวกินน้ำน้อยนั้น เราขอแนะนำวิธีแก้ไขเบื้องต้น นั่นก็คือ ให้เปลี่ยนภาชนะสำหรับใส่น้ำดื่มของเค้านะคะ โดย Purina ONE แนะนำให้เลือกชามที่มีกลไกลักษณะคล้ายน้ำพุเล็กๆ พุ่งขึ้นมาตลอดเวลาค่ะ Purina ONE เพราะโดยปกติของ แมวมักถูกดึงดูดด้วยน้ำที่ไหลไปมาไม่หยุดนิ่ง จึงมีแนวโน้มที่เค้าจะดื่มน้ำได้มากขึ้นนั่นเอง แต่หากเปลี่ยนภาชนะแล้วน้องแมวยังมีพฤติกรรมที่ผิดปกติอยู่ แนะนำให้พาเค้าไปพบคุณหมอโดยด่วนนะคะ

จะเห็นได้ว่า “การทานอาหาร” หรือ “การดื่มน้ำ” ของน้องแมวนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป การคอยหมั่นสังเกตพฤติกรรมของน้องแมว รวมถึงให้อาหารแมวที่ดีมีคุณภาพคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เค้ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ครบทั้ง 6 สัญญาณสุขภาพดี น้องแมวจะร่าเริงแจ่มใสได้ ย่อมเริ่มต้นที่ร่างกายแข็งแรงเป็นอันดับแรกค่ะ

ที่มา ภาวะขาดน้ำในแมว : http://i.ibluewind.com/2010/04/feline-dehydration/