Sorry, you need to enable JavaScript to visit this website.
Skip to main content

Breadcrumb

  1. Care And Advice
  2. /

    Cat Advice

Cat

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแมว

ดูแลแมวสูงวัย
เลี้ยงแมวอย่างไรให้อายุยืน
เลี้ยงแมวอย่างไรให้อายุยืน รู้หรือไม่ว่าหากเราดูแลแมวของเราให้มีสุขภาพที่ดี น้องแมวก็มีโอกาสที่จะเป็นแมวอายุยืนถึง 20 ปีได้เลย หัวใจสำคัญในการเลี้ยงแมวให้มีอายุยืนยาวก็ไม่ต้องใช้เคล็ดลับอะไรให้วุ่นวาย เพียงแต่หมั่นดูแลเอาใจใส่ในการดูแลสุขภาพ อาหารการกินของน้องแมว และพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจเช็คสุขภาพตามที่คุณหมอนัดหมายอย่างต่อเนื่องเท่านั้นเอง แต่เล่าแค่นี้อาจจะยังไม่จุใจ มาติดตามอ่านแล้วไปดูแลแมวให้เป็นแมวอายุยืนไปพร้อมๆ กันด้วยเคล็ด(ไม่)ลับในการเลี้ยงแมวนี้กันดีกว่า 1. เลือกอาหารการกิน กุญแจสำคัญสำหรับการมีสุขภาพดีของน้องแมวนั้นก็ไม่ต่างจากคน การเลือกอาหารที่มีคุณภาพดีมีสารอาหารครบถ้วนล้วนส่งผลต่อสุขภาพของน้องแมวแสนรักของเราทั้งสิ้น ดังนั้นการเลือกอาหารให้น้องแมวจึงเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำให้เลือกอาหารแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม ที่ได้รับการคิดค้นสูตรอาหารจากทีมสัตวแพทย์ และนักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญ คัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพสูง อย่าง Purina ONE ที่นอกจากจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความอร่อยถูกปาก และอัดแน่นด้วยสารอาหารจำเป็นครบถ้วนสำหรับน้องแมวแล้ว ยังช่วยดูแลแมวให้มีสุขภาพที่ดี ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และมีอายุยืนยาวได้อีกด้วย 2. ดูแลรูปร่าง เลี้ยงแมวทั้งที ก็ต้องหมั่นดูแลน้องแมวให้ไม่อ้วนจนเกินไป โดยสังเกตได้จากรูปร่างที่สมส่วน ไม่มีพุงห้อยย้อย และไม่อ้วนจนจนมองไม่เห็นสันหลัง น้ำหนักมาตรฐานในน้องแมวจะอยู่ที่ 4.5 กิโลกรัม แต่ในแมวไทยอาจจะบอบบางกว่า น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัม ส่วนน้องแมวสายพันธุ์ใหญ่อย่างเมนคูณน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 11 กิโลกรัม การดูแลรูปร่างไม่ให้อ้วนก็เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดโรคต่างๆ ที่มากับความอ้วน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหากระดูกและข้อ โรคหัวใจ และโรคทางระบบอื่นๆ ซึ่งวิธีการดูแลน้องแมวให้มีรูปร่างที่สมส่วนก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ให้น้องแมวได้ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 10-15 นาที วันละ 1-2 ครั้ง และให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ ตามที่ฉลากอาหารข้างถุงระบุเอาไว้ เท่านี้รูปร่างที่ดีเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว 3. ทำหมัน การทำหมันทำให้แมวอายุยืนยาวขึ้นกว่าน้องแมวที่ไม่ได้ทำหมันถึง 2 เท่า เพราะการทำหมันจะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว และการออกเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อโรคติดต่ออันตรายที่มาจากการต่อสู้กัน ที่มักจะพบได้มากในน้องแมวที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านที่ยังไม่ได้รับการทำหมันเพื่อแย่งอาณาเขต หรือแย่งน้องแมวตัวเมียนั่นเอง โดยอายุเฉลี่ยของน้องแมวปกติจะอยู่ที่ 14-16 ปี แต่การทำหมันจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรคต่างๆ ที่กล่าวมา และทำให้น้องแมวอายุยืนยาวได้อีกหลายปีเลยทีเดียว ถ้าใครมีลูกแมวอายุราว 4-6 เดือน ก็อย่าลืมพาน้องแมวไปปรึกษาคุณหมอ และตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำหมันได้เลย 4. ทำวัคซีน การทำวัคซีนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับร่างกายของน้องแมวจากโรคติดเชื้อร้ายแรงต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดต่อที่อาจเป็นอันตรายต่อคนอย่างโรคพิษสุนัขบ้า การทำวัคซีนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องทำ และต้องไปรับการทำวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นประจำทุกปีตามที่สัตวแพทย์นัดหมาย หรือดูจากตารางนี้ได้เลย อายุโปรแกรมสุขภาพ8-9 สัปดาห์วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ เข็มที่ 110-12 สัปดาห์• วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ เข็มที่ 2• วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเข็มที่ 112 สัปดาห์• วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เข็มที่ 112-16 สัปดาห์• วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ เข็มที่ 3• วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเข็มที่ 2ทุกปี• วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ• วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย• วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงตามดุลยพินิจของสัตวแพทย์ 5. ป้องกันปรสิต เรื่องเล็กๆ ที่เจ้าของแมวทุกคนต้องใส่ใจ คือการป้องกันปรสิตตัวร้าย ไม่ว่าจะเป็นหมัด พยาธิภายในทางเดินอาหาร และพยาธิหนอนหัวใจ ปัญหาเหล่านี้เป็นภัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้เจ้าของแมวมักละเลยที่จะป้องกัน และก่อโรคอันตรายมากมายในน้องแมว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแพ้น้ำลายหมัด ขาดสารอาหารจากการมีพยาธิ เกิดโรคพยาธิหนอนหัวใจซึ่งการมีพยาธิหนอนหัวใจในน้องแมวแค่ตัวเดียว ก็อาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้น้องแมวเสียชีวิตได้ โดยเจ้าของน้องแมวสามารถพาน้องแมวไปรับการป้องกันพยาธิภายนอก ภายใน และพยาธิหนอนหัวใจได้ตั้งแต่น้องแมวอายุ 6-8 สัปดาห์ และควรทำการป้องกันเป็นประจำอย่างต่อเนื่องตามที่คุณหมอแนะนำ โดยกินยาถ่ายพยาธิภายในทุกๆ 3 เดือน และป้องกันพยาธิภายนอก เช่น หมัดแมว และป้องกันพยาธิหนอนหัวใจโดยใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดหยดหลังเป็นประจำทุกเดือน
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
เรื่องต้องรู้การพาน้องแมวไป​ ฉีดวัคซีน
เรื่องต้องรู้การพาน้องแมวไปฉีดวัคซีน นอกจากการดูแลเอาใจใส่น้องแมวในเรื่องการดูแลสุขภาพ เลือกอาหารที่ดี เพื่อช่วยเสริม 6 สัญญาณสุขภาพดีให้กับน้องแมวแล้ว การสร้างเกราะป้องกันให้กับสุขภาพของน้องแมวด้วยการทำวัคซีนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะวัคซีนแมวจะช่วยป้องกันน้องแมวจากการติดเชื้อไวรัสต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงได้ แล้วเจ้าของแมวมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มเลี้ยงแมวรู้หรือเปล่าว่าจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคอะไรให้กับน้องแมวบ้าง ใครที่ยังสงสัยไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก รู้เรื่องวัคซีนแมว คำแนะนำสำหรับการฉีดวัคซีนแมว จากชมรมสัตวแพทย์บำบัดโรคแมวแห่งประเทศไทย ได้แบ่งวัคซีนแมวออกเป็น 2 กลุ่ม 1. วัคซีนโรคหลัก : นั่นคือวัคซีนแมวที่จำเป็นจะต้องทำให้กับน้องแมวทุกตัว ได้แก่ • วัคซีนรวมในแมว : โรคไข้หัด หวัดแมว , โรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปากและตาอักเสบ • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า • วัคซีนป้องกันโรคลิวคิเมียในแมว : ต้องตรวจเลือดก่อน หากไม่พบการติดเชื้อจึงจะทำวัคซีนได้ 2. วัคซีนโรคกลุ่มเสี่ยง : ฉีดวัคซีนแมวกลุ่มนี้ในแมวเสี่ยงติดโรค เช่น แมวที่เลี้ยงปล่อย ชอบเที่ยว ชอบทะเลาะกับแมวตัวอื่นเป็นประจำ เป็นต้น • วัคซีนป้องกันโรคเอดส์แมว • วัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ฉีดวัคซีนแมวเมื่อไหร่ดี
training-your-cats
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
วิธีฝึกลูกแมวและแมวโตเต็มวัย
หลายคนคิดว่าการฝึกเป็นเรื่องของสุนัข แต่ทราบหรือไม่ว่า แมวก็เรียนรู้คำสั่งได้เช่นกัน แมวของคุณสามารถจดจำชื่อของตัวเองได้ และมาหาเมื่อคุณเรียก เพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงของคุณเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ คุณควรเริ่มฝึกตั้งแต่เขายังเด็ก ๆ วิธีฝึกแมวให้มีทักษะการเข้าสังคม การฝึกลูกแมวเริ่มที่การเข้าสังคม ยิ่งแมวได้พบเจอผู้คนตั้งแต่เด็กมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตื่นกลัวเมื่อโตขึ้นน้อยลงเท่านั้น ทันทีที่ลูกแมวเดินได้เองโดยที่แม่แมวไม่ต้องคอยช่วยเหลือ ลูกแมวมักจะเข้าหาสถานการณ์ใหม่ ๆ ด้วยความมั่นใจและความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นอุปนิสัยที่โดดเด่นของแมว ลูกแมวจะมีความกลัวน้อยที่สุดเมื่ออายุ 3-7 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่พวกเขาเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมของตน เมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ลูกแมวจะระวังตัวมากขึ้น ดังนั้นผู้เพาะพันธุ์จึงควรแนะนำสิ่งต่าง ๆ ให้แมวรู้จักให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนที่คุณจะมารับไป ซึ่งช่วงวัยที่ดีที่สุดของการนำไปเลี้ยงคือ 8-13 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และผู้เพาะพันธุ์) การพัฒนาทางอารมณ์ของลูกแมวไม่ได้หยุดอยู่ที่อายุ 12 สัปดาห์ คุณจึงควรฝึกลูกแมวต่อเมื่อมาอยู่ที่บ้าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกแมวของคุณพัฒนาต่อไปได้อีก • เชิญเพื่อนที่มีลักษณะต่าง ๆ กันมาที่บ้าน เพื่อช่วยให้ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับผู้คนที่มีลักษณะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ เพศ ส่วนสูง สีผม และอื่น ๆ • หากบ้านของคุณไม่มีเด็ก ลองชวนเด็ก ๆ มาที่บ้านแต่ต้องแน่ใจว่าคุณได้บอกวิธีดูแลลูกแมวให้เด็กทราบ โดยเฉพาะถ้าเด็กเหล่านี้ไม่เคยเห็นลูกแมวมาก่อน • และถ้าคุณรู้จักคนที่มีสุนัขที่เป็นมิตรกับแมว ชวนให้เขาพาสุนัข มาเจอกับลูกแมวของคุณด้วย แต่สุนัขควรจะต้องผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีและสามารถปฏิบัติตามคำสั่ง “นิ่ง/คอย” แม้ว่าจะตื่นเต้นเมื่อพบกับเพื่อนใหม่ตัวจิ๋วก็ตาม
การดูแลลูกแมว
ดูทั้งหมด
เตรียมตัวรับลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้าน
เตรียมตัวรับลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้าน
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
และแล้วก็ถึงเวลาต้อนรับลูกแมวตัวน้อย...สมาชิกใหม่ของครอบครัว เข้าสู่บ้านของคุณ! การต้อนรับลูกแมวตัวใหม่ก็เหมือนกับการพาทารกแรกเกิดเข้าบ้านที่ต้องเตรียมทุกสิ่งให้เพียบพร้อม สมาชิกใหม่จะได้รู้สึกดีและปรับตัวเข้ากับบ้านหลังนี้ได้อย่างรวดเร็ว การเลี้ยงลูกแมวนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เพราะแมวไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ แต่ยังเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวอีกด้วย! ก่อนพาลูกแมวเข้าบ้าน ควรเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย เราจึงจัดทำบทความฉบับนี้ขึ้นเพื่อนำเสนอสารพัดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกแมวตัวใหม่ เพื่อช่วยคุณสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นและเป็นมิตรให้กับสมาชิกใหม่ ให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย สุขกายและสุขใจเมื่ออยู่บ้าน เตรียมตัวก่อนนำลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้าน ก่อนจะพาลูกแมวตัวใหม่เข้าบ้าน เช็คสักนิดว่า เตรียมความพร้อมเรื่องเหล่านี้แล้วหรือยัง • หากยังไม่มีสัตวแพทย์ประจำ ลองขอคำแนะนำจากเจ้าของแมวในละแวกบ้านแล้วรีบพาแมวตัวใหม่ไปทำประวัติ คุณจะสบายใจยิ่งขึ้นหากลูกแมวของคุณมีประวัติแล้ว เพราะในอนาคตจะต้องพาเจ้าตัวเล็กไปรับวัคซีนลูกแมว และทำหมันต่อไป ทั้งยังสะดวกเมื่อพาไปรักษาอาการเจ็บป่วยอีกด้วย
ดูแลลูกแมว
เทคนิกฝึกน้องแมวให้เชื่องได้ใจ​ ทำแบบนี้
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เทคนิคฝึกน้องแมวให้เชื่องได้ใจ ทำแบบนี้ เป็นที่รู้กันดีกว่า น้องแมวนั้นเป็นสัตว์ที่มีนิสัยรักอิสระชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ทำให้คนเลี้ยงแมวส่วนใหญ่คิดว่าเค้าไม่เหมาะกับการนำมาฝึก แต่อันที่จริงแล้วเราสามารถเลี้ยงแมวเชื่อง เชื่อฟัง และทำตามกฏกติกาที่เราตั้งเอาไว้ได้นะคะ เพียงแต่ต้องรู้เทคนิคที่เหมาะสม รวมถึงควรเริ่มต้นฝึกลูกแมวเค้าตั้งแต่ยังเล็กอยู่ เท่านี้โอกาสที่จะฝึกเค้าได้สำเร็จก็จะมากขึ้นแล้วล่ะ มาดูเทคนิคการฝึกแมวกันเลยดีกว่า เริ่มฝึกแมวให้คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคนอื่น ก่อนจะเริ่มการฝึกแมวนี้ สิ่งสำคัญก็คือเราต้องเข้าใจพฤติกรรมพื้นฐานของแมวให้ดีก่อนค่ะ เพราะโดยปกติแล้วแมวมักจะเป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของความไร้เดียงสาและความมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเจ้าของจะต้องใช้ความอดทน เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้อารมณ์ของน้องแมวก่อน ด้วยวิธีตามนี้ • ก่อนจะฝึกให้คนที่ไม่คุ้นเคยจับน้องแมว ให้ลองสังเกตก่อนว่าเค้ามีการร้องเสียงดัง ขู่เสียงฟ่อๆ หรือใบหูลู่พับซะจนแบนติดหัว หนวดเหยียดตรงไปทางข้างหน้า แกว่งหางไปมาและและเตรียมขาตะปบพร้อมกับใช้เล็บแหลมคมข่วนตอนที่คนแปลกหน้ายื่นมือเข้าไปใกล้ตัวเค้าหรือไม่ ถ้าน้องแมวมีอาการแบบนี้เมื่อไหร่ให้หยุดเข้าใกล้ทันทีแล้วถอยห่างออกมา • สำหรับลูกแมว การฝึกแมวให้คุ้นเคยกับคนจะง่ายกว่าค่ะ แนะนำให้เราค่อยๆ ห่มตัวแมวด้วยผ้าเช็ดตัวอย่างเบามือถึงคอ แล้วค่อยจับอุ้มขึ้นมาโดยให้หันหน้าน้องแมวออกจากอกของเรา เพื่อสร้างความอบอุ่นและลดความเสี่ยงในการถูกข่วนหรือกัดได้อีกด้วย จากนั้นให้ลูบและพูดคุยกับแมวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อสร้างความไว้วางใจ • ถ้าแมวรู้สึกดีใจที่จะได้พบกับเจ้าของนั้น ส่วนใหญ่เค้าจะรีบวิ่งเข้ามาหา หูตั้งตรง ตาขยายกลมโต หนวดกระดิก รวมถึงใช้หางพันแข้งพันขาเจ้าของ ซึ่งหากเราเห็นสัญญาณเหล่านี้ ก็ถือเป็นไฟเขียวที่น้องแมวจะอนุญาตให้เราลูบหัวลูบตัวเพื่อแสดงความรักกลับได้ ฝึกเรียกชื่อน้องแมว เพื่อให้เค้าคุ้นเคยและเข้ามาหา โดยปกติแล้วน้องแมวนั้นจะสามารถจำชื่อของตัวเองได้ไม่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ซึ่งเพื่อนๆ ควรจะตั้งชื่อให้เค้าด้วยคำที่ออกเสียงได้ง่ายมีความยาวไม่เกิน 2 พยางค์ รวมถึงฝึกเรียกชื่อน้องแมวบ่อยๆ ตั้งแต่ตอนที่เค้ายังเล็ก ซึ่งจะทำให้การฝึกได้ผลมากยิ่งขึ้น และอย่าลืมว่าถ้าเรียกชื่อแล้วน้องแมวเข้ามาหา เราก็ควรให้ความสนใจกับเค้า เพื่อเป็นการให้รางวัลตอกย้ำว่าสิ่งที่น้องเหมียวกำลังทำนั้นดีงามแล้วนะคะ ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะรักความสะอาดมาก การฝึกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เลยไม่ใช่เรื่องยากเกินไปค่ะ เพราะแม่แมวจะคอยดูแลและสอนวิธีทำความสะอาดแก่ลูกๆ ด้วยการเลียที่บริเวณก้นหลังจากกินนมเพื่อกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่าย คนเลี้ยงแมวจึงควรเตรียมถาดทรายแมวเอาไว้สำหรับลูกแมวในช่วงนี้ โดยให้ตั้งถาดทรายแมวเอาไว้ในมุมสงบที่ห่างจากมุมวางถาดอาหาร แล้วอุ้มลูกแมวไปวางในกระบะทรายแมว เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับกลิ่นและสัมผัสของทรายแมว ปล่อยไว้แบบนั้น 2 - 3 นาที ถึงลูกแมวยังไม่ขับถ่ายก็ไม่เป็นไร ต่อไปหลังกินอาหารและตอนตื่นนอนก็ให้พาลูกแมวมาที่กระบะทรายแมวอีก รวมถึงเวลาไหนก็ตามที่เราคิดว่าลูกแมวน่าจะอยากเข้าห้องน้ำ หรือมีอาการนั่งยองๆ ที่อื่นเมื่อไหร่ ให้รีบอุ้มไปใช้กระบะทรายแมวทันทีค่ะ ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับการอาบน้ำและการตัดเล็บแมว น้องแมวส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยชอบการอาบน้ำหรือการโดนจับที่เท้าเพื่อตัดเล็บแมวเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเราสามารถฝึกให้เค้าคุ้นชินกับกิจกรรมทั้งสองอย่างนี้ได้ ก็จะช่วยให้ดูแลน้องแมวได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ โดยเทคนิคฝึกอาบน้ำแมวได้ง่ายขึ้นนั้น อาจจะเริ่มต้นด้วยการทำให้น้องแมวรู้สึกคุ้นชินกับห้องน้ำและอ่างอาบน้ำแมวก่อนค่ะ เพียงพาน้องแมวเข้าไปเล่นของเล่นที่เค้าชอบภายในอ่างอาบน้ำซักระยะก่อนที่จะเริ่มเปิดก็อกน้ำ (ไม่แนะนำให้จับน้องแมวหย่อนลงอ่างน้ำที่มีน้ำทันทีนะคะ) เท่านี้ก็จะช่วยลดความหวาดระแวงให้กับน้องแมวได้มาก จากนั้นให้เราค่อยๆ ราดน้ำอุ่นลงบนตัวแมวจนเปียกทั้งตัวโดยควรเทน้ำอย่างเบามือ จะลูบขนแมวไปด้วยก็ได้เพื่อให้แมวรู้สึกสงบค่ะ ส่วนการฟอกแชมพูลงบนตัวแมวนั้นก็ควรทำอย่างเบามือเช่นกัน และหากอาบน้ำแมวเสร็จแล้วก็ให้เอาผ้าขนหนูห่อตัวน้องแมวไว้ให้เค้ารู้สึกอุ่นใจ สุดท้ายก็อย่าลืมตบรางวัลให้น้องแมวด้วยการกอด เล่น และให้ขนมหรืออาหารอร่อยๆ เป็นของตอบแทนด้วยนะคะ สำหรับการตัดเล็บแมวถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่เลี้ยงแมวในบ้าน เพราะเป็นวิธีช่วยลดความเสี่ยงที่เล็บของเค้าจะฉีกหรือหัก รวมถึงช่วยลดความแหลมคมที่อาจทำร้ายสิ่งของภายในบ้านหรือคนรอบข้างได้อีกด้วย แต่อย่างที่เราทราบกันว่าน้องแมวส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบให้ใครมาจับเท้า ดังนั้นเราควรจะเริ่มฝึกลูกแมวด้วยการลูบๆ จับๆ ที่อุ้งเท้าทั้งสี่ของเค้าบ่อยๆ พร้อมกับให้ขนมเป็นรางวัลเพื่อให้เกิดความรู้สึกดีและความเคยชินเสียก่อน พอแมวเริ่มคุ้นเคยให้เอามือจับอุ้งตีนแมวไว้ จากนั้นหงายมือให้ฝ่ามือของคุณประกบกับฝ่ามือของแมวเพื่อกดเบาๆ ให้เล็บที่ซ่อนไว้ออกมา (หากทำได้อย่าลืมให้รางวัลด้วย) จากนั้นให้เริ่มฝึกแมวให้นั่งในท่าสบายๆ ที่เหมาะสำหรับการตัดเล็บแมวอย่างการนั่งบนตักของเราเพื่อลดการดิ้นไปพร้อมกัน จุดสำคัญก็คือต้องระวังอย่าลงกรรไกรตัดเล็บแมวลึกจนเกินจุดสังเกตที่หน้าตาเหมือนสามเหลี่ยมจิ๋วๆ สีชมพู ซ่อนอยู่ในเล็บใสๆ ของน้องแมว เพราะอาจจะทำให้เลือดไหลได้ค่ะ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำหรือการตัดเล็บแมว เราควรเลือกทำในเวลาที่เค้ากำลังผ่อนคลาย ไม่ควรเลือกเวลาหลังการเล่น หรือช่วงที่เค้าอารมณ์ไม่ดีนะคะ เท่านี้เราก็สามารถดูแลเค้าได้ง่ายยิ่งขึ้นแล้วล่ะ ฝึกลูกแมวให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยเพื่อสุขภาพแมวที่ดี ลูกแมวนั้นถือเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงเป็นพิเศษ เลยขอแนะนำให้คนเลี้ยงแมวเลือกซื้ออาหารแมว Purina ONE สูตร Healthy Kitten Formula สำหรับแมวอายุ 3 สัปดาห์ ถึง 1 ขวบปี ให้เค้าได้ทานเป็นประจำนะคะ เพราะอาหารแมว Purina ONE สูตรนี้จะมีโปรตีนจากเนื้อไก่ ที่สูงมากถึง 40% เหมาะสำหรับลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโต อีกทั้งยังมีส่วนผสมของ DHA ซึ่งเป็นสารที่พบในน้ำนมแม่ ทำให้ลูกแมวสามารถพัฒนาการสมองและสายตาเพื่อสร้างสุขภาพแมวครบ 6 สัญญาณสุขภาพดี โดยเพื่อนๆ อาจจะฝึกลูกแมวได้ทานอาหารเป็นเวลา เพื่อควบคุมไม่ให้ลูกแมวทานมากจนเกินไป แบ่งเป็นทานวันละ 4 มื้อ จนกระทั่งน้องแมวมีอายุ 12 สัปดาห์ค่อยลดลงเหลือวันละ 3 มื้อ เรื่อยไปจนกระทั่งน้องแมวมีอายุได้ 6 เดือน ซึ่งถือเป็นช่วงโตเต็มวัย จึงค่อยลดอาหารให้เหลือแค่วันละ 2 มื้อ ในช่วงเช้า และตอนค่ำก็เพียงพอค่ะ เป็นไงบ้างคะสำหรับเทคนิคดีๆ ที่จะเลี้ยงแมวเชื่องได้ จุดสำคัญก็คือผู้ฝึกแมวจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และอย่าลืมให้รางวัลกับเค้าหากด้วยการชื่นชมหรืออาหารแมวให้เล็กๆ น้อยๆ เมื่อเค้าทำได้ถูกต้อง ที่สำคัญก็คือไม่ควรลงโทษน้องแมวด้วยวิธีใดๆ เมื่อเค้าไม่เชื่อฟังหรือทำสิ่งที่เราสอนไม่ได้ เพราะจะทำให้น้องแมวเกิดความไม่ไว้วางใจหรือกลัวจนไม่สามารถฝึกเค้าได้อีกค่ะ โดยแทนที่จะลงโทษ แนะนำว่าให้เลือกใช้วิธีวางเฉยไม่สนใจเมื่อน้องแมวทำพฤติกรรมที่ไม่ดีแทนจะเหมาะสมที่สุด เท่านี้เราก็ฝึกแมวได้ตามต้องการแล้วล่ะค่ะ ที่มา ฝึกแมวจรจัดให้เชื่อ : http://th.wikihow.com/ฝึกแมวจรจัดให้เชื่อ ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายในกระบะทราย : http://th.wikihow.com/ฝึกลูกแมวให้ขับถ่ายในกระบะทราย วิธีการฝึกแมวให้เชื่อง : http://cattatar.blogspot.com/2015 /02/blog-post_5.html สอนลูกแมวให้เชื่อง : http://httpwwwtlcthaicompicpost 1674.blogspot.com/2011/12/blog-post.html วิธีการ อาบน้ำลูกแมว https://th.wikihow.com/อาบน้ำลูกแมว วิธีการ ตัดเล็บแมว https://th.wikihow.com/ตัดเล็บแมว
ดูแลลูกแมว
การดูแลลูกแมวกำพร้า
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
การดูแลลูกแมวกำพร้า แม้โดยธรรมชาติแม่แมวจะมีความสามารถในการเลี้ยงลูกแมวได้เองด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ แต่ก็อาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้แม่แมวเกิดความเครียดจนไม่ยอมเลี้ยงลูกแมว แม่แมวที่ไม่เลี้ยงลูกสังเกตจากการที่แม่แมวไม่ยอมเข้าไปให้นมลูก ไม่ทำความสะอาดหรือเข้าไปเลียลูก ออกห่างจากลูก บางกรณีที่แม่แมวป่วย หรือแม่แมวเสียชีวิต ทำให้ลูกแมวตัวน้อยต้องกลายเป็นลูกแมวกำพร้า และเจ้าของน้องแมวก็ต้องกลายเป็นคุณแม่แมวจำเป็นไป แต่ปัญหานี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะวิธีเลี้ยงลูกแมวนั้นไม่ยากอย่างที่คิด มาเตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปเริ่มเลี้ยงลูกแมวกำพร้าอย่างมั่นใจกันได้เลย
ดูแลลูกแมว
โรคอันตรายที่พบได้ในลูกแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
โรคอันตรายที่พบได้ในลูกแมว สำหรับลูกแมวหลังคลอดจะได้รับภูมิคุ้มกันผ่านทางน้ำนมแม่ เพราะในระยะนี้ร่างกายยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและสมบูรณ์พอ ลูกแมวจึงสามารถติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ที่ก่อโรคอันตรายทำให้ลูกแมวป่วยได้หลายโรค แต่โรคที่ติดต่อได้ง่าย พบได้บ่อย ที่เจ้าของลูกแมวควรต้องระวังเอาไว้จะมีโรคไหนบ้าง มาติดตามอ่านต่อกันได้เลย โรคไข้หัดแมว เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Feline parvovirus ทำให้ลูกแมวท้องเสีย มีอาการซึม เบื่ออาหาร มีไข้สูง อาเจียน หรือถ้าลูกแมวท้องเสียแบบมีเลือดปนในอึออกมา เชื้อโรคจะมีผลต่อสมอง ทำให้การทรงตัวผิดปกติไป นอกจากนี้ยังทำให้ลูกแมวตาบอด และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรคนี้ติดต่อได้ง่ายหากลูกแมวไปสัมผัสอึ ฉี่ และใช้ของรวมกับแมวป่วย ซึ่งลูกแมวในช่วงอายุระหว่าง 2-6 เดือน จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่าย โรคหวัดแมว จากชื่อโรคก็ทำให้เราพอจะเดากันได้ไม่ยาก ว่าโรคนี้ทำให้แมวเป็นหวัด ที่สำคัญโรคนี้เกิดได้จากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น Feline herpesvirus และ Feline calicivirus แค่สูดดมไวรัสที่กระจายมาในอากาศก็ติดโรคได้แล้ว อาการเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ลูกแมวเป็นหวัด และแสดงอาการต่างๆ เกี่ยวกับหวัดออกมา เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก ตาอักเสบ มีแผลหลุมในปาก หรือบางตัวเป็นรุนแรงอาจเกิดปอดอักเสบตามมา โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว เกิดจากเชื้อ Feline Leukemia Virus (Fe LV) ซึ่งไวรัสจะเข้าทำลายจนทำให้ภูมิคุ้มกันเสียหาย หากเป็นโรคแล้วก็ไม่สามารถรักษาได้หายขาด ทำได้เพียงการรักษาตามอาการ สามารถติดต่อจากแม่แมวไปยังลูกแมวได้ ผ่านน้ำลายและสิ่งคัดหลั่ง ช่วงแรกของโรคอาจสังเกตเห็นว่าเริ่มมีอาการซึม และพบว่าลูกแมวท้องเสีย จากนั้นอาจมีอาการอื่น ๆ ตามมา เช่น ตัวซีดเหลือง ไม่มีแรง ขนหยาบ น้ำหนักตัวลด ลูกแมวท้องเสียเรื้อรัง ช่องปากอักเสบ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ โรคนี้จัดว่าเป็นโรคที่น่ากลัวมากๆ สำหรับเจ้าของลูกแมวหลายๆ คน ซึ่งเกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส Feline Coronavirus (FCo V) ยังไม่มีการรักษาใดที่ได้ผล 100% โรคนี้ติดต่อง่ายผ่านทางน้ำลาย อุจจาระ และการใช้ของร่วมกับแมวป่วย ลูกแมวที่ป่วยระยะแรกอาจดูซึม ผอมลง อาจพบอาการท้องบวมน้ำ เพราะมีของเหลวสะสมในช่องท้อง หรือ/และ ช่องอก และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ภายในระยะเวลาอันสั้น พบได้ในลูกแมวอายุตั้งแต่ 3 เดือนถึง 3 ปี ที่เลี้ยงน้องแมวแออัดมากกว่าเลี้ยงตัวเดียว แม้ว่าโรคเหล่านี้ฟังแล้วดูน่ากลัว แต่การฉีดวัคซีนแมวตามที่คุณหมอนัดหมายก็ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเหล่านี้ได้ นอกจากการฉีดวัคซีนแมวแล้วก็ควรเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลูกแมวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ทำจากวัตถุดิบคุณภาพ มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามิน E, A และ ซิลิเนียม เช่น Purina One อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม สำหรับลูกแมว เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของลูกแมวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยหายห่วงกับเรื่องลูกแมวป่วยที่กวนใจเราได้แล้ว
ดูแลลูกแมว
new-kitten-not-eating
สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาลูกแมวไม่กินข้าว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ลูกแมวเป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไว และยังมีนิสัยจู้จี้จุกจิกเวลากินข้าวให้เห็นบ่อย ๆ หากคุณสงสัยว่าทำไมลูกแมวไม่กินข้าว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเขามากยิ่งขึ้น คุณจัดเตรียมทุกอย่างไว้ต้อนรับลูกแมวตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว มีอาหารลูกแมวอย่างดี จัดเตรียมไว้ในตู้พร้อมกับขนมสำหรับแมวที่ไว้ใช้เป็นรางวัล แทบจะอดใจไม่ไหว ที่จะได้เห็นลูกแมวอร่อยเพลิดเพลินไปกับมื้อแรก แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับเป็น ลูกแมวที่ไม่ยอมกินอาหาร แถมยังเมินใส่แบบไม่ใยดีอีกด้วย เวลาที่ลูกแมวไม่กินอาหาร เรามักสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับอาหารหรือเปล่า อาหารที่ให้มันร้อนไปหรือเย็นไป แฉะไปหรือแห้งเกิน เนื้อปลายังไม่โดนใจ หรือรสชาติ สี กลิ่น ยังไม่ใช่ แต่ที่จริงแล้ว การที่แมวจุกจิกเลือกกินจนปฏิเสธอาหารเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ได้แปลว่าอาหารลูกแมวนั้นรสชาติแย่เสมอไป บทความนี้จะบอกเล่าถึงสาเหตุที่แมวไม่ยอมกินอาหาร ทำไมลูกแมวตัวใหม่ไม่ยอมกินข้าว? ชามที่ใช้ ลูกแมวไม่ชอบให้หนวดของตนสัมผัสกับขอบถ้วยเวลาที่ก้มลงไปกินอาหาร ปัจจุบัน มีคณะวิจัยกำลังศึกษาอาการ รำคาญหนวดตนเอง และยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจน แต่ที่แน่นอนคือหนวดแมวเป็นเสมือนเสาสัญญาณที่รับสิ่งต่าง ๆ ได้ไว ทำให้ลูกแมวสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว ในทางทฤษฎีกล่าวว่า หากหนวดแมวสัมผัสถูกสิ่งต่าง ๆ ระหว่างกินอาหาร จะทำให้แมวรู้สึกไม่อยากกินอาหารได้ เป็นเหตุผลที่เราแนะนำให้ใช้ถ้วยที่มีปากกว้างและก้นตื้น เพื่อไม่ให้หนวดแมวสัมผัสโดนภาชนะ ตำแหน่งที่วาง ตำแหน่งที่คุณวางถ้วยอาหารแมวก็สำคัญพอ ๆ กับการเลือกอาหารเลย หากลูกแมวตัวใหม่ไม่ยอมกินอาหาร นั่นอาจเกิดจากตำแหน่งที่วางถ้วยอาหารก็ได้ ควรวางถ้วยไว้ให้ห่างจากกระบะทรายแมว ในบริเวณที่สงบไม่วุ่นวาย เพื่อให้แมวกินได้อย่างสบายใจ หากคุณเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นไว้ในบ้าน ด้วยสัญชาติญาณนักล่าที่ยังคงอยู่ของแมว อาจทำให้ลูกแมวอยากจับสัตว์เหล่านั้นมาเป็นมื้อค่ำแทนก็ได้ ลองวางถ้วยอาหารแมวให้ห่าง แล้วดูว่าแมวจะยอมกินหรือไม่ ความสะอาด ลูกแมวไม่กินอาหาร ถ้าหากถ้วยที่ใส่อาหารไม่สะอาดพอ อย่าลืมใช้น้ำยาล้างจานล้างให้สะอาด แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าให้หมดจดทุกครั้งที่แมวกินอาหารเสร็จ อาจจะใช้ถ้วยเซรามิกแทน เพราะเซรามิกจะไม่ดูดกลิ่นแบบพลาสติก
ดูแลลูกแมว
ดูแลน้องแมวยังไงให้ห่างไกล“ความเครียด”
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ดูแลน้องแมวยังไง ให้ห่างไกล “ความเครียด” ภายใต้ความสุขุมนุ่มลึก จริงๆ แล้ว น้องแมวก็ซ่อนความเครียดเอาไว้ไม่น้อยเลยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องแมวที่ถูกพาย้ายมายังสถานที่ใหม่ๆ หรือน้องแมวที่ถูกเลี้ยงอยู่ในห้องหรือคอนโดที่มีโอกาสเกิดเสียงดังเป็นประจำ ได้กลิ่นแปลกๆ หรือพบกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคยเป็นประจำ ทั้งหมดนั้นอาจจะเป็นสาเหตุของอาการแมวเครียดก็ได้ค่ะ ถึงแม้ว่าความเครียดอาจจะมาจากการได้เจอสิ่งใหม่ๆ เช่นของเล่นชิ้นใหม่หรือเพื่อนใหม่ ที่ในขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเค้าได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าปล่อยให้เจอความเครียดที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพได้ แถมเจ้าเหมียวของเราอาจจะสื่อสารได้แย่ลง มีแนวโน้มที่จะตีตัวออกห่าง จนยากที่จะระบุได้ว่าความเครียดนั้นมาจากไหน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้องแมวกำลังเครียด? จำไว้ว่าไม่มีใครรู้จักน้องแมวดีเท่าตัวเราเองอีกแล้ว ดังนั้นวิธีการสังเกตการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมต่างๆ ของเจ้าเหมียวนั้น จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบอกได้ว่าเค้ากำลังอยู่ในภาวะไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การนอนหลับ หรือแม้แต่การเล่นที่ผิดปกติไปจากที่เค้าเคยทำเป็นประจำ ซึ่งถ้าปล่อยให้น้องแมวเครียดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปน้องแมวของเราอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น อาจเกิดอาการตัวสั่น เลียขนตัวเองมากเกินพอดี หรือการปัสสาวะเรี่ยราดได้ค่ะ ดังนั้นถ้าเราสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้ ทางที่ดีที่สุดอย่าลืมพาเจ้าเหมียวของเราไปพบสัตว์แพทย์ เพื่อความมั่นใจว่าเค้าสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีนะคะ และสำหรับในครั้งนี้ Purina ONE รวบรวม 5 สาเหตุยอดนิยม ที่ทำให้น้องแมวเครียดมาฝากกัน เพื่อให้เพื่อนๆ รับมือและหาทางแก้ได้อย่างเหมาะสม สาเหตุความเครียดที่ 1: การเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน โดยนิสัยแล้ว แมวเป็นสัตว์ที่หวงอาณาเขตมากพอสมควรเลยค่ะ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายในบ้านจึงทำให้เค้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการจัดหรือการเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ใหม่ การปรับปรุงเพิ่มเติมบ้าน หรือแม้แต่บ้านที่รกขึ้นเองก็ตาม ก็ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่สำหรับน้องแมวแล้วล่ะ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เพื่อนๆ ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการจัดบ้าน สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดคือตำแหน่งของจุดที่ให้น้ำให้อาหาร ที่นอนแมว กระบะทรายแมว รวมถึงแหล่งหลบภัยของเค้าอย่างกล่องใบเล็กๆ นั้นจะต้องไม่ถูกขยับออกจากจุดเดิม หรือไม่ควรจะมีสิ่งกีดขวางใดมาบดบังไม่ให้น้องแมวเดินทางไปยังจุดที่เค้าคุ้นชินแม้แต่น้อย เนื่องจากการเคลื่อนย้ายของของเค้า หรือแม้แต่การปิดทางเข้าสู่ของพวกนั้น สามารถสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างทันทีทันใดให้กับเจ้าเหมียวของเราได้ จนกลายเป็นสาเหตุของความเครียดได้ค่ะ สาเหตุความเครียดที่ 2: การย้ายบ้าน การถูกย้ายไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เค้าไม่สามารถคาดเดาได้นับเป็นเรื่องยากค่ะ อย่าลืมว่าน้องแมวนั้นเป็นนักล่า และโดยวิสัยของนักล่าแล้วเค้าย่อมระมัดระวังและต้องการรู้จักทุกอย่างรอบๆ ตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากเพื่อนๆ มีความจำเป็นจะต้องย้ายบ้าน ลองทำตามข้อแนะนำพวกนี้ดูนะคะ • แกะกล่องจัดของภายในบ้าน ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนที่เจ้าเหมียวของเราจะมาถึง เพื่อช่วยให้เค้าไม่ต้องเครียดขึ้นเรื่อยๆไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นระหว่างที่เราแกะหีบห่อต่างๆ • นำของเล่นชิ้นโปรดของเค้ามาด้วย และวางไว้ในที่ที่คล้ายๆ กับที่เคยวาง • ปล่อยให้น้องได้ทำความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ของเค้าด้วยวิธีของเค้าเอง • ให้ความรักความอบอุ่นแก่เค้ามากเท่าที่เราจะทำได้ สาเหตุความเครียดที่ 3: สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ หรือคนแปลกหน้า ปกติแมวสร้างอาณาเขตของเค้าด้วย “กลิ่น” ซึ่งเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญของพวกเค้า และกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยอาจถูกตีความว่าเป็นการลุกล้ำไปยังดินแดนของพวกเค้า และสร้างความตึงเครียดได้ แมวตัวใหม่ สุนัข เด็กทารก หรือแม้แต่คู่รักของเราอาจจะเป็นตัวกระตุ้นความวิตกกังวลของเค้าเช่นกัน อันที่จริงแค่แขกที่แวะมาเยี่ยม หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่เข้ามาชั่วครั้งชั่วคราวก็เป็นสาเหตุของความเครียดได้ด้วยนะ แล้วจะทำอย่างไรดีหากต้องเพิ่มสมาชิกใหม่ภายในบ้าน? ลองทำตามคำแนะนำนี้ดูนะคะ • สร้างความคุ้นเคยด้วยผ้าห่ม ของเล่น หรือเสื้อผ้าที่เป็นของของผู้มาใหม่ • ให้เจ้าเหมียวและเพื่อนใหม่ของเค้าได้พบกันแบบสั้นๆ ในบริเวณที่เราคอยดูแลแมวได้ • ค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาการอยู่ด้วยกันระหว่างเพื่อนใหม่ทั้งสอง ไม่ว่าคนหรือสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าเหมียวจะรู้สึกสบายใจ สาเหตุความเครียดที่ 4: การหายไปของคนรู้จัก หรือเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ การสูญเสียหรือการหายไปของใครบางคน (หรือบางตัว) นั้นยากเสมอสำหรับน้องแมว เหมือนๆ กับมนุษย์นั่นแหละค่ะ ในวันที่มีสมาชิกในครอบครัวตายจากกันไป หรือแม้แต่ย้ายออกไปอยู่ที่ใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะทำให้เจ้าเหมียวของเราต้องประสบปัญหาความเครียดได้ เราสามารถเยียวยาน้องแมวได้ด้วยการเพิ่มกิจกรรมนอกบ้านหรือในสถานที่ใหม่ๆ โดยไม่บังคับเค้าจนมากเกินไปเพื่อให้บรรยากาศนั้นช่วยบรรเทาความเครียดของเค้าลงนั่นเองค่ะ สาเหตุความเครียดที่ 5: การกระตุ้นที่มากเกินไป น้องแมวชอบสืบเสาะตามรอยเสียงแปลกๆ ก็จริง แต่จำไว้ว่าต้องอยู่ในระดับที่พอดีเท่านั้นนะคะ เพราะเสียงดนตรีดังๆ เสียงโทรทัศน์ หรือเสียงของสัตว์เลี้ยงตัวอื่น อาจทำให้เจ้าเหมียวของเราตกกังวลได้ ถ้าเค้าดูเริ่มเครียดแล้ว ลองหรี่เสียงลงดูก็เป็นวิธีที่ช่วยได้มากค่ะ คล้ายๆ กันกับการสัมผัสเนื้อตัวของเค้า ถ้ามากเกินไปก็อาจทำให้เจ้าเหมียวของเราทำตัวไม่ถูก Purina ONE แนะนำให้เพื่อนๆ ลองสังเกตภาษากายของเค้าเวลาที่ถูกแตะตัวดู เราจะสามารถบอกได้ว่า สัมผัสประมาณไหนที่พอดี ถ้าแมวของเราต้องการการสัมผัส ให้เราลองนวดเค้าเบาๆ ใช้ปลายนิ้วของเราหมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ การนวดแบบนี้จะช่วยให้น้องเหมียวรู้สึกผ่อนคลายได้ สาเหตุความเครียดอีกอย่างหนึ่งของน้องแมวหลายๆ ตัวก็คือ การที่เค้าเจอกับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยนั่นเองค่ะ โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงแมวในระบบปิดที่ไม่ได้พาน้องแมวปล่อยออกไปนอกบ้านบ่อยๆ ก็จะรู้กันดีว่าน้องแมวของเรามักจะไม่ชอบหรือกลัวคนแปลกหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติค่ะ ก็ขอแนะนำให้เราพยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้เค้าได้เจอกับสิ่งที่ไม่ชอบจะดีที่สุดเพราะการไปบังคับน้องแมวจนเกินไป อาจทำให้เค้าเกิดอาการเครียดได้มากกว่าที่เราคิด จะเห็นได้ว่าน้องแมวก็มีจิตใจและความรู้สึกไม่ต่างไปจากมนุษย์ ดังนั้นการดูแลแมวและรับมือกับความเครียดของเค้าให้ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราในฐานะผู้เลี้ยงแมวต้องเรียนรู้ นอกจากเคล็ดลับต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อาหารแมวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เค้ามีความสุขมากขึ้น โดยควรเลือกอาหารแมวคุณภาพดีที่ช่วยให้สุขภาพร่างกายของเค้าแข็งแรง มีครบทั้ง 6 สัญญาณสุขภาพดี เพราะน้องแมวก็เหมือนมนุษย์แหละค่ะ อาหารอร่อยเยียวยาหัวใจได้เสมอ โดยเฉพาะอาหารแมว Purina ONE เกรดพรีเมี่ยมที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ทั้งปลาแซลมอน ปลาทูน่า เนื้อไก่ และเนื้อไก่งวงแท้ๆ ทำให้มีรสชาติอร่อย กลิ่นหอม ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เหมาะสมกับแมวในแต่ละช่วงวัย เพื่อนๆ สามารถเลือกซื้อไปให้น้องแมวทานได้อย่างสะดวกสบาย อ้างอิง: http://www.click2vet.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show &WBntype=2&No=1410783 http://www.rakmaw.com/เรื่องแมว-แมว/ทำอย่างไรดีเมื่อแมวเครียด.html
ดูแลลูกแมว
ดูแลลูกแมวแรกเกิดอย่างไรให้มีสุขภาพดี
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ดูแลลูกแมวแรกเกิดอย่างไรให้มีสุขภาพดี เมื่อถึงคราวที่เราต้องกลายเป็นแม่แมวมือใหม่ สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะคิดขึ้นมาเป็นสิ่งแรกก็คงไม่หนีไปจากการเลี้ยงเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง เพราะการดูแลลูกแมวตัวน้อยให้มีสุขภาพดี ได้รับการดูแล และฝึกฝนสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมนั้น ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และต้องเพิ่มเติมความรักความเอาใจใส่เข้าไปด้วย มาเรียนรู้วิธีการดูแลลูกแมวให้มีสุขภาพดี และมีความสุขไปด้วยกันด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษเมื่อรับเลี้ยงลูกแมว ก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงลูกแมว ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าการเลี้ยงลูกแมว แตกต่างอย่างมากกับการเลี้ยงแมวที่โตแล้ว เพราะลูกแมวมีความต้องการด้านต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกับแมวที่โตเต็มวัยแล้ว ยิ่งเป็นลูกแมวกำพร้าที่เราต้องรับเลี้ยงมาก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวัยที่หย่านมแล้ว ก็ยิ่งจำเป็นต้องดูแลอย่างใส่ใจมากขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการดูแลลูกแมวในแต่ละช่วงอายุ ได้แก่ • ลูกแมวอายุต่ำกว่า 8 สัปดาห์ : หากคุณต้องรับเลี้ยงลูกแมวที่อยู่ในวัยนี้ ซึ่งเป็นวัยที่โดยปกติแล้วยังต้องอยู่กับแม่แมวและพี่น้องแมวตัวอื่น ๆ ในครอก ก่อนช่วงลูกแมวอายุ 1 นี้ร่างกายของลูกแมวจะยังปรับอุณหภูมิเองได้ไม่ดีนัก จึงควรเปิดไฟกกให้กับลูกแมวเพื่อเพิ่มความอบอุ่น มีการปูแผ่นรองนอน ไม่ให้บริเวณที่นอนเย็นเกินไป ป้อนนมทดแทนสำหรับลูกแมวโดยใช้ขวดนมสำหรับลูกแมวทุก ๆ 2 ชั่วโมง และใช้สำลีชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด และกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่าย ที่สำคัญควรพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และถ่ายพยาธิ • ลูกแมวอายุ 8-11 สัปดาห์ : เป็นช่วงที่ลูกแมวอายุ 1 เดือนแล้ว ซึ่งการเลี้ยงลูกแมวอายุ 1 เดือนขึ้นไปนี้จะเป็นระยะที่ลูกแมวเข้าสู่ช่วงหย่านมและเริ่มที่จะกินอาหารแสนอร่อย เจ้าของน้องแมวควรเลือกอาหารที่มีสารอาหารเข้มข้นให้พลังงานสูงเหมาะกับช่วงอายุของน้องแมววัยซน เช่น เพียวริน่า วัน อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม สำหรับลูกแมวทุกสายพันธุ์ ที่มีโปรตีนสูง 40% ให้เหมาะกับลูกแมววัยกำลังเจริญเติบโต มี DHA สารที่พบในน้ำนมแม่ เพื่อพัฒนาการทางสมองและสายตา และทำจากเนื้อไก่และข้าว เพื่อให้ย่อยง่ายเหมาะสำหรับลูกแมว • ลูกแมวอายุ 2 เดือน-4 เดือน : ช่วงอายุนี้ลูกแมวจะเติบโตอย่างรวดเร็วมาก และใช้พลังงานสูงกว่าแมวโตเต็มวัยถึง 3 เท่า อาหารที่มีโปรตีนสูงจึงจำเป็นสำหรับลูกแมวในช่วงวัยนี้เช่นกัน ที่สำคัญควรพาลูกแมวในช่วงอายุนี้ไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เริ่มโปรแกรมการดูแลและป้องกันพยาธิภายใน และเริ่มทำโปรแกรมวัคซีนตามที่สัตวแพทย์แนะนำ • ลูกแมวอายุ 4 เดือน-6 เดือน : เป็นช่วงวัยที่กำลังก้าวไปสู่ความเป็นวัยรุ่น สามารถพูดคุยกับสัตวแพทย์เพื่อเตรียมตัวที่จะทำหมัน เพื่อลดปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆ อันไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการปัสสาวะเรี่ยราดไปทั่วเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ พฤติกรรมก้าวร้าวต่าง ๆ เตรียมตัวดูแลอย่างไรเมื่อได้รับลูกแมวมาเลี้ยง เมื่อเราต้องเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่รับลูกแมวมาเลี้ยง อาจจะยังกังวลใจเกี่ยวกับวิธีเลี้ยงลูกแมวอยู่บ้าง แม้ว่าการที่ลูกแมวได้อยู่กับแม่แมวจนถึงช่วงที่ลูกแมวตัวเล็กหย่านมนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้เราต้องกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกแมวขึ้นมา เราก็ควรเตรียมตัวเอาไว้กับวิธีเลี้ยงลูกแมว และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้เอาไว้ดังต่อไปนี้ • เตรียมใจและเวลา : การเป็นคุณแม่จำเป็นให้กับลูกแมวนั้นนอกจากจะต้องใช้ทั้งพลังงานและความเอาใจใส่แล้ว ยังต้องมีเวลาที่จะดูแลลูกแมวตัวน้อย ซึ่งก็แทบไม่ต่างจากการเลี้ยงเด็กเล็ก ๆ สักเท่าไหร่ ดังนั้นหากทราบแล้วว่าต้องรับบทเป็นคุณแม่มือใหม่แล้วควรให้ความใส่ใจแก่ลูกแมวให้มาก ๆ โดยเฉพาะในลูกแมวแรกเกิด ไปจนถึงลูกแมวอายุ 1 เดือน โดยควรแบ่งเวลาเพื่อดูแลลูกแมว มีการสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกแมว เพื่อที่เราจะได้ช่วยเหลือลูกแมวได้อย่างทันท่วงที • เตรียมสถานที่ให้เหมาะสม : เลือกบริเวณที่แห้ง สะอาด มีผ้าหรือวัสดุปูรองนอนเอาไว้ และมีโคมไฟคอยส่องให้กับลูกแมว โดยเฉพาะในลูกแมวแรกเกิด ถึงลูกแมวอายุ 1 เดือน ควรเลือกเลี้ยงลูกแมวในบริเวณที่เงียบ ไม่พลุกพล่าน อากาศถ่ายเทได้ดี และปลอดภัยจากสัตว์ชนิดอื่น • เลือกนมให้เหมาะสม : นมที่ดีที่สุดสำหรับลูกแมวนั้นคือน้ำนมจากแม่แมว โดยลูกแมวจะกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด ถึง อายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ นมแม่จะมีสารอาหารที่เหมาะสมกับระบบย่อยอาหารและการเจริญเติบโต รวมทั้งมีปริมาณน้ำตาลแลคโตสในน้ำนมที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องนี้สำคัญ เพราะหากมีปริมาณของน้ำตาลแลคโตสในน้ำนมที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาท้องเสีย ท้องอืด และร้ายแรงถึงขั้นทำให้ลูกแมวตัวน้อยเสียชีวิตได้ ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถให้นมลูกแมวได้ หรืออุปการะลูกแมวที่ไร้บ้านมา ควรเลือกนมทดแทนสำเร็จรูปสำหรับลูกแมวโดยเฉพาะ เพราะมีสารอาหารที่ใกล้เคียงกับนมของแม่แมว หรืออาจเลือกใช้นมแพะทดแทนได้เช่นกัน แต่ไม่ควรให้นมวัวเพื่อทดแทนนมแม่แมว เพราะนมวัวมีปริมาณของแป้งและปริมาณแลคโตสไม่เหมาะสมกับลูกแมว ทำให้ลูกแมวไม่สามารถย่อยนมได้ ซึ่งอาจทำให้ลูกแมวป่วยจากอาการท้องอืด ท้องเสีย จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ • รู้จักการป้อนนมอย่างถูกวิธี : นอกจากต้องเลือกนมให้ถูกต้องแล้ว การป้อนนมอย่างถูกวิธีก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเลี้ยงลูกแมว โดยการป้อนนมลูกแมวควรใช้ขวดนมและจุกนมที่ออกแบบมาสำหรับลูกแมวโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่สามารถควบคุมความเร็วของการไหลน้ำนมที่ออกมาที่จุกยางได้ด้วยแรงบีบของนิ้วมือ น้ำนมควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 36.6-37.7 องศาเซลเซียส ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ป้อนนมก่อนและหลังใช้งานทุกครั้ง วิธีการป้อนนมลูกแมวสามารถทำเองได้ไม่ยากโดยเริ่มจาก นำลูกแมววางไว้บนตักให้มีท่าคล้ายกับตอนกินนมแม่ในธรรมชาติ โดยเมื่อเริ่มป้อนให้ค่อย ๆ หยดนมหนึ่งหยดจากจุกนม แล้วนำหยดนมจ่อให้ชิดปากของลูกแมวมากที่สุด จากนั้นลูกแมวจะได้กลิ่นนมแล้วยกปากเข้าหาเพื่อดูดเองตามธรรมชาติ ระวังอย่าป้อนนมด้วยโดยให้ลูกแมวนอนหงายเพื่ออาจจะทำให้ลูกแมวสำลักนมได้ • รู้เวลาหย่านม : ต่อจากเรื่องป้อนนม ก็คือควรรู้ว่าลูกแมวเริ่มหย่านมในช่วงเวลาใด ซึ่งในแมวจะหย่านมที่อายุประมาณ 7-8 สัปดาห์ ดังนั้นอย่าลืมฝึกให้ลูกแมวได้รู้จักกับอาหารอาหารเม็ดสูตรหย่านมแสนอร่อยและมีคุณค่าครบถ้วน เพื่อให้ลูกแมวได้คุ้นเคยกับอาหารเม็ดและกินอาหารเม็ดได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป • เลือกอาหารเม็ดที่เหมาะสม : อาหารที่มีคุณภาพ และมีสารอาหารครบถ้วน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของลูกแมว ดังนั้นการเลือกอาหารที่เสริมเรื่องการเติบโตจึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ มาเสริมสร้างร่างกายของลูกแมวที่คุณรักด้วย เพียวริน่า วัน เฮลธี้ คิทเท่น ฟอร์มูล่า อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม สำหรับลูกแมวทุกสายพันธุ์ ทำจากเนื้อไก่และข้าว ที่ให้สารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของลูกแมวอายุตั้งแต่ 3 สัปดาห์-1 ปี o ทำจากเนื้อไก่และข้าว ย่อยง่ายเหมาะสำหรับลูกแมว o มี DHA สารที่พบในน้ำนมแม่ เพื่อพัฒนาการทางสมองและสายตา o มีโปรตีนสูงถึง 40% เหมาะสำหรับลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโต o มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง o เม็ดขนาดเล็กดูแลสุขภาพช่องปาก ช่วยลดกลิ่นปากและหินปูน มาเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องสารอาหารที่จำเป็นในลูกแมว เพื่อเริ่มต้นมอบสุขภาพที่ดีของลูกแมวของเรา พิสูจน์ได้จริงจาก 6 สัญญาณสุขภาพดีกันดีกว่า o สารอาหารจำเป็น : สารอาหารที่ลูกแมวตั้งแต่ช่วงอายุ 3 สัปดาห์-1 ปี ต้องการเป็นพิเศษ ▪ อาหารที่มีโปรตีนสูง : เพื่อช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ และให้พลังงานเพียงพอกับพฤติกรรมในแต่ละวันของลูกแมว ▪ แคลเซียมและฟอสฟอรัส : เพื่อการพัฒนาอย่างเต็มที่ของกระดูกและข้อต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 4 เดือนแรก ▪ DHA : เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการมองเห็นของลูกแมว สารอาหารจำเป็นเหล่านี้หาได้ครบถ้วนใน เพียวริน่า วัน อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม สำหรับลูกแมวทุกสายพันธุ์ ที่มีโปรตีนสูง 40% ให้เหมาะกับลูกแมววัยกำลังเจริญเติบโต ทำจากเนื้อไก่และข้าว ย่อยง่ายเหมาะสำหรับลูกแมว มี DHA สารที่พบในน้ำนมแม่ เพื่อพัฒนาการทางสมองและสายตา มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง และมีเม็ดขนาดเล็กดูแลสุขภาพช่องปาก ช่วยลดกลิ่นปากและหินปูนอีกด้วย • กระตุ้นการขับถ่ายให้ลูกแมว : โดยธรรมชาติแม่แมวจะเลียกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่าย ดังนั้นการกระตุ้นระบบขับถ่ายเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม เพราะลูกสัตว์นั้นยังไม่สามารถขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะได้เอง คุณพ่อคุณแม่ลูกแมวสามารถใช้สำลีชุบน้ำอุ่นถูเบา ๆ บริเวณอวัยวะเพศและรูก้นของลูกแมวเพื่อเป็นการการช่วยกระตุ้นให้ขับถ่าย การกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่ายนี้จำเป็นอย่างมากในลูกแมวแรกเกิดถึงก่อนลูกแมวอายุ 1 เดือน • พาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์ : นอกจากจะไปตรวจร่างกายเมื่อย้ายบ้านใหม่แล้ว คุณหมอจะวางโปรแกรมในการดูแลสุขภาพทั้งการฉีดวัคซีน และถ่ายพยาธิให้ เพราะในช่วงแรกร่างกายลูกแมวจะยังมีการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีความเสี่ยงติดโรคอันตรายต่าง ๆ ป้องกันไว้ก่อนนอกจากจะดีต่อตัวลูกแมวเองแล้ว คุณพ่อคุณแม่ลูกแมวมือใหม่ก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเวลาลูกแมวตัวเล็กป่วยอีกด้วย สรุป เมื่อทุกท่านเข้าสู่อาณาจักรคนรักแมวในฐานะเจ้าของแมวมือใหม่ที่เพิ่งรับลูกแมวมาเป็นสมาชิกในครอบครัวแล้ว ไม่ต้องกังวลหรือสับสนในวิธีการเลี้ยงลูกแมวไป เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มีความรู้ที่ถูกต้องในข้อควรคำนึงถึงสำหรับการดูแลลูกแมวในแต่ละช่วงวัย (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง มาตามติดพัฒนาการลูกแมวกันเถอะ) รวมทั้งมีการดูแล พาไปพบสัตวแพทย์เพื่อเข้าโปรแกรมวัคซีนและถ่ายพยาธิเป็นประจำ ที่สำคัญที่สุดคือควรคัดสรรโภชนาการอาหารสำหรับลูกแมว ที่ทำมาจากวัตถุดิบชั้นดี มีคุณค่าทางอาหารเหมาะสมสำหรับลูกแมวโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกแมวเติบโตบนโลกกว้างได้อย่างสมวัย ร่าเริงสดใส และมีสุขภาพที่ดี
ดูแลลูกแมว
มาตามติดพัฒนาการลูกแมวกันเถอะ
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
มาตามติดพัฒนาการลูกแมวกันเถอะ ใครที่มีโอกาสได้เลี้ยงลูกแมวตัวเล็กจะรู้เลยว่าการเลี้ยงลูกแมวตั้งแต่วัยนี้เป็นช่วงเวลาที่เจ้าของแมวจะมีความสุขมากๆ เพราะนอกจากความน่ารักน่าเอ็นดูแล้ว การเลี้ยงลูกแมวยังถือเป็นหนึ่งในหน้าความทรงจำดีๆ ที่มีต่อลูกแมวตัวน้อย เพราะพัฒนาการลูกแมวในช่วงเวลานี้จะรวดเร็วมาก ลูกแมวจะเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจ มีอะไรน่ารักน่าจดจำให้เราได้ยิ้มกันตลอด มาตามติดพัฒนาการลูกแมวกัน แล้วคุณจะพบวิธีเลี้ยงลูกแมวให้สดใสแข็งแรงสมวัย
ดูแลลูกแมว
มือใหม่เตรียมพร้อม รับเลี้ยงลูกแมวตัวแรก
มือใหม่เตรียมพร้อม รับเลี้ยงลูกแมวตัวแรก
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
มือใหม่เตรียมพร้อม รับเลี้ยงลูกแมวตัวแรก สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้นเลี้ยงแมวตัวแรก หรือมีลูกแมวตัวใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัวแล้วล่ะก็ การเตรียมตัวและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับดูแลเค้า ก็จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่ดูแลน้องแมวตัวน้อยให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้เร็วขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้เค้ามีอารมณ์ที่สดใสแล้ว ยังช่วยให้ลูกแมวตัวน้อยของเรา กลายเป็นลูกแมว สุขภาพดี สามารถทานอาหาร พักผ่อน และขับถ่ายเป็นปกติ ให้คุณพ่อคุณแม่น้องเหมียวมือใหม่อุ่นใจได้นั่นเองค่ะ 1. ตะกร้าแมว สำหรับเดินทางกลับบ้าน สำหรับการเลี้ยงแมวนี่ คือไอเท็มที่จำเป็นมากเลยค่ะ เพราะการพาลูกแมวไปหาหมอ หรือการเคลื่อนย้ายน้องแมวไปยังสถานที่ใหม่ อาจทำให้ลูกแมวตื่นกลัวและไม่สบายตัว เพื่อนๆ จึงควรเลือกขนาดตะกร้าที่ใหญ่พอให้แมวยืนและหมุนตัวได้ง่าย ควรปิดมิดชิด แต่ต้องระบายอากาศได้ดี และก่อนใช้งานควรปูผ้าเช็ดตัวนุ่มๆ ที่เราใช้งานไปแล้วรองที่พื้นเสียก่อน เพราะกลิ่นที่คุ้นเคยจะทำให้ลูกแมวรู้สึกสบายและปลอดภัยค่ะ 2. ชามใส่น้ำและอาหารลูกแมว เพื่อนๆ สามารถเลือกชามที่เหมาะสมกับขนาดตัวของลูกแมวได้อย่างอิสระ แต่แนะนำว่าอย่าลืมเติมน้ำสะอาดเอาไว้ให้เค้าทานเสมอเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะของแมว ช่วยให้ลูกแมวสุขภาพดี และควรทำความสะอาดชามอาหารลูกแมวทุกวันนะคะ 3. กระบะทราย สำหรับเป็นห้องน้ำแมว ถึงจะยังเป็นเพียงลูกแมวตัวน้อย แต่ก็แนะนำให้มองหากระบะทรายที่ใหญ่พอสำหรับน้องแมวตัวเต็มวัยเอาไว้ก่อนได้ค่ะ เพื่อที่เค้าจะสามารถใช้ได้ยาวๆ จนโต และขอแนะนำให้เลือกกระบะทรายที่มีความลึกอย่างน้อย 3 เซนติเมตร เพื่อให้น้องแมวตะกุยทรายกลบของเสียเค้าได้สะดวกด้วยนะคะ 4. ทรายแมวคุณภาพดี ทรายแมวเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับการขับถ่ายของลูกแมว รวมทั้งยังช่วยให้สุขอนามัยภายในบ้านดีขึ้นอีกด้วย เราจึงควรเลือกใช้ทรายแมวที่ได้คุณภาพ เพราะนอกจากจะช่วยให้กระบะทรายของลูกแมวสะอาดแล้ว ตัวทรายแมวควรจะอุ้มน้ำได้ดีและขจัดกลิ่นได้มากกว่าการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือขี้เลื่อยค่ะ เพื่อนๆ ควรใช้ตะแกรงเหล็กตักของเสียของลูกแมวออกจากทรายแมวทุกวันเพื่อทำความสะอาด เพื่อสุขอนามัยของลูกแมว และล้างด้วยน้ำและสบู่สัปดาห์ละครั้ง เพราะน้องแมวนั้นไม่ชอบกระบะทรายแมวที่เหม็นและสกปรกนะคะ
ดูแลลูกแมว
indoor-cats
คู่มือการเลี้ยงแมวในบ้าน
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
การเลี้ยงแมวในบ้านกำลังเป็นที่นิยม ถ้าคุณต้องการเลี้ยงแมวในบ้าน Purina ได้รวบรวมเทคนิคและสาระน่ารู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแมวในบ้านไว้แล้วในบทความนี้ เจ้าของแมวหลายรายมักปล่อยให้แมวออกไปเดินเที่ยวนอกบ้าน แต่ด้วยความเสี่ยงในโลกภายนอกที่เพิ่มมากขึ้น หลายคนจึงหันมาเลี้ยงแมวในบ้านเพื่อความปลอดภัยแทน อันที่จริง มีหลายสาเหตุที่คนหันมาเลี้ยงแมวในบ้านเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเรื่องความปลอดภัย หรือเป็นเพราะอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดในเมือง มีการจราจรพลุกพล่าน หากคุณเพิ่งเริ่มเลี้ยงลูกแมวหรือแมวตัวใหม่ อาจจะยังไม่แน่ใจว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง แมวจะชอบหรือไม่ ร่วมค้นหาคำตอบได้ในบทความนี้ รู้ได้อย่างไรว่าแมวอยากอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน การคำนึงถึงความต้องการของแมวเป็นสิ่งสำคัญ สัตว์เลี้ยงมักแสดงความต้องการของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนว่าอยากอยู่ในบ้านหรือออกไปสนุกนอกบ้าน แมวสูงวัย แมวพิการ หรือแมวที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมักชอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในบ้านมากกว่า นอกจากนี้ แมวที่ตื่นกลัวโลกภายนอกเพราะมีแมวข้างบ้านที่เกเรและหวงอาณาเขต หรือมีเสียงอึกทึกครึกโครมที่เจ้าตัวไม่ชอบ ก็เหมาะที่จะนำมาเลี้ยงในบ้านเช่นกัน ส่วนแมวที่เลี้ยงนอกบ้านมักชอบขอให้เจ้าของปล่อยออกไปข้างนอกอยู่เรื่อย ๆ และมักส่งเสียงร้องตลอดเวลา หรืออาจหาวิธีออกนอกบ้านหรือวิ่งออกไปทุกครั้งที่ประตูแง้มออก
ดูแลลูกแมว
ดูทั้งหมด
พฤติกรรมและการฝึก
ดูทั้งหมด
training-your-cats
วิธีฝึกลูกแมวและแมวโตเต็มวัย
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
หลายคนคิดว่าการฝึกเป็นเรื่องของสุนัข แต่ทราบหรือไม่ว่า แมวก็เรียนรู้คำสั่งได้เช่นกัน แมวของคุณสามารถจดจำชื่อของตัวเองได้ และมาหาเมื่อคุณเรียก เพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงของคุณเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ คุณควรเริ่มฝึกตั้งแต่เขายังเด็ก ๆ วิธีฝึกแมวให้มีทักษะการเข้าสังคม การฝึกลูกแมวเริ่มที่การเข้าสังคม ยิ่งแมวได้พบเจอผู้คนตั้งแต่เด็กมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตื่นกลัวเมื่อโตขึ้นน้อยลงเท่านั้น ทันทีที่ลูกแมวเดินได้เองโดยที่แม่แมวไม่ต้องคอยช่วยเหลือ ลูกแมวมักจะเข้าหาสถานการณ์ใหม่ ๆ ด้วยความมั่นใจและความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นอุปนิสัยที่โดดเด่นของแมว ลูกแมวจะมีความกลัวน้อยที่สุดเมื่ออายุ 3-7 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่พวกเขาเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมของตน เมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ลูกแมวจะระวังตัวมากขึ้น ดังนั้นผู้เพาะพันธุ์จึงควรแนะนำสิ่งต่าง ๆ ให้แมวรู้จักให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนที่คุณจะมารับไป ซึ่งช่วงวัยที่ดีที่สุดของการนำไปเลี้ยงคือ 8-13 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และผู้เพาะพันธุ์) การพัฒนาทางอารมณ์ของลูกแมวไม่ได้หยุดอยู่ที่อายุ 12 สัปดาห์ คุณจึงควรฝึกลูกแมวต่อเมื่อมาอยู่ที่บ้าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกแมวของคุณพัฒนาต่อไปได้อีก • เชิญเพื่อนที่มีลักษณะต่าง ๆ กันมาที่บ้าน เพื่อช่วยให้ฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับผู้คนที่มีลักษณะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ เพศ ส่วนสูง สีผม และอื่น ๆ • หากบ้านของคุณไม่มีเด็ก ลองชวนเด็ก ๆ มาที่บ้านแต่ต้องแน่ใจว่าคุณได้บอกวิธีดูแลลูกแมวให้เด็กทราบ โดยเฉพาะถ้าเด็กเหล่านี้ไม่เคยเห็นลูกแมวมาก่อน • และถ้าคุณรู้จักคนที่มีสุนัขที่เป็นมิตรกับแมว ชวนให้เขาพาสุนัข มาเจอกับลูกแมวของคุณด้วย แต่สุนัขควรจะต้องผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีและสามารถปฏิบัติตามคำสั่ง “นิ่ง/คอย” แม้ว่าจะตื่นเต้นเมื่อพบกับเพื่อนใหม่ตัวจิ๋วก็ตาม
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
เราจำเป็นต้องอาบน้ำแมวหรือไม่?
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เราจำเป็นต้องอาบน้ำแมวหรือไม่? หลายคนอาจเคยได้ยินความเชื่อที่ว่าแมวเป็นสัตว์กลัวน้ำ แม้ว่าเราจะรู้ว่าการอาบน้ำนั้นเป็นวิธีในการทำความสะอาดแมว ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม แต่ด้วยความที่แมวเองก็ทำท่าไม่อยากจะอาบน้ำสักเท่าไหร่ ทำให้เจ้าของที่เลี้ยงแมวสงสัยว่าแมวต้องอาบน้ำไหม แมวอาบน้ำได้หรือเปล่า ตอบก่อนเลยตรงนี้ว่าเจ้าของสามารถอาบน้ำให้แมวเองได้นะ และวันนี้จะมาบอกวิธีการอาบน้ำแมวยังไงให้น้องแมวสะอาด แถมเจ้าของอย่างเราก็ยังปลอดภัยจากรอยข่วนที่แมวอาจจะฝากไว้ได้อีกด้วย
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
เลือกของเล่นแมวให้ถูกใจ ชิ้นไหนใช้ออกกำลังกายเพลิน
เลือกของเล่นแมวให้ถูกใจ ชิ้นไหนใช้ออกกำลังกายเพลิน
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เลือกของเล่นแมวให้ถูกใจ ชิ้นไหนใช้ออกกำลังกายเพลิน สำหรับคนเลี้ยงแมวอย่างเราๆ เป็นที่รู้กันดีว่า สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องมีติดบ้านอยู่มากกว่าหนึ่งชิ้นเลยก็คือ “ของเล่นแมว”นั่นเองค่ะ เพราะโดยปกติแล้วน้องแมวนั้นเป็น สัตว์ที่มีสัญชาติญาณของนักล่าอยู่ในตัว เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมน้องแมว ส่วน ใหญ่ถึงชอบวิ่งไล่จับสัตว์ตัวเล็กๆ เป็น พิเศษ แต่สำหรับน้องแมวส่วนใหญ่ที่เรามักจะเลี้ยงอยู่ภายในบ้านนั้น อาจเป็นการยากที่จะตอบสนองความเป็นนักล่าของพวกเค้าได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นถ้าคนเลี้ยงแมวอย่าง เรา สามารถเลือกของเล่นแมว ที่ตอบโจทย์ความต้องการของน้องแมวได้ ก็จะทำให้น้องแมวเกิดความเพลินเพลิน คลายเครียด รวมถึงได้ออกกำลังกายซึ่งส่งผลต่อสุขภาพแมวที่ดีได้ไปในตัว ด้วยนะคะ ของเล่นแมวมีกี่ประเภท และ แตก ต่างกันยังไง? ของเล่นแมวในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายให้เราได้เลือกเลยล่ะค่ะ ซึ่งแต่ละประเภทก็จะเหมาะกับน้องแมวที่มีช่วงวัย และนิสัยที่แตกต่างกัน โดยแบ่งได้ดัง นี้ - ของเล่นแมวแบบตบ จับ ตะครุบ (Batting Toy) อย่างเช่น ตุ๊กตายัดนุ่น หรือลูกบอลต่างๆ ที่มีเสียง สั่นหรือเคลื่อนไหวได้เอง ซึ่งเหมาะ มากสำหรับน้องแมวที่มีพฤติกรรมแมว ด้านความเป็นนักล่าในตัวสูงเป็นพิเศษ เพราะน้อง แมวจะสามารถใช้เวลาวิ่งไล่ตะครุบกับของเล่นประเภทนี้ได้อย่างเพลิดเพลินด้วยตนเองเมื่อไหร่ก็ได้นั่นเอง - ของเล่นแมวแบบแขวน (Suspended Toys) เคยสังเกตกันไหมคะ ว่าน้องแมวที่บ้านส่วนใหญ่มัก จะมีพฤติกรรมแมวที่เวลามองเห็นวัตถุเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวได้ ก็มักจะจ้องมองตามกันแทบไม่กระพริบตาเลย ถ้าใครมีน้องแมวที่นิสัยประมาณนี้ การ เลือกของเล่นแมวแบบเชือกแขวนที่มี เหยื่อปลอมติดเอาไว้ตรงปลายโดยแขวนไว้บนที่สูงคล้ายกับโมบายล์สำหรับเด็กเล็ก ก็จะตอบโจทย์ให้เค้าได้จ้องมองแบบเพลินมากเลยล่ะ - ของเล่นแมวที่ใช้ซ่อนตัว (Toys for hiding) เหมาะสำหรับพฤติกรรมแมวที่มีนิสัยเป็น นักสำรวจ ชอบซ่อนตัวอยู่ในจุดต่างๆ ที่ลับตาคน อย่างอุโมงค์ผ้าใบที่มีทางเดินซับ ซ้อนให้น้องแมวได้เข้าไปวิ่งเล่น เต็นท์แมวหรือคอนโดแมว ที่ มีพื้นที่สำหรับให้เค้าเข้าไปซ่อนแอบ เป็นต้น โดยของเล่นประเภทนี้ นอกจากจะใช้สำหรับเล่นสนุกและทำให้น้องแมวออกกำลังกายได้อย่างเพลิดเพลินแล้ว ยัง ช่วยให้การดูแลน้องแมวทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อาทิเช่น คอนโดแมว ส่วนใหญ่มักจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ สำหรับใช้เป็นที่ลับเล็บแมวได้ตาม ธรรมชาติเวลาที่น้องแมวกระโดดขึ้นลงได้ ทั้งยังเหมาะสำหรับตั้งเอาไว้ให้น้องแมวที่เลี้ยงในบ้านสามารถใช้เป็นที่พักผ่อน ซึ่ง จะช่วยให้น้องแมวเกิดความรู้สึกสบาย ใจเมื่อเค้าต้องการพักผ่อนได้อีกด้วยค่ะ - ของเล่นแมวแบบที่เจ้าของมีส่วนร่วมเล่นด้วย (Interactive Toys) เช่น ไฟฉายแสงเลเซอร์ เบ็ดตกแมว ไม้แหย่แมว ฯลฯ ของเล่นประเภทนี้เหมาะมากสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากใช้เวลาสานสัมพันธ์ที่ดีกับน้องแมวค่ะ เพราะสามารถปรับรูปแบบการเล่นได้หลากหลาย ทำให้น้อง แมวร่าเริงไม่เบื่อง่าย แต่ที่สำคัญก็คือ ทุกครั้งที่เราต้องการเลิกเล่น ควรยอมให้น้องแมวได้จับหรือตะครุบเหยื่อได้สำเร็จเสียก่อน เพื่อสร้างความรู้สึกว่าเค้าทำสำเร็จด้วยนะคะ มาทำของเล่นแมวด้วยตัวเอง ประหยัดและถูกใจน้องแมวกันเถอะ สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเงินซื้อของเล่นให้กับน้องแมว จะบอกว่าเราสามารถทำของเล่นจากวัสดุเหลือใช้ภายในบ้านได้ไม่ยากเลยค่ะ เริ่มจากการหา ลูกปิงปอง แกนด้าย เปล่าๆ ที่ทำจากไม้ ลูกวอลนัทที่ยังไม่ กะเทาะเปลือก แกนกระดาษชำระ ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นของเล่นแมวแบบตบ จับ ตะครุบ หรือเป็นของเล่นที่เจ้าของสามารถมีส่วนร่วมได้ทันทีโดยที่ไม่ ต้องดัดแปลงมากมายนัก ส่วนกล่อง รองเท้าที่เราซื้อมา กล่องกระดาษทิชชู่ หรือลังกระดาษ ลูกฟูกใหญ่ๆ เราก็สามารถนำมาเจาะช่องง่ายๆ แล้วบุพื้นด้วยเสื้อยืด ใช้แล้วของเราลงไปเพื่อสร้างความคุ้น เคยให้กับ น้องแมว เท่านี้ก็จะกลายเป็น ของเล่นแมวที่เค้าเข้าไปใช้ซ่อนตัวได้ทันที แล้วสิ่งของอะไรบ้าง ที่ไม่แนะ นำให้น้องแมวเล่น เมื่อมีของเล่นที่เหมาะกับน้องแมวแล้ว ก็ต้องมีของที่ไม่เหมาะสำหรับเค้ามาแนะนำให้คนเลี้ยงแมวได้ทราบไปพร้อมกันค่ะ โดยสิ่งของหรือของเล่นที่ ไม่แนะนำให้น้องแมวของเพื่อนๆ ไป แตะต้องนั้น มีข้อควรระวังหลักก็คือ - ของเล่นชิ้นนั้นๆ จะต้องไม่แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเวลาที่แมวเล่น - ต้องไม่เป็นของเล่นที่แมวจะกลืนลงคอไปได้ สำหรับของเล่นที่ไม่เหมาะจะให้น้องแมวเล่นก็คือ หนังยาง กระดาษฟอยล์หรือกระดาษแก้วที่ฉีดขาดเป็นชิ้นเล็กๆ ได้ง่าย จุกคอร์กที่แมวแทะได้ กระดุม ลูกปัด หนีบกระดาษ ฯลฯ เพราะถ้าน้องแมวกลืนวัสดุเหล่านี้เข้าไปแม้เพียงชิ้นเล็กๆ ก็อาจทำให้เกิดปัญหากับระบบย่อยอาหารได้นั่นเอง สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเลือกของ เล่นมาให้น้องแมว นั่นก็คือการหมั่น สังเกตเค้าให้มากๆ เพื่อตีโจทย์ให้ออกว่าของเล่นแบบไหนที่น้องแมวของเราให้ความสนใจมากที่สุด โดยเราอาจจะลองมองหาของเล่นมาซักชิ้น แล้วนำ ไปหลอกล่อเพื่อดูปฏิกิริยาของน้องแมว ว่าเป็นแบบไหน เวลาเห็นของเล่นกลิ้งผ่านหน้าแล้ว ตอบสนองอย่างไร เพื่อจะได้เลือกประเภทของของเล่นแมวได้ถูกใจเค้าที่สุดค่ะ และสุดท้ายนี้เพื่อให้น้องแมวของเพื่อนๆ เล่นได้สนุก น้องแมวร่าเริง มีสุขภาพแมวที่ดี ก็อย่าลืมดูแลเค้าด้วยอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอด้วยอาหารแมว Purina ONE ทุกสูตรได้เลยค่ะ เพราะ Purina ONE ผลิต จากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมคัดสรรอย่างดี เพื่อให้เหมาะกับแมวในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาทูน่า เนื้อไก่ และเนื้อไก่งวงแท้ๆ ซึ่งอุดมด้วยสาร อาหาร ทำให้สุขภาพแมวแข็งแรง น้องแมวร่าเริง เห็น สัญญาณสุขภาพดีครบ6 ประการ ตั้งแต่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้น้องแมวไม่ป่วยง่าย ผิวหนังและขนของเค้ามีสุขภาพดี ดวงตาสดใส รวมถึงช่วย ให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายดีซึ่ง สังเกตได้จากการที่น้องแมวขับถ่ายเป็นก้อนค่ะ รวมถึงส่งผลให้เค้ามีกล้ามเนื้อและหัวใจที่แข็งแรงทำให้ร่างกายสมส่วนไม่อ้วนหรือผอมจน เกินไป มีกระดูกและข้อต่อ แข็งแรงวิ่งเล่นของเล่นแมวกับเราได้อย่างร่าเริง และยังช่วยลดคราบหินปูนและลดกลิ่นปาก ซึ่งแน่นอนว่า สัญญาณสุขภาพดีทั้งหมดนี้ เพื่อนๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้จริงใน 30 วันแน่นอนค่ะ
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
แอบส่องความลับของน้องแมวที่คุณยังไม่เคยรู้
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
แอบส่องความลับของน้องแมวที่คุณยังไม่เคยรู้ หากพูดถึงน้องแมวแล้วเชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงความน่ารักไม่เหมือนใครจนทำเอาใครต่อใครหลายคนตกหลุมรักจนกลายเป็นทาสแมวกันโดย ไม่รู้ตัว แต่นอกจากความน่ารักแล้ว น้องแมวก็ยังมีความลับอันน่ามหัศจรรย์ต่างๆ มากมายอยู่ในอวัยวะต่างๆ ซึ่งจะมีความพิเศษอะไรบ้างนั้น เราขอเผยเรื่องน่ารู้ของแมวและความลับของส่วนต่างๆ กันตามนี้เลย เรื่องน่ารู้ของแมวเรื่องที่ 1 : ตาแมว เชื่อกันว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีสายตาดีมากๆ แต่จริงๆ แล้ว แมวอาจจะไม่ได้สายตาดีอย่างที่เราคิด เพราะตาของแมวนั้นแม้ว่าจะมองเห็นในที่มืดได้ดีกว่าในมนุษย์ถึง 6-8 เท่า แต่ก็มองเห็นในที่สว่างได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ใครที่เลี้ยงแมวคงจะสังเกตเห็นว่าในที่สว่างรูม่านตาแมวจะหดลงเพื่อลดการรับแสงจนเห็นเป็นขีด จึงทำให้แมวมองเห็นในที่สว่างได้ในระยะประมาณ 1 ฟุตเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นเหตุผลที่แมวต้องค่อยๆ ย่องเข้าหาเหยื่อ อีกทั้งแมวยังมองเห็นได้ดีแค่สีฟ้ากับสีเหลือง ในขณะที่มองเห็นสีเขียวและสีแดงได้ไม่ดีนัก ทำให้โลกที่แมวมองเห็นนั้นมีสีค่อนข้างซีดกว่าที่มนุษย์อย่างเราเห็นนั่นเอง เรื่องน่ารู้ของแมวเรื่องที่ 2 : หนวดแมว พูดถึงหนวดแมวนี่บอกเลยว่าเป็นของหวงของแมว เพราะว่าหนวดแมวเป็นอวัยวะพิเศษที่ใช้รับความรู้สึก (Sensory Receptor) นั่นเอง หากเปรียบเทียบแล้วหนวดแมวก็เหมือนเรดาห์ที่ช่วยรับรู้และสำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆ เวลาอยู่ในที่มืด ทำให้แมวเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ หนวดแมวนั้นจะมีลักษณะยาวและหนามากกว่าขนตามลำตัว และหนวดแมวนั้นจะยาวเท่ากับความกว้างของลำตัวแมวเสมอ ดังนั้นในตรอกแคบๆ หากหนวดแมวผ่านไปได้ตัวแมวก็จะผ่านไปได้เช่นกัน พอรู้ความสำคัญแบบนี้แล้วก็ใครที่เลี้ยงแมว ห้ามตัดหนวดแมวเด็ดขาดนะ เพราะนั่นจะทำให้เค้าสูญเสียความมั่นใจจนหงอยเลยทีเดียว เรื่องน่ารู้ของแมวเรื่องที่ 3 : หูแมว แมวเป็นสัตว์ที่หูไวมาก เรียกว่าหูดีกว่ามนุษย์หลายเท่าเลยทีเดียว ด้วยประสาทการฟังที่ดีเยี่ยมนี้เอง ทำให้แมวใช้การฟังเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสเพื่อการล่าเหยื่อ เพราะพวกเค้าสามารถได้ยินเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่สัตว์ตัวเล็กๆ เช่น หนู หรือกระต่ายส่งเสียงออกมาได้ ด้วยเหตุนี้แมวถึงตามหาเหยื่อได้แม้ว่าจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันแมวก็เป็นสัตว์ที่เกลียดเสียงดังและไม่ชอบอยู่ในสถานที่วุ่นวาย เพราะแมวสามารถได้ยินเสียงดังมากกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า แน่นอนว่าเสียงเหล่านั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพแมวในระยะยาวได้เช่นกัน ใครที่เลี้ยงแมวก็ควรมีพื้นที่สงบเงียบให้แมวได้พักผ่อนและไม่ควรพาแมวไปในที่ๆ วุ่นวายและมีเสียงดังเป็นระยะเวลานานๆ นะ เพราะนั่นช่างค้านกับพฤติกรรมแมวตามธรรมชาติจริงๆ เรื่องน่ารู้ของแมวเรื่องที่ 4 : จมูกแมว แม้ว่าจะไม่ได้ดมกลิ่นเก่งเท่ากับสุนัข แต่แมวก็มีประสาทรับกลิ่นที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะโพรงจมูกของแมวหากเทียบกับขนาดตัวแล้วถือว่าใหญ่กว่ามนุษย์ถึง 5 เท่า แมวจึงใช้ประสาทการดมแยกแยะว่าใครเป็นใคร รวมถึงใช้กลิ่นเพื่อสร้างอาณาเขตอีกด้วย และไม่แปลกที่เวลาแมวจะกินอะไร ต้องดมอาหารก่อนกินเสมอ เพราะพฤติกรรมแมวจะใช้กลิ่นเป็นตัวตัดสินใจว่า อาหารนั้นๆ น่ากินหรือไม่ อย่างที่คนเลี้ยงแมวทราบกันดีว่า แมวเป็นสัตว์ที่ช่างเลือกกินจริงๆ อวัยวะทุกส่วนของแมว ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นทั้งสิ้นสำหรับการดำรงชีวิตของแมว เพราะทุกอย่างต้องทำงานสอดคล้องกันไป ดังนั้นแล้วการดูแลเจ้าแมวเหมียวให้มีสุขภาพดีและร่างกายแข็งแรงจึงจำเป็นมาก แต่ที่สำคัญอย่าลืมดูแลเค้าด้วยอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอด้วยอาหารแมว Purina ONE ทุกสูตรได้เลยค่ะ เพราะ Purina ONE ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมคัดสรรอย่างดีเพื่อให้เหมาะกับแมวในแต่ละช่วงวัย ทำให้ทุกอวัยวะของน้องแมวไม่ว่าจะส่วนไหนล้วนแล้วแต่มีสุขภาพแข็งแรง เห็น การเปลี่ยนแปลงของน้องแมวผ่าน3สัญญาณสุขภาพดี ใน 3 สัปดาห์แน่นอนค่ะ อ้างอิงข้อมูล Dorling Kindersley. Feline Biology. The Cat Encyclopedia Difinitive Edition 2009. P.42-66 https://www.wired.com/2013/10/cats-eye-view/
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
วิธีดูเพศลูกแมว : ดูง่ายๆ ใช้วิธีนี้
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
วิธีดูเพศลูกแมว : ดูง่ายๆ ใช้วิธีนี้ หากใครที่ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงลูกแมวน่ารักๆ สักตัว หรือเมื่อน้องแมวที่บ้านของเราคลอดออกมา สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะสงสัยเราจะดูเพศแมวยังไง วิธีดูเพศแมวง่ายๆ ทำอย่างไรได้บ้าง เพราะลูกแมวตัวน้อยสังเกตเพศลูกแมวได้ยากกว่าแมวที่โตเต็มที่แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด และได้ลูกแมวที่มีเพศตามต้องการ เราจึงขอเผยเคล็ดไม่ลับวิธีดูเพศแมวอย่างง่ายๆ ที่สามารถดูด้วยตัวคุณเองได้ไม่ยากเลย
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
spay-benefit
ประโยชน์ของการทำหมันแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ทำไมต้องทำหมันแมว เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่สามารถผสมพันธุ์ได้ปีละหลายครั้ง และให้กำเนิดลูกแมวหลายตัวต่อหนึ่งครอก บ่อยครั้งเราจึงพบปัญหาจำนวนประชากรแมวมากเกินไป จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมต้องมีการคุมกำเนิดในแมว ซึ่งปัจจุบันยังมีเจ้าของแมวหลายคนเข้าใจว่าการฉีดยาคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ดีที่ไม่ทำให้แมวเจ็บปวด รวมถึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วการฉีดยาคุมกำเนิดนั้นมีความเสี่ยงหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น อาจทำให้แมวเกิดภาวะมดลูกอักเสบ หรือหากทำการฉีดยาคุมกำเนิดให้แมวที่กำลังตั้งท้อง อาจส่งผลให้แมวมีภาวะคลอดยาก ลูกตายในท้อง หรือแม่แมวเสียชีวิตได้ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงข้างต้น การทำหมันแมวจึงถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการคุมกำเนิดแล้ว ยังส่งผลดีต่อแมวในหลาย ๆ ด้านที่จะกล่าวถึงในลำดับต่อไป
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
bodylanguage cats
ถอดรหัสภาษากายของแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
หากคุณเพิ่งเลี้ยงแมวเป็นครั้งแรกหรือเคยเลี้ยงแมวมานานแล้ว คุณอาจเคยสงสัยและอยากรู้ว่า แมวกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ หรือเวลาแมวทำท่าทางเช่นนี้ต้องการสื่ออะไร ถอดรหัสภาษากายของแมว บ่อยครั้ง เราอาจเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของแมวและสงสัยว่าท่าทางแบบนั้นหมายความว่าอะไร หรือบางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแมวมีความสุขดีอยู่หรือเปล่า ถึงแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่อ่านใจค่อนข้างยาก แต่ก็มีสัญญาณที่บอกเราได้ว่า แมวกำลังคิดอะไรหรือกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน ถึงแม้ว่าคุณจะพอบอกได้ว่าแมวอยู่ในอารมณ์ไหนจากท่าทางของเขา สีหน้า เสียงหรือการขยับเคลื่อนไหวของหาง แต่การจับสัญญาณอื่น ๆ เช่น การแสดงออกทางหางและท่าทางที่เราจะบอกต่อไปนี้ก็น่าจะช่วยให้คุณอ่านอารมณ์ของเขาได้ดีขึ้นไปกว่าเดิม อารมณ์ของแมวนั้นมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ดีใจ เศร้า กลัว ผ่อนคลายหรือแม้แต่หงุดหงิดสับสน กุญแจสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับแมวนั้นก็คือ การเรียนรู้และจดจำวิธีแสดงออกอารมณ์เหล่านี้ เราจะได้ตอบสนองได้อย่างเหมาะสม
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
five-fun-games-for-cats
5 อันดับเกมส์ที่มัดใจแมวอยู่หมัด
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
หากคิดจะเลี้ยงแมวสักตัว การเล่นเกมและใช้เวลาร่วมกับแมวเป็นกิจกรรมที่สำคัญมาก เพราะไม่เพียงเป็นการออกกำลังกายสนุก ๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแมวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แมวตื่นตัว กระฉับกระเฉงอีกด้วย มาดูเกม 5 อันดับเกมส์สำหรับแมวที่สร้างสีสันและความสนุกให้ทั้งคุณและแมวเพลิดเพลินจนลืมเวลากันดีกว่า 1. เกมฟองสบู่ ไม่ใช่แค่เด็กที่ชอบเล่นฟองสบู่ แต่เกมนี้เหมาะกับแมวด้วยเช่นกัน เกมฟองสบู่เป็นอันดับหนึ่งในเกมที่สนุก และเล่นง่าย แต่อย่าลืมว่า ต้องเลือกซื้อฟองสบู่ที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงด้วย ใช่ว่าน้ำยาทำฟองสบู่ทั้งหมดจะปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้แมวเล่นได้ แมวส่วนใหญ่จะพยายามตะปบเมื่อฟองตกถึงพื้น เพราะความเคลื่อนไหวที่คาดเดาไม่ได้ของฟองสบู่ ดึงดูดสัญชาตญาณการล่าตามธรรมชาติของแมว บางตัวกระโดดตะปบฟองกลางอากาศ ก่อนที่ฟองจะตกถึงพื้น 2. เกมไล่ล่ามหาสนุก ความหลงใหลในการวิ่งไล่สิ่งต่าง ๆ มาจากพฤติกรรมการล่าที่มาตามสัญชาติญาณของแมว นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่แมวสนุกกับการวิ่งไล่จับตุ๊กตาหนู มีของเล่นมากมายหลายประเภทให้คุณเลือก เช่น ‘หนูผูกเชือก’ หรือคุณอาจทำเองโดยใช้เชือกห้อยสิ่งของต่าง ๆ ตามแต่คุณจะเลือก เริ่มด้วยการแกว่งตุ๊กตาหนูไปมาข้างหน้าแมว เพื่อดึงดูดความสนใจและทำให้แมวอยากมีส่วนร่วม เมื่อแมวเริ่มสนใจแล้ว ลากหนูไปบนพื้นอย่างช้า ๆ แมวของคุณจะเริ่มวิ่งไล่ หรือไม่ก็พยายามตะครุบหนู สุดท้าย เดินไปรอบ ๆ ห้องโดยลากหนูไปตามพื้นเพื่อกระตุ้นให้แมวเคลื่อนไหวและออกกำลังกาย ลองหรี่ไฟให้มืดลงขณะเล่นเพราะโดยธรรมชาติแล้ว แมวจะชอบล่าสัตว์ในเวลากลางคืน 3. กล่องนี้เหมียวจอง เจ้าของแมวล้วนทราบดีว่า แมวชอบซ่อนตัวข้างใต้ (หรือไม่ก็ข้างใน) ข้าวของทั้งหลายในบ้าน ยิ่งถ้าเป็นกล่องกระดาษแล้วล่ะก็ ไม่ว่าลูกแมวหรือแมวโตต่างก็เล่นสนุกสนานได้เป็นชั่วโมง ๆ ไม่รู้เบื่อ ลองวางกล่องไว้บนพื้น แล้วเฝ้าดูแมวของคุณเข้าไปสำรวจ แมวส่วนใหญ่จะพยายามเข้าไปในกล่อง เมื่อแมวเข้าไปแล้ว นำของเล่นมาแกว่งบนพื้นด้านหน้ากล่อง แล้วคุณจะเห็นแมวยื่นมือออกมาตะปบนอกกล่องเพื่อพยายามจับของเล่น หากสนใจเกมนี้ ของเล่นที่เหมาะสมคือตุ๊กตามีเชือกผูกเพื่อไม่ให้แมวบังเอิญข่วนคุณเข้าขณะตะปบของเล่น อ่านบทความสนุก ๆ แล้วหาคำตอบว่าทำไมแมวชอบกล่องกระดาษ
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
wag-tails-mean
ทำไมแมวถึงชอบกล่องกระดาษ
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เจ้าของแมวอาจแปลกใจว่าเมื่อซื้อของเล่นชิ้นใหม่มาให้แต่แมวกลับสนใจกล่องที่ใส่มามากกว่า แล้วทำไมแมวถึงชอบเอาตัวไปคลุกอยู่ในกล่องกระดาษ หาคำตอบได้ในบทความนี้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าแมวชอบกล่องเป็นที่สุด สำหรับแมวแล้ว ไม่มีของเล่นชิ้นใดสู้กล่องกระดาษอันแสนเรียบง่ายนี้ได้ ไม่ว่าของเล่นจะแพงหรือน่าสนใจเพียงใด เจ้าของส่วนใหญ่คงเคยพบกับเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว ไม่ว่าจะซื้อที่นอนหรือของเล่นชิ้นใหม่มาให้ แต่ดูเหมือนว่าแมวของเราจะชอบกล่องใส่ของแทน ในบทความนี้ คุณจะได้ค้นพบว่า ทำไมแมวถึงชื่นชอบกล่องกระดาษ และทำไมกล่องถึงเป็นที่ที่เหมาะแก่การงีบหลับและล่าเหยื่อของแมว ทำไมแมวถึงชอบกล่องกระดาษ แมวชอบกล่องกระดาษเพราะเหตุผลหลายข้อ แต่หลัก ๆ เป็นเพราะกล่องคือ “พื้นที่ปิด” ที่มีทางเข้าออกจำกัด ตามธรรมชาติแล้ว แมวเป็นนักล่าที่ชอบซุ่มโจมตีและมีสัญชาตญานในการมองหาสถานที่ปิดล้อมที่ตนสามารถซ่อนตัว และดักเหยื่อ โดยที่รู้สึกปลอดภัยและอุ่นสบาย ซึ่งกล่องกระดาษน่าสบายนี้ตอบโจทย์แมวทุกประการ กล่องเป็นที่ที่ปลอดภัย แมวจะรู้สึกสบายและปลอดภัยในพื้นที่ปิด ดังนั้นแมวจึงชอบอยู่ในกล่องกระดาษ แมวใช้กล่องเป็นที่ซ่อนตัวเพราะศัตรูจะไม่สามารถย่องมาจากด้านหลังหรือด้านข้างได้ เมื่อแมวอยู่ในกล่อง “ผู้บุกรุก” ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์เลี้ยงตัวอื่น หรือแม้แต่เหยื่อ จะต้องเข้าหาจากด้านหน้าและอยู่ในสายตาของแมว จึงไม่มีใครโผล่มาทำให้ตกใจได้ นอกจากนี้ แมวยังชอบกล่องเพราะกล่องช่วย ลดความเครียด และเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่แมวใช้สังเกตการณ์ได้โดยไม่มีใครเห็น จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจแมวซึ่งมักวิ่งหนีและหาที่ซ่อนตัวเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด การอยู่ในพื้นที่กึ่งปิด เป็นส่วนตัวและปลอดภัยนี้จึงน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แมวชอบกล่อง
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
keeping-cats-and-dogs-happy-indoors
10 เคล็ดลับวิธีเลี้ยงสุนัขและแมวให้อยู่ร่วมกันกับเราได้อย่างมีความสุข
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เมื่อเราต้องอยู่แต่ในบ้านสัตว์เลี้ยงมักกลายเป็นเพื่อนที่ช่วยสร้างความสุขและคลายความกังวลได้เป็นอย่างดี การที่เจ้าของได้เห็นหางที่แกว่งไปมาอย่างมีความสุขหรือได้ยินเสียงออดอ้อนให้อุ้มขณะกำลังไม่สบายใจนั้น ช่วยลดความเครียดได้ แต่สุนัขและแมวก็รู้สึกเบื่อได้เหมือนกันถ้าเขาต้องติดอยู่ในบ้านนาน ๆ บทความนี้ Purina ขอเสนอเคล็ดลับ 10 ข้อในการสร้างความสุขให้สุนัขและแมวที่เลี้ยงในบ้าน เมื่อต้องอยู่ในบ้าน แมวหรือสุนัขที่อยู่รอบตัวเรานั้นเป็นเพื่อนช่วยคลายความเครียดให้เราได้เป็นอย่างดี เมื่อเราอยากบ่นหรืออยากกอดใครสักคน แต่การอยู่แต่ในบ้านกับสัตว์เลี้ยงก็อาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน Purina จึงรวบรวมเคล็ดลับที่จะทำให้คุณและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในสถานการณ์ที่ต้องติดอยู่ในบ้านช่วงนี้ 1. รักษากิจวัตรประจำวัน ช่วงสถานการณ์โควิด คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันจากหน้ามือเป็นหลังมือ และมีความเป็นไปได้สูงที่กิจวัตรของสัตว์เลี้ยงก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ดร. แอนนี วาลุสกา ได้ให้คำแนะนำว่า “ผู้เลี้ยงจะต้องรักษาตารางกิจวัตรประจำวันของสัตว์เลี้ยงให้เหมือนเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การขับถ่ายหรือการเดินออกกำลัง กิจกรรมเหล่านี้ควรเป็นไปตามเวลาเดิมที่ทำเป็นกิจวัตร” นอกจากนี้ ดร. แอนนี วาลุสกา ยังได้เน้นให้เจ้าของหมั่นฝึกสัตว์เลี้ยงให้รักษามารยาทต่าง ๆ อยู่เสมอเช่น ให้นั่งลงก่อนที่จะเดินผ่านประตู หรือไม่สะกิดขออาหารเมื่อเจ้าของกำลังทานข้าว สิ่งเหล่านี้ก็เป็นวิธีที่สำคัญในการรักษากิจวัตรของสัตว์เลี้ยงเช่นกัน 2. กำหนดเวลาพักผ่อน สัตว์เลี้ยงอาจเคยชินที่ได้ใช้เวลาส่วนตัวเมื่อครอบครัวไม่อยู่ ดังนั้นจึงควรให้เขาได้มีเวลาพักผ่อนเป็นช่วง ๆ ตลอดวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ดร. ฟรานซัวส์ มาร์ติน ได้ย้ำว่า “ไม่ควรเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของสัตว์เลี้ยงโดยให้เข้าสังคมมากเกินไป เพราะว่าสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ใช่เด็ก เจ้าของจึงไม่จำเป็นต้องหากิจกรรมให้สัตว์เลี้ยงทำตลอดเวลา” เหล่าพ่อแม่คงโล่งอกที่ได้ยินเช่นนี้ เพราะว่าเด็ก ๆ นั้นต้องมีกิจกรรมให้ทำทั้งวัน แต่สุนัขหรือแมวไม่ต้องทำแบบนี้ และที่จริงแล้วการที่ไม่ต้องทำอะไรกลับมีประโยชน์กับสัตว์เลี้ยงด้วยซ้ำ 3. กินขนมแก้เครียดบ้าง เมื่อเราต้องยุ่งกับประชุม ต้องเรียนออนไลน์ หรือแม้แต่อยากอยู่เงียบ ๆ ลองให้แมวหรือสุนัขหลบมุมอยู่กับขนมขบเคี้ยวเงียบ ๆ บ้างก็ได้ ดร. แซเวอร์รีน ลีกูต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ได้ย้ำว่า แม้สัตว์เลี้ยงอาจชอบที่ได้ขบเคี้ยวขนมแต่อย่าให้ขนมเขามากเกินพอดีได้ ต้องระวังเรื่องแคลอรี่ อาจต้องควบคุมโดยลดปริมาณอาหารมื้อหลักให้เหมาะสมกับปริมาณแคลอรี่ที่ได้จากขนมไปแล้ว 4. ออกกำลังกายคือคำตอบ มาลองรักษาสุขภาพจิตและปล่อยพลังงานลบออกไปด้วยวิธีเชิงบวก นั่นคือ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมให้ร่างกายได้ขยับในช่วงเวลาที่ต้องอยู่แต่ในบ้านนี้มีประโยชน์ต่อตัวเราเองและสัตว์เลี้ยง เราอาจจะพาสุนัขไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะไม่ได้ แต่ก็มีวิธีออกกำลังกายอื่นได้ แม้แต่การเดินไปส่งจดหมายก็ถือเป็นการออกกำลังกายได้เหมือนกัน ถ้าต้องอยู่แต่ในบ้าน เราควรเก็บกวาดบ้านให้โล่งจะได้มีพื้นที่เล่นกับเขา ถ้าหากมีสวนหลังบ้านก็ออกไปเล่นวิ่งไล่จับกันบ้าง Purina ขอแนะนำให้เจ้าของนำการออกกำลังกายมาประยุกต์เพื่อรักษาตารางกิจวัตรให้กับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ควรกำหนดตารางเวลาการเล่นให้อยู่ในช่วงเดียวกันทุกวัน ให้สัตว์เลี้ยงเคยชินกับตารางกิจกรรมประจำวัน ได้กระตุ้นร่างกายและจิตใจในขณะที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงด้วย 5. เล่นเกมฝึกสมอง วิธีการอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้ออกกำลังคือ การกระตุ้นสมองเช่น การสอนให้เล่นเกมใหม่ ๆ สักอย่างสองอย่าง! คุณคงเคยอยากให้สุนัขม้วนตัวได้หรือแม้แต่สอนให้แมวเต้นรำใช่ไหมล่ะ ช่วงนี้ล่ะที่เหมาะที่จะสอนสิ่งเหล่านี้ “สัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับคน คือมีประสบการณ์ที่เรียกว่า ‘ปรากฏการณ์ยูเรก้า’ (Eureka Effect) หรือปรากฎการณ์ร้อง “อ๋อ” เวลาแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ” ดร. เรแกน แม็คกอแวน ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ได้อธิบายเพิ่มเติม “ช่วงเวลาที่เราแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ เราจะอารมณ์ดี สัตว์เลี้ยงเองก็มีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน” เราอาจกระตุ้นสมองสัตว์เลี้ยงช่วงเวลาให้อาหาร โดยนำอาหารไปวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้านแล้วให้เขาลองดมหา หรือนำ เกมตัวต่อจิ๊กซอร์ มาประยุกต์เพื่อกระตุ้นสมองให้ฝึกคิดมากขึ้นก็ได้
พฤติกรรมและการสอนสัตว์เลี้ยง
ดูทั้งหมด
สุขภาพ
ดูทั้งหมด
เรื่องต้องรู้การพาน้องแมวไป​ ฉีดวัคซีน
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เรื่องต้องรู้การพาน้องแมวไปฉีดวัคซีน นอกจากการดูแลเอาใจใส่น้องแมวในเรื่องการดูแลสุขภาพ เลือกอาหารที่ดี เพื่อช่วยเสริม 6 สัญญาณสุขภาพดีให้กับน้องแมวแล้ว การสร้างเกราะป้องกันให้กับสุขภาพของน้องแมวด้วยการทำวัคซีนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะวัคซีนแมวจะช่วยป้องกันน้องแมวจากการติดเชื้อไวรัสต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงได้ แล้วเจ้าของแมวมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มเลี้ยงแมวรู้หรือเปล่าว่าจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคอะไรให้กับน้องแมวบ้าง ใครที่ยังสงสัยไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก รู้เรื่องวัคซีนแมว คำแนะนำสำหรับการฉีดวัคซีนแมว จากชมรมสัตวแพทย์บำบัดโรคแมวแห่งประเทศไทย ได้แบ่งวัคซีนแมวออกเป็น 2 กลุ่ม 1. วัคซีนโรคหลัก : นั่นคือวัคซีนแมวที่จำเป็นจะต้องทำให้กับน้องแมวทุกตัว ได้แก่ • วัคซีนรวมในแมว : โรคไข้หัด หวัดแมว , โรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปากและตาอักเสบ • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า • วัคซีนป้องกันโรคลิวคิเมียในแมว : ต้องตรวจเลือดก่อน หากไม่พบการติดเชื้อจึงจะทำวัคซีนได้ 2. วัคซีนโรคกลุ่มเสี่ยง : ฉีดวัคซีนแมวกลุ่มนี้ในแมวเสี่ยงติดโรค เช่น แมวที่เลี้ยงปล่อย ชอบเที่ยว ชอบทะเลาะกับแมวตัวอื่นเป็นประจำ เป็นต้น • วัคซีนป้องกันโรคเอดส์แมว • วัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ฉีดวัคซีนแมวเมื่อไหร่ดี
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
cats-pregnancy-tips
เคล็ดลับการดูแลแมวตั้งท้องให้มีสุขภาพดี
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เมื่อรู้ว่าแมวกำลังตั้งท้อง เจ้าของหลายคนคงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย​ แต่ก่อนจะได้เห็นลูกแมว อย่าลืมว่าแม่แมวต้องการการดูแล​ ให้เขารู้สึกสบายและได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ Purina ได้แชร์เคล็ดลับในการดูแลแมวตั้งท้อง เพื่อให้คุณได้มั่นใจว่าทั้งแม่แมวและลูกแมวมีสุขภาพแข็งแรงและอารมณ์ดี
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
แมวอ้วกเกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
แมวอ้วกเกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง? การทำงานของระบบย่อยอาหารที่ดี ถือเป็นหนึ่งสัญญาณแมวที่บ่งบอกว่าแมวของเรามีสุขภาพแข็งแรง แต่หากแมวของเราเริ่มมีความผิดปกติ เช่น แมวมีอาการซึม ไม่กินอาหาร นอนทั้งวัน หรือเริ่มพบว่าแมวของเราอาเจียนออกมา ก็ควรรีบหาสาเหตุ และแก้ไขปัญหาก่อนที่ปัญหาสุขภาพจะลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเรื่องแมวอ้วก หรือแมวอาเจียนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มาดูกันว่าแมวอ้วกนั้นเกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง สาเหตุที่แมวอ้วก แมวอ้วกนั้นเกิดได้จากการระคายเคืองในกระเพาะ หรือเกิดการอุดตันที่ทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารไม่สามารถเคลื่อนไปยังระบบทางเดินอาหารในส่วนอื่นๆ ได้ ซึ่งปัญหาแมวอาเจียนที่เราพบได้บ่อย เช่น แมวอาเจียนออกมาเป็นเส้นขน (อ่านเพิ่มเติมเรื่องก้อนขนแมวอุดตัน) หรือพบว่าเป็นอาหารเม็ดที่ยังย่อยไม่หมดจากการที่แมวกินอาหารเร็วเกินไป นอกจากการระคายเคืองที่กระเพาะอาหารแล้ว สาเหตุของการอาเจียนยังเกิดได้จากการติดเชื้อ การติดพยาธิ การได้รับสารพิษ โรคไต โรคตับ โรคตับอ่อน การกินสิ่งแปลกปลอม โรคมะเร็ง และอีกนานาสาเหตุ หากพบว่าแมวอ้วกไม่กินอาหาร รวมทั้งพบว่าแมวมีอาการซึม นอนทั้งวัน ถ่ายเหลว ร่วมด้วยนั้น แสดงว่าแมวอาจมีอาการป่วย ซึ่งเจ้าของควรสังเกตความผิดปกติของอาเจียนเพิ่มเติม เช่น มีสิ่งแปลกปลอมปนออกมา มีเลือด หรือมีเมือกปนออกมาในอาเจียนหรือไม่ และควรนับจำนวนความถี่ของการอาเจียนด้วยเพื่อให้ข้อมูลกับสัตวแพทย์ประกอบการวินิจฉัยโรค จัดการปัญหาแมวอ้วก เพราะสาเหตุที่ทำให้แมวอ้วกนั้นมีหลากหลาย การป้องกันไม่ให้แมวอ้วกหรือแมวอาเจียนจึงอาจเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นสิ่งที่เราสามารถทำได้ คือป้องกันไม่ให้แมวกินสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เข้าไปด้วยการเก็บของอันตราย เก็บสารพิษต่างๆ ให้พ้นมือแมว หมั่นแปรงขน และเลือกอาหารที่ลดปัญหาการอุดตันของก้อนขน ด้วยสูตรที่ช่วยดูแลปัญหาเรื่องแฮร์บอล เช่น Purina ONE สูตร Indoor Advantage หรือแมวเลี้ยงในบ้าน ที่มีใยอาหารสูง ช่วยลดการเกิดก้อนขนอุดตัน ช่วยเรื่องระบบการขับถ่าย นอกจากจะลดปัญหาก้อนขนแล้ว ยังช่วยให้แมวมีสุขภาพทางเดินอาหารที่ดีอีกด้วย
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
โรคพิษสุนัขบ้า โรคอันตรายที่แมวก็เป็นได้
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
โรคพิษสุนัขบ้า โรคอันตรายที่แมวก็เป็นได้ เมื่อเข้าสู่หน้าร้อน หลายๆ คนคงนึกถึงโรคอันตรายที่ระบาดหนักอยู่แทบจะทุกปีอย่างโรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ แม้จะได้ชื่อว่าเกี่ยวกับสุนัข แต่เจ้าของน้องแมวก็อย่าเพิ่งวางใจไป เพราะโรคพิษสุนัขบ้านี้สามารถติดต่อมาสู่น้องแมวได้ และที่สำคัญคือสามารถติดต่อมาสู่คน รวมทั้งยังติดต่อไปยังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้องแมว หรือคนที่ติดโรคนี้ เชื้อไวรัสจะก่อให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ มารู้จักโรคพิษสุนัขบ้าในแมวและป้องกันอย่างถูกวิธีไปพร้อมๆ กัน ให้ครอบครัวอุ่นใจ ห่างไกลจากภัยโรคพิษสุนัขบ้ากันดีกว่า โรคพิษสุนัขบ้าติดต่อได้อย่างไร? เชื้อไวรัส “โรคพิษสุนัขบ้า” สามารถติดต่อผ่านทางน้ำลายสัตว์ป่วย เช่น การกัด ข่วน หรือเลียบริเวณบาดแผล ทำให้เชื้อไวรัสในน้ำลายจะเข้าสู่บาดแผล โรคนี้สามารถติดต่อได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคน สุนัข หรือแมว ก็สามารถเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการติดเชื้อในสัตว์ป่า เช่น ค้างคาว ลิง สุนัขจิ้งจอก ได้ด้วยเช่นกัน สัญญาณอันตรายต้องสังเกต หากติดเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าในแมว เชื้อไวรัสจะเข้าทำลายระบบประสาท โดยเมื่อแมวที่ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้าแสดงอาการออกมาแล้วก็มักจะทำให้สัตว์ที่ป่วยเสียชีวิตภายใน 10 วัน อาการของโรคแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ในระยะเริ่มต้นจะดูคล้ายอาการป่วยทั่วๆ ไป เช่น ซึม มีไข้ โดยกินระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน จากนั้นจะเข้าสู่ระยะตื่นเต้น โดยจะมีอาการกระวนกระวาย หงุดหงิด พฤติกรรมเปลี่ยนไป และสุดท้ายจะเข้าสู่ระยะอัมพาต โดยจะพบว่าโรคพิษสุนัขบ้าในแมวจะทำให้มีการทรงตัวผิดปกติ กลืนลำบาก ร่างกายบางส่วนหรือทั่วทั้งตัวเป็นอัมพาต น้ำลายไหลมาก จะเห็นว่ามีอาการคล้ายกลัวน้ำในระยะนี้ ป้องกันก่อนสาย โรคร้ายป้องกันได้ด้วยการทำวัคซีน โดยเริ่มทำวัคซีนเข็มแรกที่อายุประมาณ 3 เดือน เข็มที่ 2 เมื่ออายุ 6 เดือน และทำการกระตุ้นวัคซีนเป็นประจำทุกปี หากสงสัยว่าน้องแมวป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที และแจ้งข้อมูลต่างๆ ด้านสุขภาพ เช่น ประวัติการทำวัคซีน ประวัติการดูแลสุขภาพ ลักษณะการเลี้ยงให้ครบถ้วนเพื่อให้คุณหมอทำการตรวจวินิจฉัยต่อไปได้
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องปกติ มาจัดการปัญหาแมวปากเหม็นกันเถอะ
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องปกติ มาจัดการปัญหาแมวปากเหม็นกันเถอะ ปัญหาเรื่องกลิ่นปาก ไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับคนเราได้เท่านั้น รู้หรือเปล่าปัญหากลิ่นปากก็เกิดได้กับน้องแมวของเราได้เหมือนกัน ที่สำคัญปัญหานี้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่น้องแมวเป็นกันมาก จนหลายคนคิดว่าเรื่องแมวปากเหม็นนี้เป็นเรื่องเล็กและละเลยปัญหากลิ่นปากของน้องแมวที่เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องแมวกำลังมีความผิดปกติในช่องปากอยู่ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้น้องแมวฟันหลุด เหงือกอักเสบ และมีปัญหาหินปูนตามมา อย่าปล่อยให้น้องแมวของเรากลายเป็นแมวปากเหม็น และตามมาด้วยสารพันปัญหา มาดูวิธีจัดการปัญหากลิ่นปากของน้องแมวให้ได้ผลกันดีกว่า
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
โรคสุดฮอต : 3 โรคหน้าร้อนที่ต้องระวังในน้องแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
โรคสุดฮอต : 3 โรคหน้าร้อนที่ต้องระวังในน้องแมว พอหน้าร้อนทีไร มองออกไปนอกหน้าต่างแค่เห็นแดดก็เพลียแล้ว...อย่าว่าแต่เจ้าของเลย เพราะเจ้าเหมียวของ พวกเราก็มีเรื่องให้ต้องเพลียในหน้าร้อนเหมือนกัน วันนี้เราจึงขออาสาพาทุกท่านมารู้จักกับ 3 โรคแมวสุดฮอตในหน้าร้อน ที่ต้องระวังไม่ให้เกิดขึ้นกับ น้องเหมียว สุดที่รักของเรา จะมีอะไรบ้างนั้น...ไปดูกันเลย พิษสุนัขบ้า หลายท่านยังอาจเข้าใจผิดอยู่ว่า โรคพิษสุนัขบ้า จะพบได้เฉพาะแต่ในหน้าร้อนเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว จะฤดูไหนๆ โรคนี้ก็สามารถระบาดได้ทั้งนั้น แม้ไม่มีคำว่า “แมว” อยู่ในชื่อโรค แต่นี่ก็ถือเป็นหนึ่งใน list ของโรคแมวที่สามารถเป็นได้ ความน่ากลัวของมันก็คือสัตว์ทุกตัวที่ติดเชื้อ ไวรัสพิษสุนัขบ้า หรือ “เรบี่ส์” (Rabies) เข้าไปแล้ว จะไม่มีทางรักษา และต้องเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในโรคที่สามารถติดต่อมาสู่คนได้ และทำให้คน เสียชีวิตได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการฉีด วัคซีนพิษสุนัขบ้าให้น้องแมวของเราจึงสำคัญอย่างยิ่ง พอๆ กับการฉีดวัคซีน โรคแมวอื่นๆ เลย ซึ่งวัคซีนโรค พิษสุนัขบ้า สามารถเริ่มฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่ที่น้องแมว อายุ 12 สัปดาห์ หลังจากนั้นควรฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้น้องแมวเป็นประจำทุกปี และอย่าลืมว่า ควรเก็บ หลักฐานประวัติการฉีดวัคซีนของน้องแมว แบบลงวันที่และมีลายเซ็นต์จากสัตวแพทย์ไว้ด้วยทุกครั้ง โรคนี้มีช่องทางการติดต่อคือ ทางน้ำลาย<>ซึ่งทาสแมวทุกท่านต่างทราบดีว่าน้องเหมียวเป็นสัตว์ที่ชอบเลียอุ้งเท้าตัวเองเป็นที่สุด จึงมีโอกาสที่น้ำลายและเชื้อไวรัสจะไปเคลือบอยู่ที่เล็บแมวได้ ดังนั้น หากท่านไหนที่ถูกแมวแปลกหน้า หรือน้องแมวจรจัดข่วน ก็ต้องไม่​ลืมไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ตัวเองด้วยนะ ยิ่งในขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าใน ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ เจ้าของน้องเหมียว ทุกท่านจึงไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ลมแดด โรคลมแดดหรือที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินในชื่อ “ฮีทสโตรก” มันก็คือภาวะที่ร่างกายของน้องแมวร้อนจนไม่สามารถปรับตัวได้ทัน จนเกิดอาการ “ลมแดด” ขึ้น แม้ว่าน้องแมวจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สามารถทนอากาศร้อนและความแห้งแล้งได้ดีกว่าสุนัขก็ตาม แต่ก็อย่าได้ไว้วางใจอากาศร้อนชนิดเผาไหม้ให้เกรียมได้แบบเมืองไทยนะ เพราะมันอาจทำให้แมวป่วยได้เลยเชียวล่ะ แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าน้องแมวป่วยเป็นโรคลมแดด ง่ายๆ เลยก็คือ เราจะเห็นน้องแมวซึม เริ่มหายใจเร็วกว่าปกติ เหงือกและลิ้นแดงก่ำ ตัวแมวร้อน เริ่มเดินเซ ทรงตัวไม่ได้ อาเจียน และอาจถึงขั้นหมดสติ หากเจ้าของท่านไหนสังเกตเห็นอาการแบบนี้ประกอบกับน้องแมวตัวร้อนผิดปกติ ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลด่วนๆ เลยนะ เพราะโรคนี้อาจอันตรายถึงชีวิตได้เลย ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนต้องระมัดระวังดูแลแมวไม่ให้อยู่ในที่ๆ ปิดทึบอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ในรถ หรือในห้องที่ไม่มีหน้าต่างนะ รวมทั้งหมั่นสังเกตว่าแมวกินน้ำน้อยเกินไปหรือเปล่า ท้องเสีย อีกหนึ่งโรคแมวที่หลายคนไม่คาดคิด ถึงจะดูเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงอะไรแต่ทราบหรือไม่ว่าแค่ “ท้องเสีย” ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเมื่อน้องแมวป่วย เจ้าของมักจะสังเกตเห็นแมวซึม แมวกินน้ำน้อย แมวเบื่ออาหาร และยิ่งร่วมกับอาการแมวท้องเสียด้วยล่ะก็ คราวนี้ร่างกายก็จะขาดน้ำอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายได้ และหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาแมวท้องเสียดังกล่าว ก็อาจจะมาจากอาหารที่พวกเขากินเข้าไปก็ได้ อย่างที่เราจะสังเกตเห็นว่า ในหน้าร้อนแบบนี้ ทั้งขนมหรือของกินที่ไม่ได้เก็บแช่ไว้ในตู้เย็นมักจะเสียได้ง่าย นั่นก็เพราะอากาศและความชื้นแบบนี้นี่แหละ ที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของแบคทีเรียในอาหารเป็นที่สุด และนั่นก็รวมถึงอาหารของเจ้าเหมียวสุดเลิฟของเราด้วย โดยเฉพาะบ้านไหนที่ให้อาหารแมวแบบเปียก หรืออาหารโฮมเมด ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ หากน้องเหมียวไม่กินหรือกินไม่หมด เราก็ไม่ควรตั้งทิ้งไว้ ควรเก็บและล้างทำความสะอาดภาชนะทันที มิฉะนั้นอาจจะทำให้น้องแมวป่วย เป็นโรคท้องเสียได้นะจ๊ะ รู้แบบนี้แล้ว ในหน้าร้อนนี้ก็อย่าลืมดูแลแมวกันให้ดีๆ ด้วยล่ะ จะได้ไม่ต้องมีโรคร้ายมาทำอันตรายน้องเหมียวของเรา โดยนอกจากทำวัคซีนกันให้ครบแล้ว ก็อย่าลืมเลือกให้อาหารแมวที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมอย่าง Purina ONE ทุกสูตรได้เลย เพราะ Purina ONE ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมคัดสรรอย่างดีเพื่อให้เหมาะกับแมวในแต่ละช่วงวัย แถมยังรสชาติถูกปาก จนลืมเรื่องปัญหาแมวเบื่ออาหารไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาทูน่า เนื้อไก่ และเนื้อไก่งวงแท้ๆ ซึ่งอุดมด้วยสารอาหาร ทำให้น้องแมวมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง เห็น สัญญาณสุขภาพดีครบ 6 ประการ ตั้งแต่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้น้องแมวไม่ป่วยง่าย ผิวหนังและขนของเค้ามีสุขภาพดี ดวงตาสดใส รวมถึงช่วยให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายดีซึ่งสังเกตได้จากการที่น้องแมวขับถ่ายเป็นก้อน รวมถึงส่งผลให้เค้ามีกล้ามเนื้อและหัวใจที่แข็งแรงทำให้ร่างกายสมส่วนไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป มีกระดูกและข้อต่อแข็งแรงวิ่งเล่นของเล่นแมวกับเราได้อย่างร่าเริง และยังช่วยลดคราบหินปูนและลดกลิ่นปาก ซึ่งแน่นอนว่าสัญญาณสุขภาพดีทั้งหมดนี้ เพื่อนๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้จริงใน 30 วันแน่นอน เพื่อนๆ
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
unusual-cat-illnesses
สัญญาณแปลก ๆ ที่เตือนว่าแมวกำลังป่วย
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ในฐานะคนรักแมว เราเข้าใจดีว่า เจ้าของทุกคนอยากให้สัตว์เลี้ยงของเรามีความสุขและแข็งแรงทั้งกายและจิตใจอยู่เสมอ แต่แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่พูดไม่ได้ หากแมวป่วย เจ้าของจะต้องหมั่นสังเกตอาการและเช็คว่าเมื่อไหร่ที่เขาต้องการความช่วยเหลือ สัญญาณเตือนแมวป่วย แมวมีนิสัยต่างจากสุนัขตรงที่ไม่ชอบยุ่งกับใคร และมักไม่ขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกไม่ป่วย สัญชาตญาณการปัองกันตัวจะทำให้แมวป่วยดูก้าวร้าวขึ้นและหลบไปอยู่เงียบ ๆ จึงทำให้คุณจับตาดูเขาได้ยาก คุณอาจป้องกันปัญหาสุขภาพของแมวได้โดยพาเขาไปตรวจร่างกายทุก 6-12 เดือน โดยเฉพาะเมื่อแมวมีอายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไป หากสงสัยว่าแมวมีอาการผิดปกติแต่ไม่แน่ใจว่าร้ายแรงแค่ไหน Purina ได้รวบรวมอาการผิดปกติหลายอย่างที่เจ้าของแมวควรจับตาดูและหมั่นสังเกตก่อนตัดสินใจพาไปหาสัตวแพทย์ บทความนี้ได้รวบรวมอาการป่วยของแมวที่มักพบบ่อยและเจ้าของควรรู้ หากกังวลเกี่ยวกับสุขภาพแมว ควรปรึกษาสัตวแพทย์
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
cat-hairballs
ปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหารแมว ปัญหาที่เจ้าของควรรู้
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ทุกครั้งที่คุณเห็นแมวเลียขนเพื่อดูแลความสะอาด จะมีการกลืนขนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะไปสะสมและจับตัวเป็นก้อนในกระเพาะอาหาร บทความนี้จะอธิบายทั้งปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหารแมว และวิธีการจัดการปัญหาดังกล่าว แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดมาก รู้วิธีการดูแลขนตัวเอง จนแทบไม่ต้องอาบน้ำเลย แต่วิธีการดูแลขนแบบนี้ของแมว ทำให้ต้องกลืนขนที่ใกล้หลุดเข้าไปด้วย จึงนำไปสู่ปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหาร ตามปกติแมวมักจะปัญหาเรื่องก้อนขนในทางเดินอาหารเป็นระยะ ๆ ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ถ้าคุณสงสัยว่าเจ้าก้อนขนนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แมวจะแสดงอาการแบบไหน และมีวิธีการใดช่วยแก้ปัญหาก้อนขนให้แมวได้บ้าง เรามีสารพัดเคล็ดลับที่คุณควรรู้ในบทความนี้ ปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหารแมวคืออะไร? ปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหารแมวเกิดจากการสะสมกันของขนที่หลุดร่วง และผสมเข้ากับน้ำย่อยภายในกระเพาะอาหาร โดยแมวจะเลียทำความสะอาดขนตัวเอง และกลืนขนบางส่วนลงไปด้วย จนเกิดการก่อตัวสะสมภายในกระเพาะอาหาร แมวทุกตัวดูแลทำความสะอาดขนตัวเองด้วยการเลีย ลิ้นที่มีหนามเล็ก ๆ จะเกี่ยวติดขนที่ใกล้หลุดร่วงจากการผลัดขน ปลายหนามเหล่านี้จะมีทิศทางตรงไปยังหลอดอาหาร ซึ่งเป็นกลไกทางธรรมชาติที่ทำให้เกี่ยวขนได้ดี แต่ก็ทำให้แมวจำเป็นต้องกลืนขนเหล่านี้ลงไปด้วย อาการของปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหารแมว เวลาแมวอยากอาเจียนเอาก้อนขนออก แมวจะเริ่มสำรอก ทำเสียงเหมือนสำลัก คล้ายคนไอแห้ง ๆ เวลาจะอาเจียน บางครั้งเสียงจากอาการนี้จะเรียกว่า “แมวขย้อน” เพราะเป็นเสียงที่แมวขับออกจากปอดเหมือนไอ ผ่านคอเหมือนเสียงสำลัก และเสียงอาเจียนออกจากท้อง ปัญหาก้อนขนในระบบทางเดินอาหารแมวเป็นเรื่องปกติไหม? เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความกังวลใจสำหรับเจ้าของ ที่ต้องได้ยินแมวของตัวเองสำลักและอาเจียน แต่จริง ๆ แล้ว การที่แมวดูแลทำความสะอาดขนตัวเองนั้นถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ และเป็นกลไกดูแลขนให้มีสุขภาพดีตามธรรมชาติ ปกติแล้วขนที่แมวกลืนลงไปจะขับออกทางอุจจาระ แต่จะบางครั้งขนก็อาจสะสมและจับตัวเป็นก้อนภายในกระเพาะอาหาร จนทำให้แมวต้องพยายามอาเจียนก้อนขนออกมา เพื่อไม่ให้เคลื่อนลงไปอุดตันบริเวณลำไส้ ดังนั้นหากเจ้าของเห็นแมวกำลังยืดคอ อ้าปากสำรอก และคายก้อนขนออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาเห็นอาจจะทำให้กังวลใจอยู่บ้าง แต่ไม่มีอะไรเพราะเป็นเรื่องปกติในแมว
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
support-cat-digestion
เคล็ดลับการดูแลระบบย่อยอาหาร​แมว​
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ระบบย่อยอาหารที่ดี เป็นกุญแจสำคัญของสุขภาพที่สมบูรณ์ เพราะจะทำให้แมวได้รับสารอาหารดีๆ เพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
hair-loss-in-cats
ปัญหาแมวขนร่วง
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
หากรู้สึกว่าแมวของคุณมีขนไม่หนาฟูเหมือนเดิม หรือมีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ควรให้สัตวแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ปัญหา เนื่องจากอาการขนร่วงเกิดได้จากหลายสาเหตุ เบื้องต้นเจ้าของอาจตรวจหาอาการป่วยได้โดยสังเกตจากสุขภาพขนและผิวหนัง บทความนี้ Puina ขอนำเสนออาการที่เจ้าของพึงระวังเป็นพิเศษ และแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์หากมีความกังวลเรื่องสุขภาพสัตว์เลี้ยง สาเหตุที่แมวขนร่วง อาการขนร่วงในแมวหรือ “โรคขนร่วง” (alopecia) เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เมื่อทราบสาเหตุแล้ว ควรเริ่มหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมเพื่อให้แมวกลับมาสุขภาพดีแข็งแรงอีกครั้ง ป่วยเป็นโรคทางผิวหนัง ปัญหาขนร่วงอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อทางผิวหนัง กลาก (การติดเชื้อรา) การรบกวนของปรสิต เช่น ไรหรือหมัด หรือโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่เกิดจากภูมิแพ้ ซึ่งทำให้ระคายเคืองผิวหนัง และต้องเกาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ การแต่งขนหรือเกามากเกินไปจะทำให้แมวขนร่วงเป็นย่อม ๆ และมีปัญหาก้อนขนที่เกิดจากการกินหรือเลียขนบริเวณดังกล่าว ความเครียดและอาการเจ็บปวด คุณอาจเคยได้ยินที่คนพูดกันว่าเครียดจนต้อง “ทึ้งผม” ซึ่งอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับแมวที่เครียดได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะแปลกแต่แมวมักจะเลียขนบริเวณที่เจ็บปวด เช่น บริเวณที่ปวดข้อ ฮอร์โมนแมว ปัญหาขนร่วงส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ฮอร์โมนบางประเภทส่งผลต่อการเจริญเติบโตของขนแมวและอาการขนร่วง เมื่อระดับฮอร์โมนดังกล่าวมากหรือน้อยเกินไป นอกจากนี้ คุณอาจพบว่าแมวที่ตั้งท้องหรือกำลังให้นมจะประสบปัญหาขนร่วงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงนั้น แต่ไม่ต้องกังวลเพราะขนจะงอกขึ้นใหม่เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาสุขภาพ การขาดสารอาหาร และโรคประจำตัว อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ปัญหาสุขภาพร่างกาย หรือโรคที่ตรวจไม่พบล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้แมวขนร่วง ดังนั้น คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง สาเหตุของอาการขนร่วงบางครั้งอาจส่งผลต่อมนุษย์และเป็นโรคติดต่อได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลก แต่คุณควรเข้าพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อหลักเลี่ยงปัญหาระยะยาว ปกติแมวจะขนร่วงตลอดทั้งปี แต่จะผลัดขนมากในฤดูร้อน หรือที่เรียกว่าฤดูผลัดขน หากแมวขนร่วงทั้งตัว แต่ไม่มีอาการขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ถือว่าเป็นอาการที่พบได้ตามปกติและจะหายไปได้เอง
ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
ดูทั้งหมด
การให้อาหารและโภชนาการ
ดูทั้งหมด
แมวไม่กินอาหารเม็ดควรทำยังไงดี
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
แมวไม่กินอาหารเม็ดควรทำยังไงดี แมวไม่กินอาหารเม็ดถือว่าเป็นปัญหาโลกแตกของคนเลี้ยงแมวเลยทีเดียว จริงๆ แล้วเรื่องนี้สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ อาหารที่ให้ ความสะอาด หรือแม้แต่ตัวนิสัยของแมวเอง โดยผลเสียของการที่แมวไม่กินอาหารเม็ดคือจะทำให้เขาได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอจนอาจทำให้ป่วยตามมา รวมไปถึงยังสร้างนิสัยเลือกกินขึ้นได้ในอนาคต ในคราวนี้เราเลยขอพาทุกท่านมาวิเคราะห์รวมไปถึงเสนอแนวทางแก้ปัญหาอย่างได้ผลกัน ว่าทำต้องทำอย่างไรถึงเอาชนะใจน้องเหมียวให้กลับมาทานอาหารเม็ดได้ สาเหตุ 1. ให้ขนมแมวมากเกินไป : อันนี้เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เมื่อเราให้ขนมแมวมากเกินไป ทำให้แมวติดใจรสชาติของขนมแมวจนทำให้แมวไม่กินอาหารเม็ด ซึ่งการให้ขนมแมวมากเกินไปอาจทำให้แมวสุขภาพแย่ลงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือขาดสารอาหารที่จำเป็นได้ 2. ภาชนะใส่อาหารหรือสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสม : บางครั้งแมวไม่กินอาหารเม็ดอาจเพราะชามสกปรกหรือสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสมก็เป็นไปได้เช่นกัน รวมไปถึงอย่าลืมเช็คว่าอาหารเม็ดที่เราให้นั้นมีคุณภาพดี ยังไม่หมดอายุ หรือเปียกชื้น เพราะสิ่งเหล่านี้ก็มีผลต่อการตัดสินใจกินของแมวด้วยเช่นกัน สถานที่วางชามอาหารแมวควรเป็นที่สะอาด สงบ และไม่มีคนพลุกพล่าน 3. แมวมีนิสัยเลือกกินหรือชอบอาหารเปียกมากกว่า : ต้องบอกว่าแมวบางตัวมีนิสัยไม่ชอบอาหารเม็ดเลยจริงๆ จะยอมกินก็แต่อาหารเปียกหรืออาหารที่ตัวเองชื่นชอบเท่านั้น แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าเรามีวิธีการเปลี่ยนใจน้องแมวให้กลับมากินอาหารเม็ดแบบง่ายๆและได้ผลมาฝากกัน วิธีเปลี่ยนใจแมวให้ชื่นชอบอาหารเม็ด 1. ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนอาหารเม็ดลงในอาหารมื้อหลัก : ทำให้แมวคุ้นชินกับอาหารเม็ดด้วยการผสมอาหารเม็ดลงไปในอาหารเปียกทีละน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างช้าๆ และลดปริมาณอาหารเปียกลง จะทำให้แมวค่อยๆ รู้จักกับอาหารเม็ดและยอมกินได้ในที่สุด ค่อยๆ ผสมอาหารเปียกกับอาหารเม็ดเข้าด้วยกัน จากนั้นเพิ่มปริมาณอาหารเม็ดให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้แมวค่อยๆ ชินกับรสชาติของอาหารเม็ด 2. เลือกให้อาหารเม็ดคุณภาพสูง : เคล็ดลับอยู่ที่ถ้าจะให้อาหารเม็ดกับน้องแมวทั้งที ควรเลือกให้อาหารเม็ดมีคุณภาพสูงหรือเกรดพรีเมี่ยม เพราะจะมีกลิ่นและรสชาติที่อร่อย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าอาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยมมักทำมาจากส่วนของเนื้อแดงซึ่งมีคุณภาพสูง มีปริมาณสัดส่วนของเนื้อสัตว์มาก และมีโปรตีนสูง เลยทำให้แมวรู้สึกว่าน่ากินมากกว่าอาหารเม็ดแบบปกติธรรมดา อีกทั้งยังให้สารอาหารครบถ้วน ให้น้องแมวมีสุขภาพแข็งแรง 3. ตรวจสอบว่าสิ่งแวดล้อมและภาชนะใส่อาหารที่เหมาะสม : ใช้ภาชนะใส่อาหารที่แห้งและสะอาด รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่กินอาหารของแมวควรเงียบ ไม่มีคนพลุกพล่าน หรือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของแมว 4. ให้อาหารเป็นเวลา : ให้อาหารตรงเวลาอย่างเคร่งครัดและกำหนดเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าเกิดว่าแมวไม่กินอาหารเม็ดให้เก็บจานอาหารและใจแข็งไม่ยอมให้เขาได้ทานอะไรจนกว่ามื้อถัดไป จะทำให้แมวเรียนรู้ได้ว่าต้องกินอาหารในช่วงเวลานี้เท่านั้น การให้อาหารแมวเป็นเวลาที่แน่นอนจะทำให้เขาเข้าใจว่าต้องกินอาหารในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งจะช่วยทำให้แมวกินอาหารเม็ดได้ง่ายขึ้น และไม่ควรให้อาหารหรือขนมแมวนอกช่วงเวลาอาหารต่อให้เขาร้องขอก็ตาม 5. งดให้ขนมแมว (ชั่วคราว) : งดขนมแมวจะช่วยให้น้องแมวมีความอยากอาหารมากขึ้น และทำให้ยอมกินอาหารเม็ดง่ายขึ้นด้วย ในช่วงที่ฝึกให้กินอาหารเม็ดไม่ควรให้ขนมแมวจนกว่าเขาจะยอมกินอาหารเม็ดอย่างต่อเนื่อง และเมื่อกลับมาให้ขนมแมวก็ควรจำกัดปริมาณที่ให้ต่อวัน อาหารแมวชนิดเม็ดถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ สำหรับคนเลี้ยงแมว เพราะว่าในอาหารเม็ดมีสารอาหารครบครัน ทำให้สุขภาพของแมวแข็งแรง อีกทั้งยังเก็บรักษาดูแลง่าย และที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่าอาหารแมวแบบเปียกทำให้เจ้าของแมวสามารถเลือกซื้อได้อย่างสบายใจ ดังนั้นอย่าลืมเลือกซื้ออาหารเม็ดสำหรับแมวกัน โดยต้องเลือกอาหารเม็ดที่คุณภาพและมีคุณประโยชน์ครบถ้วนตามที่แมวแต่ละช่วงวัยต้องการอย่าง Purina ONE อาหารแมวเกรด ซุปเปอร์ พรีเมี่ยม ที่ทุกสูตรผลิตด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง รสชาติอร่อย อุดมด้วยโปรตีนและสารอาหารที่เหมาะสมกับแมวในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นลูกแมวหรือแมวโตเต็มวัย ครบคุณค่าที่สุดแห่งการบำรุง ให้แมวของคุณสุขภาพแข็งแรง จนสามารถพิสูจน์สัญญาณสุขภาพใน 3 สัปดาห์ ผ่าน3สัญญาณสุขภาพดี อ้างอิง https://www.petmd.com/cat/nutrition/evr_ct_why-wont-my-cat-eat-his-food https://pets.thenest.com/cats-stop-eating-dry-food-9137.html
การให้อาหารและโภชนาการ
เมนูอันตราย อาหารต้องห้ามสำหรับแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เมนูอันตราย!!! ห้ามน้องแมวแตะเลยนะของพวกนี้ เมนูเด็ดของอร่อยหลายเมนูที่เราชอบทานอาจจะเป็นเมนูที่สร้างมื้อแห่งความสุขให้กับเรา แต่รู้หรือเปล่าว่าของอร่อยหลายอย่าง อาจเป็นเมนูให้โทษกับน้องแมวที่เป็นอันตรายถึงตายได้เลยทีเดียวนะ ท่องจำให้ขึ้นใจว่าน้องแมวห้ามกินอะไร เพราะนี่คืออาหารต้องห้ามสำหรับแมว 1. ลูกเกดและองุ่น - ผลไม้แสนอร่อยที่เป็นของโปรดของหลายๆ คน แต่สำหรับน้องแมวแล้วถ้าเผลอกินองุ่นหรือลูกเกดเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะคลื่นไส้ อาเจียน อย่างรุนแรงได้ ถึงอร่อยสำหรับเราแต่น้องแมว>ห้ามกินเลยล่ะ
การให้อาหารและโภชนาการ
เลือกอาหารแมวอย่างผู้รู้ ให้ดูที่ฉลาก
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เลือกอาหารแมวอย่างผู้รู้ ให้ดูที่ฉลาก ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับน้องแมวมีอยู่มากมาย จนบางครั้งหลายๆ คนก็เริ่มสับสนว่านอกจากคุณค่าทางสารอาหารที่ได้จากวัตถุดิบชั้นดีที่เจ้าของน้องแมวทุกท่านพยายามเลือกสรรให้น้องแมวแล้ว เจ้าของน้องแมวควรใช้ข้อมูลอะไรในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารอีกบ้างนะ? เรื่องนี้บอกเลยว่าถ้าอยากเลือกอาหารแมวให้ได้อย่างผู้รู้ ต้องไม่ลืมหันมาดูฉลากที่แปะอยู่บนถุงด้วย เพราะมีข้อมูลอีกมากมาย ช่วยให้เราทราบถึงส่วนประกอบ และคุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญยังบอกปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับตัวของน้องแมวของเรา ดูง่ายๆ ก็จากฉลากอาหารนี้แหละ มาดูกันดีกว่าว่าฉลากอาหารมีอะไรที่จะช่วยให้เราตัดสินใจในการเลือกซื้ออาหารแมวได้บ้าง มองหาเลขทะเบียนอาหารสัตว์ 10 หลัก สิ่งสำคัญที่จะบอกว่าอาหารแมวชนิดนั้นๆ ผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์แล้ว ก็คือเลขทะเบียนอาหารสัตว์ สังเกตง่ายๆ ด้วยตัวเลข 10 หลัก ที่อยู่ด้านหลังซองอาหาร วันผลิตและหมดอายุ ข้อนี้สำคัญมากๆ และควรดูก่อนเลือกซื้ออาหารทุกๆ ครั้ง เพื่อให้น้องแมวได้กินอาหารที่ปลอดภัย และมีคุณภาพ ส่วนประกอบของอาหาร ส่วนประกอบของอาหารจะบอกเราได้ว่าในอาหารหนึ่งถุงนั้นทำมาจากอะไร ช่วยให้เราสามารถเลือกวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบหลักให้กับน้องแมว หรือเลือกชนิดของวัตถุดิบที่น้องแมวในกรณีที่น้องแมวมีปัญหาแพ้อาหารได้ ซึ่งสำหรับน้องแมวแล้วส่วนประกอบหลักที่มีปริมาณสูงที่สุดในอาหารคือ โปรตีน ตามมาด้วยไขมัน และใยอาหาร โดยที่มาของส่วนประกอบควรเป็นเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม และมีคุณภาพสูง เช่น โปรตีนที่ได้จากเนื้อปลาแซลมอนแท้ หรือเนื้อไก่แท้ โดยมีสัดส่วนที่มากกว่าส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ปลายข้าว ซึ่งโปรตีนคุณภาพสูง นี้เป็นแหล่งสำคัญของกรดอะมิโน ที่นอกจากจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและหัวใจน้องแมวให้แข็งแรงแล้ว วัตถุดิบจากเนื้อปลาแท้และเนื้อไก่เต็มๆ ยังมีรสชาติที่อร่อยถูกใจน้องแมว ช่วยให้น้องแมวเจริญอาหารอิ่มอร่อยอีกด้วย สารอาหาร เพราะน้องแมวแต่ละช่วงวัย และไลฟ์สไตล์ ล้วนมีความต้องการของร่างกายแตกต่างกัน เช่น น้องแมวที่กำลังเติบโตก่อนอายุ 1 ปี จะมีความต้องการปริมาณโปรตีนในอาหารแมวที่สูงกว่าน้องแมวที่โตเต็มวัย หรือน้องแมวที่เลี้ยงในบ้านควรเลือกอาหารแคลอรี่ต่ำ ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และมีสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ได้แก่ วิตามิน A, E และซิลีเนียม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน และต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง โอเมก้า 3 และ 6 ช่วยบำรุงผิวหนังและขน ให้สุขภาพดีเงางาม เลือกอาหารที่ดีต้องมีครบ 6 สัญญาณสุขภาพดี เสริมมาให้ เช่น เพียวริน่า วัน เท็นเดอร์ ซีเล็กซ์ เบลนด์ สูตรปลาแซลมอน และสูตรเนื้อไก่ อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม สำหรับแมวโต อายุ 1-7 ปี ทุกสายพันธุ์ ครบคุณค่าที่สุดแห่งการบำรุง ให้แมวของคุณสุขภาพแข็งแรง o มีโปรตีนคุณภาพสูงจาก เนื้อปลาแซลมอนแท้ (สำหรับสูตรปลาแซลมอน) และเนื้อไก่ (สำหรับสูตรเนื้อไก่) ให้กล้ามเนื้อ และหัวใจแข็งแรง o มีโอเมก้า 6 และ วิตามิน เอ และ อี ช่วย ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้สุขภาพดีเงางาม o มีใยอาหารสูง ลดการเกิดก้อนขน ช่วยเรื่องระบบการขับถ่าย o มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง ปริมาณการให้อาหารที่แนะนำต่อวัน ปริมาณแนะนำต่อวันที่น้องแมวควรได้รับจะแบ่งตามน้ำหนักตัวของน้องแมว เพื่อให้เจ้าของแมวสะดวกในการตวงอาหารในแต่ละวันให้กับน้องแมว น้องแมวจะได้ไม่ขาดสารอาหารจากการได้รับอาหารน้อยเกินไป หรือกินมากเกินไปจนน้ำหนักเกิน น้ำหนักสุทธิ ถ้าเราเลี้ยงน้องแมวที่บ้านหลายตัว อาจเลือกอาหารถุงใหญ่ เพื่อความสะดวกในการจัดการ ไม่ต้องหาซื้ออาหารบ่อยๆ แต่ถ้าหากเลี้ยงน้องแมวไม่กี่ตัว ก็ต้องประเมินปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ไม่เก็บอาหารค้างไว้นานเกินไป ซึ่งอาจทำให้คุณภาพและความน่ากินของอาหารลดลง เห็นหรือเปล่าว่าฉลากอาหารแมวบอกอะไรกับเราได้มากมาย แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจในการเลือกคือ ควรเลือกอาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ทำจากเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลัก คัดสรรมาอย่างดีและอุดมด้วยสารอาหารครบคุณค่า เพื่อให้เหมาะกับแมวแต่ละช่วงวัย อย่าง Purina ONE ที่จะช่วยให้น้องแมวของคุณมีสุขภาพดี มีครบสัญญาณสุขภาพดีทั้ง 6 ประการ มาถึงตรงนี้แล้วต้องไม่ลืมอ่านฉลากทุกครั้งที่จะเลือกซื้ออาหารแมวนะ เพราะจะเลือกอย่างผู้รู้ทั้งที ก็ต้องดูฉลากให้เป็นด้วย
การให้อาหารและโภชนาการ
สัญญาณสุขภาพดี ดูได้จากวิถีการกินของน้องแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
สัญญาณสุขภาพดี ดูได้จากวิถีการกินของน้องแมว ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่าน้องแมวของเรามีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า ครั้งนี้เรามีวิธีสังเกตเบื้องต้นแบบไม่ยากมาแนะนำทุกคนกันค่ะ นั่นก็คือเวลาที่เราให้อาหารน้องแมวทุกครั้ง ให้ลองสังเกตดู “พฤติกรรมการกิน” ของเค้า เพราะพฤติกรรมแมวเหล่านี้คือคำใบ้ที่จะคอยบอกเราว่า ตอนนี้สุขภาพแมวกำลังเป็นอย่างไร หากน้องแมวมีพฤติกรรมการกินที่แปลกไป นั่นคือสัญญาณอันตราย ซึ่งถ้าเราสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันเราก็สามารถแก้ไขสาเหตุ หรือพาไปพบคุณหมอได้ทันเวลานั่นเองค่ะ มาทำความเข้าใจพฤติกรรมการกินอาหารของน้องแมวกันดีกว่า ก่อนที่เราจะ สังเกตได้ว่า พฤติกรรมแมวของเรา นั้นมีการทานอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปยังบ้าง ขั้น แรก เราต้องรู้เสียก่อนว่าโดยปกติแล้วน้องเหมียวของเรานั้นมีรูปแบบการกินอาหารอย่างไร หากวันไหนที่เพื่อนๆ มีเวลาอยู่บ้าน ทั้งวัน เวลาให้อาหารน้องแมว แนะนำให้ลองสังเกตและอย่าลืมจดบันทึกข้อสังเกตเหล่านี้เก็บเอาไว้อ้างอิงด้วยนะคะ • ลักษณะการกิน : แมวของเรากินอย่างรวดเร็ว หรือค่อยๆ ละเลียดกินช้าๆ • ปริมาณ : ดูว่าในแต่ละวันเค้าทานอาหารจนหมด หรือมีอาหารเหลือเอาไว้ • วิธีกิน : น้องเหมียวกินอาหารครั้งละเยอะๆ หรือค่อยๆ ทานไปเรื่อยๆ ตลอดวัน เมื่อเราทราบรูปแบบพฤติกรรมแมวของเราแล้ว คราวนี้เราจะสามารถตามดูการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจจะเป็นสัญญาณของความผิดปกติบางอย่างได้แล้วล่ะค่ะ สัญญาณของการกินอาหารแมวอย่างมีสุขภาพดีเป็นอย่างไรนะ? หลังจากที่รู้ว่าน้องแมวของเรามีนิสัยการทานอาหารยังไงแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเช็กแล้วค่ะ ว่าพฤติกรรมการทานอาหารของน้องเหมียวของเราเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า • มากินทันทีที่เราเทอาหารแมวลงในชามของเค้า • ตื่นตัวกับเรื่องกิน ตื่นเต้นที่จะได้อาหาร • มีเวลาและจำนวนครั้งในการกินที่คงเส้นคงวา • กินอาหารในปริมาณคงที่หรือเปล่า ถ้าน้องแมวของเพื่อนๆ มีสัญญาณการกินดังนี้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เพราะน้องแมวของเพื่อนๆ ยังมีความสุขกับการกินอาหารซึ่งเป็นสัญญาณของการกินอย่างมีสุขภาพที่ดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าพบว่าเค้าเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่นเริ่มทานเร็วขึ้น ทานมากขึ้น กลายเป็นแมวกินน้อยเกินไป เลือกกินอาหาร หรือกลายเป็นแมวเบื่ออาหารไม่ยอมทานอะไรเลยตลอดทั้งวัน นั่นคือพฤติกรรมที่เริ่มส่งสัญญาณมาแล้วค่ะว่าสุขภาพแมวกำลังมีปัญหา แล้วอาหารแมวแบบไหนที่เหมาะกับน้องแมวของเรากันล่ะ? ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารแมว Purina ONE ได้คัดเลือกและปรับปรุง อาหารที่เหมาะสมกับน้องแมวทุกสายพันธุ์มาแล้ว ทว่าไม่ใช่แมวทุกตัวที่เหมาะกับอาหารทุกสูตร การเลือกซื้ออาหารแมวตามช่วงวัยและการเลี้ยงดูให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่เราจะได้เลือกอาหารแมวสูตรที่ถูกต้องและเหมาะสมให้แก่เค้าค่ะ เช่น ถ้าเป็นลูกแมว (อายุ 3 สัปดาห์ - 1 ปี) ควรเลือกซื้ออาหารเม็ดแมว Purina ONE สูตร Healthy Kitten เพราะมีโปรตีนสูงเป็นพิเศษและสารอาหารที่จำเป็น เหมาะสำหรับลูกแมวที่กำลังเจริญเติบโต ส่วนน้องแมวที่โตเต็มวัยแล้ว หรือแมวเลี้ยงภายในบ้านที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก ควรกินอาหารเม็ดแมว Purina ONE สูตร Indoor Advantage เพราะช่วย ควบคุมน้ำหนัก และช่วยลดปัญหาจากการเกิดก้อนขนได้ดี จึงเหมาะกับน้องแมวพันธุ์ที่มีขนสวยงามอย่างแมวเปอร์เซีย อเมริกันช็อตแฮร์ สก็อตทิชโฟลด์ ฯลฯ เช่นกัน ส่วนอาหารเม็ดแมว สูตร Purina ONE สูตร Salmon & Tuna Formula ก็เหมาะสำหรับแมวโตเช่นกัน อุดมด้วยกรดอะมิโนจากเนื้อปลาแซลมอนและทูน่า เพื่อกล้ามเนื้อและหัวใจแข็งแรง และมีโอเมก้า 3 & 6 ช่วยบำรุงให้ขนเงางาม ผิวหนังสุขภาพดี ดวงตาสดใส พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้เค้าป่วยง่าย โดยทุกสูตรนั้นจะช่วยเปลี่ยนแปลงสุขภาพของแมวคุณให้แข็งแรง มีครบ 6 สัญญาณสุขภาพดี เพื่อนๆ สามารถคลิกเข้าไปเลือกซื้ออาหารเม็ดแมวได้ ที่นี่ เลยค่ะ การสังเกตว่าน้องแมวดื่มน้ำอย่างไร ก็ถือเป็นการตรวจสอบสัญญาณสุขภาพที่สำคัญนะ สำหรับน้องแมวนั้นการดื่มน้ำก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทานอาหารเลยค่ะ เนื่องจากน้องแมวของเราของเราจำเป็นจะต้องได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีปัญหาเรื่องทางเดินปัสสาวะ หรือเสี่ยงเป็นโรคนิ่ว ดังนั้น อย่าลืมเช็กให้ชัวร์ว่าเราวางชามใส่น้ำแมวเอาไว้ให้เค้าเพียงพอในแต่ละวันแล้ว โดยเพื่อนๆ จะสามารถสังเกตว่าเค้ามีพฤติกรรมการดื่มน้ำที่เป็นสัญญาณสุขภาพดีได้ จากการที่เค้า “ดื่มน้ำสม่ำเสมอ” ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะ อย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร หรือการออกแรงจากกิจกรรมต่างๆ นั่นเองค่ะ แล้วน้องแมวต้องดื่มน้ำมากแค่ไหนกันล่ะ? รู้หรือไม่ว่าร่างกายของแมว มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 60% เลย ดังนั้นน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพของเค้าแข็งแรง ซึ่งปริมาณน้ำที่ควรได้รับในแต่ละวันนั้นอยู่ที่ประมาณ 60 มิลลิลิตร (มล.) ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งหากน้องแมวของเรามีน้ำหนัก 4 กิโลกรัม นั่นหมายความว่า เค้าควรได้รับน้ำอย่างน้อย 240 มล. นั่นเอง อย่างที่บอกไปว่าร่างกายของแมวมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ดังนั้นหากเค้าขาดน้ำเพียงแค่ 10% ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยรวมทั้งหมด เพื่อนๆ ต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมการดื่มน้ำของน้องแมวอยู่เสมอ หากวันใดวันหนึ่งที่เริ่มมีพฤติกรรมแมวที่ไม่ปกติ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่าน้องแมวของเรากำลังมีปัญหาก็ได้ สำหรับพฤติกรรมต้องสงสัยที่ควรระวังไว้ให้ดี คือ 1.การที่เค้าดื่มน้ำตลอดเวลา หรือไม่ดื่มเลยตลอดวัน 2.ไม่ยอมปัสสาวะในที่ๆ เราจัดไว้ให้ หรือไม่ยอมแม้แต่จะปัสสาวะเลย รวมไปถึงการมีอาการของผิวหนังลอกและแห้ง ผิวแข็งและไม่ยืดหยุ่น วิธีแก้ปัญหา ถ้าน้องแมวกินน้ำน้อย สำหรับใครที่มีปัญหาน้องแมวกินน้ำน้อยนั้น เราขอแนะนำวิธีแก้ไขเบื้องต้น นั่นก็คือ ให้เปลี่ยนภาชนะสำหรับใส่น้ำดื่มของเค้านะคะ โดย Purina ONE แนะนำให้เลือกชามที่มีกลไกลักษณะคล้ายน้ำพุเล็กๆ พุ่งขึ้นมาตลอดเวลาค่ะ Purina ONE เพราะโดยปกติของ แมวมักถูกดึงดูดด้วยน้ำที่ไหลไปมาไม่หยุดนิ่ง จึงมีแนวโน้มที่เค้าจะดื่มน้ำได้มากขึ้นนั่นเอง แต่หากเปลี่ยนภาชนะแล้วน้องแมวยังมีพฤติกรรมที่ผิดปกติอยู่ แนะนำให้พาเค้าไปพบคุณหมอโดยด่วนนะคะ จะเห็นได้ว่า “การทานอาหาร” หรือ “การดื่มน้ำ” ของน้องแมวนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป การคอยหมั่นสังเกตพฤติกรรมของน้องแมว รวมถึงให้อาหารแมวที่ดีมีคุณภาพคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เค้ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ครบทั้ง 6 สัญญาณสุขภาพดี น้องแมวจะร่าเริงแจ่มใสได้ ย่อมเริ่มต้นที่ร่างกายแข็งแรงเป็นอันดับแรกค่ะ ที่มา ภาวะขาดน้ำในแมว : http://i.ibluewind.com/2010/04/feline-dehydration/
การให้อาหารและโภชนาการ
เทคนิคให้อาหารแมวและลูกแมว​ ที่ทุกคนควรรู้​
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เทคนิคให้อาหารแมวและลูกแมวที่ทุกคนควรรู้ ทราบไหมคะ ว่าน้องแมวแต่ละตัวนั้น มีนิสัยการกินที่แตกต่างกัน บางตัวอาจจะทานง่าย กินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่น้องแมวบางตัวก็อาจจะเลือกกินแบบสุดๆ เอาใจยากเสียเหลือเกิน ซึ่งพฤติกรรมการกินของน้องแมวส่วนใหญ่นั้นมักจะควบคุมไม่ได้ เพราะเกิดจากสัญชาติญาณที่ติดตัวเค้ามาตั้งแต่เกิด แต่ถ้าเราให้เวลากับน้องแมวมากพอ รวมถึงลองใช้เทคนิคสำหรับเลี้ยงแมวตามนี้ ไม่ว่าใครก็จะกลายเป็นคนรักที่แสนรู้ใจของน้อง และดูแลเค้าให้มีสุขภาพดีได้ไม่ยากเลยค่ะ ใช้ภาชนะแบบไหนดีนะ? เชื่อว่าหลายคนก็คงไม่เคยรู้มาก่อน ว่าสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจในการเลือกชามอาหารให้กับน้องแมวก็คือ ความกว้างและความลึกของชาม โดยจะต้องไม่ทำให้ “หนวด” ของเค้าเลอะเทอะระหว่างที่กำลังทานนั่นเอง โดยมีเทคนิคง่ายๆดังนี้ค่ะ - ควรเลือกชามอาหารที่มีความลึกพอสำหรับใส่อาหารทั้งวันของน้องแมว - ชามอาหารที่ใช้ควรมีความกว้างเพียงพอที่หนวดของน้องแมวจะไม่สัมผัสกับขอบชาม รวมถึงควรเลือกชามที่มีระดับความสูงพอเหมาะ เพื่อให้เค้าเคี้ยวอาหารได้โดยไม่เลอะเทอะหนวดค่ะ - ถ้าใครที่มีน้องแมวชอบทานมูมมาม แนะนำให้ปูแผ่นรองกันเปื้อนเอาไว้ใต้จานกันเลอะจะช่วยได้มากเลยล่ะ แล้วควรจะวางชามข้าวแมวไว้ตรงไหนดีนะ? จุดที่คุณควรจะวางชามอาหารแมวนั้นสำคัญกว่าที่คิดมากค่ะ เพราะน้องแมวส่วนใหญ่มักจะชอบทานอาหารท่ามกลางพื้นที่โล่งที่สามารถมองเห็นได้รอบตัว ซึ่งเป็นสัญชาตญาณ นักล่าของเค้า ที่จะคอยระวังอันตรายเวลาทานอาหารนั่นเอง ซึ่งเทคนิคการเลือกสถานที่วางชามข้าวน้องแมวที่แนะนำก็คือ - หลีกเลี่ยงการวางชามข้าวแมวเอาไว้ที่มุมห้อง เพราะเป็นมุมอับ ไม่เหมาะสำหรับพฤติกรรมตามธรรมชาติของน้องแมว - วางชามข้าวแมวเอาไว้ในที่โล่ง ที่เค้าสามารถมองเห็นรอบตัวได้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งจะทำให้เค้าสบายใจไม่กดดันระหว่างที่ทานอาหารค่ะ - เพื่อสุขอนามัยที่ดีของน้องแมว แนะนำให้วางชามอาหารแมวเอาไว้ในจุดที่ห่างจากโซนที่ใช้ขับถ่าย ไม่ว่าจะเป็นกระบะทรายแมวของเค้า หรือห้องน้ำของเราเองเองนะคะ จะได้ลดโอกาสที่เชื้อโรคใดๆ เข้าไปปะปนกับอาหารของน้องแมวจนอาจส่งผลต่อสุขภาพของเค้าได้นั่นเอง เครื่องให้อาหารแมวช่วยอะไรได้บ้าง? ยุคนี้คนรักแมวหลายคนก็อาจจะสนใจอุปกรณ์เลี้ยงแมวยุคใหม่ อย่างเครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติที่สามารถตั้งการจ่ายอาหารแมวลงในชามในปริมาณที่กำหนดได้เอง ซึ่งเหมาะสำหรับช่วงเวลาที่เจ้าของแมวไม่สะดวก หรือไม่อยู่บ้าน รวมถึงยังสามารถจำกัดปริมาณการกินอาหารของน้องแมวที่มีน้ำหนักเกินได้อีกด้วย หรือเพื่อนๆ อาจจะเลือกซื้อของเล่นแมวอย่างเขาวงกตหรือลูกบอลสำหรับให้อาหารแมว สำหรับให้เค้าวิ่งไล่เพื่อให้อาหารออกมา ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องควบคุมปริมาณอาหารแล้ว ยังกระตุ้นให้เค้าเกิดความสนุกสนาน ได้ออกกำลังกาย และร่าเริงได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ แล้วควรจะให้อาหารน้องแมวมากแค่ไหนดีนะ?
การให้อาหารและโภชนาการ
ไขทุกประเด็นกับปัญหาแมวกินน้ำน้อย
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ไขทุกประเด็นกับปัญหาแมวกินน้ำน้อย หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่ค่อยเห็นแมวกินน้ำเลย หรือบางทีกินแต่ก็น้อยมาก แบบนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือเปล่า จริงๆ แล้วแมวควรกินน้ำเท่าไหร่กันแน่ เพื่อแก้ข้อสงสัยนี้เราจะมาไขปริศนากันว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้แมวไม่กินน้ำและกินน้ำน้อย รวมไปถึงวิธีแก้ไขเบื้องต้นง่ายๆ กัน 1. แมวเป็นสัตว์ที่กินน้ำน้อยโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เชื่อกันว่าบรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นในดินแดนแห้งแล้งแถบทะเลทราย จึงทำให้แมวกินน้ำน้อยเพราะถูกจำกัดโดยสิ่งแวดล้อม แม้ว่าในปัจจุบันเวลาจะผ่านมานานแล้วแต่อุปนิสัยนี้ก็ยังคงติดตัวแมวมาอยู่ดี ทำให้แมวส่วนใหญ่ยังคงกินน้ำน้อยโดยอัตโนมัติ แต่อย่างไรก็ดีสัตวแพทย์ได้วิเคราะห์ออกมาแล้วว่าแมวควรได้รับน้ำประมาณ 44-66 มิลลิลิตร ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยถ้าแมวกินน้ำน้อยเกินไปจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไต โรคนิ่ว และโรคระบบทางเดินปัสสาวะได้
การให้อาหารและโภชนาการ
cats-snacks-and-treats
วิธีเลือกขนมสำหรับแมว
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ในฐานะคนรักแมว ไม่ว่าใครก็อยากให้แมวตัวเองได้กินขนมอร่อย ๆ หลังมื้อหลักกันทั้งนั้น การให้ของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ป้อนด้วยมือ สำหรับหลายคนถือเป็นวิธีการแสดงความรักต่อแมว เวลาที่แมวสนใจคุณแล้วมากินอาหารจากมือเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าของมีความสุข การให้ขนมสำหรับแมวควรให้แบบพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป บทความนี้อธิบายทั้งวิธีที่ควรให้ขนมแมว จำนวนครั้งต่อวัน และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ควรเลือกขนมสำหรับแมวแบบไหน? สำหรับการให้ขนมกับแมว คุณอาจจะอยากให้แมวได้ลองอาหารอร่อย ๆ ของมนุษย์บ้าง แต่อาหารของมนุษย์นั้นมีทั้งแคลอรี่และโซเดียมปริมาณสูง และยังขาดสารอาหารสำคัญที่แมวต้องการอีกด้วย นอกจากจะเสี่ยงต่อการให้อาหารเกินปริมาณแล้ว ยังอาจทำให้สารอาหารในร่างเสียสมดุล มีผู้ผลิตขนมแมวออกมาให้เลือกเป็นจำนวนมาก และยังออกแบบให้ช่วยดูแลทั้งระบบการย่อยอาหารและสุขภาพฟัน สามารถให้เป็นของว่างหรือรางวัลสำหรับแมวก็ได้ ควรให้ขนมสำหรับแมวมากแค่ไหนในหนึ่งวัน? ขนมแมวให้พลังงานสูง ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้แมวเป็นบางโอกาสเท่านั้น ดังนั้นทุกครั้งที่คุณให้ขนมกับแมว แมวก็จะกินมื้อหลักได้น้อยลงเนื่องจากปริมาณแคลอรี่เพิ่มเติมที่ได้จากขนม ควรจำกัดปริมาณขนมให้ไม่เกิน 10% ของปริมาณอาหารหลักต่อวัน เพื่อไม่ให้สารอาหารที่ควรได้รับต่อวันเสียสมดุล ผลิตภัณฑ์นมถือเป็นขนมสำหรับแมวหรือเปล่า?
การให้อาหารและโภชนาการ
feeding-your-indoor-cat
วิธีให้อาหารแมวที่เลี้ยงในบ้าน
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
แมวที่เลี้ยงในบ้านไม่มีโอกาสได้ออกกำลังกายเหมือนกับแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน ดังนั้นการรักษาสุขภาพและรูปร่างให้ดีอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องยาก แม้ว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะมีความสุขที่ได้อยู่ในบ้านสบาย ๆ แต่พื้นที่ที่จำกัดอาจทำให้แมวไม่มีโอกาสได้ยืดเส้นยืดสายมากเท่าที่ควร เมื่อขยับตัวน้อยลง ก็ทำให้มีปัญหาเรื่องการรักษารูปร่างให้สมส่วน และเสี่ยงมีปัญหาสุขภาพเช่นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานมากขึ้น การปรับกิจวัตรการให้อาหารและการสร้างกิจกรรมให้แมวที่เลี้ยงในบ้านได้ขยับร่างกายถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้แมวของคุณมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง ดังนั้น ลองปฏิบัติตามคำแนะนำของเราเพื่อให้แมวของคุณมีรูปร่างสมส่วน วิธีให้อาหารแมวเลี้ยงในบ้าน โดยธรรมชาติแมวเป็นสัตว์ที่ชอบกินจุบจิบตลอดทั้งวัน ดังนั้น จึงชอบเล็มกินอาหารเม็ดที่ทิ้งไว้ระหว่างวัน (อาหารเปียกจะเหม็นหืนหากทิ้งไว้นานเกินไป) ซึ่งทำให้เรามักลืมไปว่าแมวได้กินอะไรไปแล้วบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทิ้งอาหารไว้ให้กินตามอำเภอใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาหารมากเกินไป ควรตวงปริมาณอาหารแต่ละมื้อตามรายละเอียดที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์
การให้อาหารและโภชนาการ
what-do-cats-eat
แมวกินอะไรได้บ้าง
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
แมวจะค่อนข้างช่างเลือกเรื่องการกิน แมวบางตัวอาจจะชอบกินอาหารแทบทุกอย่าง ขณะที่บางตัวก็อาจเมินอาหารแทบทุกอย่างเช่นกัน บทความนี้รวบรวมเมนูอาหารที่แมวควรกินเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แมวบางตัวอาจช่างเลือกเรื่องกิน ชนิดที่พร้อมเมินใส่อาหารที่ไม่ถูกปาก ขณะที่แมวตัวอื่นอาจจะกินอาหารเดิม ๆ ได้ทุกวัน แมวแต่ละตัวมีความชอบที่ต่างกัน เจ้าของควรเรียนรู้เมนูอาหารที่แมวควรกินหรือควรหมั่นสังเกตว่าแมวชอบกินอาหารแบบไหน เพื่อจะได้เลือกอาหารที่แมวชอบและมีสารอาหารครบถ้วนเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
การให้อาหารและโภชนาการ
what-do-cats-drink
แมวกินน้ำอะไรได้บ้าง? ไขข้อสงสัย ห้ามให้แมวกินนมจริงหรือ
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
ผลิตภัณฑ์จากนมอาจไมใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแมว มาหาคำตอบกันว่าทำไมแมวไม่ควรกินนม แมวสามารถกินนมได้หรือไม่? ภาพของแมวเลียกินนมอย่างมีความสุขอาจเป็นภาพจำของใครหลายคน แต่คุณจะประหลาดใจ ถ้ารู้ว่าการที่แมวกินนมนั้นอาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้ แม้ว่าแมวจะติดใจในรสชาติของนมก็ตาม ตามหลักความเป็นจริงแล้ว แมวควรกินแค่น้ำเปล่า เพราะการกินน้ำเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ร่างกายนั้นเป็นเรื่องสำคัญต่อแมวมาก ๆ โดยเฉพาะถ้าแมวมีปัญหาสุขภาพอย่างโรคไต แม้ว่าแมวบางตัวอาจไม่ชอบกินน้ำเปล่า แต่ก็มีเทคนิคเพื่อช่วยให้แมวกินน้ำมากขึ้น อ่านเทคนิคดังกล่าวต่อได้เลย แมวกินนมได้หรือไม่? แมวส่วนใหญ่ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ การดื่มหรือกินผลิตภัณฑ์จากนมวัวก่อให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียนได้ แต่ในท้องตลาดก็มีขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมซึ่งออกแบบมาให้แมวเช่นกัน โดยมีปริมาณแลคโตสน้อยแต่ก็ควรให้กินแค่พอเหมาะ ลูกแมวจะกินนมแม่ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังคลอด หรืออาจจะกินนมที่ออกแบบมาสำหรับลูกแมวก็ได้ หากจำเป็นต้องให้ แต่ลูกแมวส่วนใหญ่จะหย่านมเมื่ออายุได้ราว ๆ 8 - 9 สัปดาห์ ในกระเพาะของลูกแมวจะมีเอนไซม์ที่ย่อยแลคโตสจากนมแม่ได้ แต่แมวโตจะไม่มีเอนไซม์ดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้อีก และหากกินนมไป แลคโตสในนมก็อาจทำให้คลื่นไส้ได้ เพราะเมื่อย่อยไม่ได้ แลคโตสก็จะเริ่มเสีย แล้วทำไมแมวถึงชอบกินนม? แมวชอบรสชาติของนมเพราะมีปริมาณไขมันสูง ถึงแม้การกินนมจะทำให้แมวคลื่นไส้ แต่แมวก็ยังคงเลือกที่จะกินอยู่ดี หากแมวได้กินอาหารคุณภาพดี มีสารอาหารครบถ้วน ได้สัดส่วน ก็ไม่จำเป็นต้องรับไขมันจากนมเพิ่มอีก ต่อให้แมวจะหลงไหลในรสชาติแค่ไหนก็ตาม หากแมวของคุณกินนมไป คอยสังเกตอาการว่าอาเจียนหรือท้องเสียหรือไม่ หรืออาจจะติดต่อสัตวแพทย์ก็ได้ถ้ารู้สึกกังวล
การให้อาหารและโภชนาการ
ดูทั้งหมด
การดูแลแมวสูงอายุ
ดูทั้งหมด
เลี้ยงแมวอย่างไรให้อายุยืน
ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
เลี้ยงแมวอย่างไรให้อายุยืน รู้หรือไม่ว่าหากเราดูแลแมวของเราให้มีสุขภาพที่ดี น้องแมวก็มีโอกาสที่จะเป็นแมวอายุยืนถึง 20 ปีได้เลย หัวใจสำคัญในการเลี้ยงแมวให้มีอายุยืนยาวก็ไม่ต้องใช้เคล็ดลับอะไรให้วุ่นวาย เพียงแต่หมั่นดูแลเอาใจใส่ในการดูแลสุขภาพ อาหารการกินของน้องแมว และพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจเช็คสุขภาพตามที่คุณหมอนัดหมายอย่างต่อเนื่องเท่านั้นเอง แต่เล่าแค่นี้อาจจะยังไม่จุใจ มาติดตามอ่านแล้วไปดูแลแมวให้เป็นแมวอายุยืนไปพร้อมๆ กันด้วยเคล็ด(ไม่)ลับในการเลี้ยงแมวนี้กันดีกว่า 1. เลือกอาหารการกิน กุญแจสำคัญสำหรับการมีสุขภาพดีของน้องแมวนั้นก็ไม่ต่างจากคน การเลือกอาหารที่มีคุณภาพดีมีสารอาหารครบถ้วนล้วนส่งผลต่อสุขภาพของน้องแมวแสนรักของเราทั้งสิ้น ดังนั้นการเลือกอาหารให้น้องแมวจึงเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำให้เลือกอาหารแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม ที่ได้รับการคิดค้นสูตรอาหารจากทีมสัตวแพทย์ และนักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญ คัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพสูง อย่าง Purina ONE ที่นอกจากจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความอร่อยถูกปาก และอัดแน่นด้วยสารอาหารจำเป็นครบถ้วนสำหรับน้องแมวแล้ว ยังช่วยดูแลแมวให้มีสุขภาพที่ดี ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และมีอายุยืนยาวได้อีกด้วย 2. ดูแลรูปร่าง เลี้ยงแมวทั้งที ก็ต้องหมั่นดูแลน้องแมวให้ไม่อ้วนจนเกินไป โดยสังเกตได้จากรูปร่างที่สมส่วน ไม่มีพุงห้อยย้อย และไม่อ้วนจนจนมองไม่เห็นสันหลัง น้ำหนักมาตรฐานในน้องแมวจะอยู่ที่ 4.5 กิโลกรัม แต่ในแมวไทยอาจจะบอบบางกว่า น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัม ส่วนน้องแมวสายพันธุ์ใหญ่อย่างเมนคูณน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 11 กิโลกรัม การดูแลรูปร่างไม่ให้อ้วนก็เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดโรคต่างๆ ที่มากับความอ้วน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหากระดูกและข้อ โรคหัวใจ และโรคทางระบบอื่นๆ ซึ่งวิธีการดูแลน้องแมวให้มีรูปร่างที่สมส่วนก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ให้น้องแมวได้ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 10-15 นาที วันละ 1-2 ครั้ง และให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ ตามที่ฉลากอาหารข้างถุงระบุเอาไว้ เท่านี้รูปร่างที่ดีเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว 3. ทำหมัน การทำหมันทำให้แมวอายุยืนยาวขึ้นกว่าน้องแมวที่ไม่ได้ทำหมันถึง 2 เท่า เพราะการทำหมันจะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว และการออกเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อโรคติดต่ออันตรายที่มาจากการต่อสู้กัน ที่มักจะพบได้มากในน้องแมวที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านที่ยังไม่ได้รับการทำหมันเพื่อแย่งอาณาเขต หรือแย่งน้องแมวตัวเมียนั่นเอง โดยอายุเฉลี่ยของน้องแมวปกติจะอยู่ที่ 14-16 ปี แต่การทำหมันจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรคต่างๆ ที่กล่าวมา และทำให้น้องแมวอายุยืนยาวได้อีกหลายปีเลยทีเดียว ถ้าใครมีลูกแมวอายุราว 4-6 เดือน ก็อย่าลืมพาน้องแมวไปปรึกษาคุณหมอ และตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำหมันได้เลย 4. ทำวัคซีน การทำวัคซีนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับร่างกายของน้องแมวจากโรคติดเชื้อร้ายแรงต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดต่อที่อาจเป็นอันตรายต่อคนอย่างโรคพิษสุนัขบ้า การทำวัคซีนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องทำ และต้องไปรับการทำวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นประจำทุกปีตามที่สัตวแพทย์นัดหมาย หรือดูจากตารางนี้ได้เลย อายุโปรแกรมสุขภาพ8-9 สัปดาห์วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ เข็มที่ 110-12 สัปดาห์• วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ เข็มที่ 2• วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเข็มที่ 112 สัปดาห์• วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เข็มที่ 112-16 สัปดาห์• วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ เข็มที่ 3• วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเข็มที่ 2ทุกปี• วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ• วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย• วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงตามดุลยพินิจของสัตวแพทย์ 5. ป้องกันปรสิต เรื่องเล็กๆ ที่เจ้าของแมวทุกคนต้องใส่ใจ คือการป้องกันปรสิตตัวร้าย ไม่ว่าจะเป็นหมัด พยาธิภายในทางเดินอาหาร และพยาธิหนอนหัวใจ ปัญหาเหล่านี้เป็นภัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้เจ้าของแมวมักละเลยที่จะป้องกัน และก่อโรคอันตรายมากมายในน้องแมว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแพ้น้ำลายหมัด ขาดสารอาหารจากการมีพยาธิ เกิดโรคพยาธิหนอนหัวใจซึ่งการมีพยาธิหนอนหัวใจในน้องแมวแค่ตัวเดียว ก็อาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้น้องแมวเสียชีวิตได้ โดยเจ้าของน้องแมวสามารถพาน้องแมวไปรับการป้องกันพยาธิภายนอก ภายใน และพยาธิหนอนหัวใจได้ตั้งแต่น้องแมวอายุ 6-8 สัปดาห์ และควรทำการป้องกันเป็นประจำอย่างต่อเนื่องตามที่คุณหมอแนะนำ โดยกินยาถ่ายพยาธิภายในทุกๆ 3 เดือน และป้องกันพยาธิภายนอก เช่น หมัดแมว และป้องกันพยาธิหนอนหัวใจโดยใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดหยดหลังเป็นประจำทุกเดือน
ดูแลแมวสูงวัย
ดูทั้งหมด

Footer

  • แมว
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • สุนัข
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • เกี่ยวกับเรา
    • พันธกิจของเรา
    • เรื่องราวของเรา
    • คำมั่นสัญญาของเพียวริน่า
    • เพียวริน่าในชุมชน
  • อื่นๆ
    • เลือกสายพันธุ์
    • ติดต่อเรา

Footer

  • แมว
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • สุนัข
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • เกี่ยวกับเรา
    • พันธกิจของเรา
    • เรื่องราวของเรา
    • คำมั่นสัญญาของเพียวริน่า
    • เพียวริน่าในชุมชน
  • อื่นๆ
    • เลือกสายพันธุ์
    • ติดต่อเรา

Footer

  • แมว
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • สุนัข
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • เกี่ยวกับเรา
    • พันธกิจของเรา
    • เรื่องราวของเรา
    • คำมั่นสัญญาของเพียวริน่า
    • เพียวริน่าในชุมชน
  • อื่นๆ
    • เลือกสายพันธุ์
    • ติดต่อเรา

Footer

  • แมว
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • สุนัข
    • ดูแลสัตว์เลี้ยง
    • ค้นหาสัตว์เลี้ยง
    • ผลิตภัณฑ์
    • แบรนด์ของเรา
  • เกี่ยวกับเรา
    • พันธกิจของเรา
    • เรื่องราวของเรา
    • คำมั่นสัญญาของเพียวริน่า
    • เพียวริน่าในชุมชน
  • อื่นๆ
    • เลือกสายพันธุ์
    • ติดต่อเรา

©Reg. Trademark of Nestlé S.A.

ข้อตกลงและเงื่อนไขสำหรับเว็บไซต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบาย Cookies
© 2025 Purina. All Rights Reserved.

©Reg. Trademark of Nestlé S.A.

ข้อตกลงและเงื่อนไขสำหรับเว็บไซต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบาย Cookies
© 2025 Purina. All Rights Reserved.
© 2025 Purina. All Rights Reserved.