ทำอย่างไรให้สุนัขมีสุขภาพดีอยู่เสมอ
ลักษณะของสุนัขที่มีสุขภาพดี การที่จะทำให้สุนัขของคุณมีสุขภาพดีได้นั้น คุณจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าลักษณะอย่างใดที่ถือว่าสุนัขมีสุขภาพและพฤติกรรมที่ปกติดี เมื่อเข้าใจแล้ว คุณจะสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่อาจบอกได้ว่าสุนัขป่วยหรือได้รับบาดเจ็บถึงขั้นที่อาจจะต้องถึงมือสัตวแพทย์
ตา
ตาจะต้องใสและสว่าง ไม่มีสีแดงหรือสีเหลือง หากมีสีผิดปกติขุ่นมัว มีน้ำตา มีขี้ตามากหรือผิดปกติลักษณะอื่น ๆ ให้รีบพาสุนัขไปหาสัตวแพทย์ทันที
หู
หูจะต้องสะอาด ปราศจากขี้หูและกลิ่น เปิดหูสุนัขขึ้นมาดูสัปดาห์ละครั้งหรือบ่อยกว่านั้น ถ้าสุนัขของคุณเป็นพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อโรคในหูสูง (เช่น สุนัขพันธุ์ขนยาวหรือพันธุ์ที่มีหูยาวแกว่งไปมาอย่างเช่น ค็อกเกอร์สแปเนียลล์) ถ้ารูหูแดง อักเสบ ร้อน มีกลิ่น หรือไวต่อการสัมผัสให้ปรึกษาสัตวแพทย์
ช่องปาก
เหงือกจะต้องดูเป็นสีชมพู ไม่แดงหรืออาการบวมตรงบริเวณโคนฟัน ฟันจะต้องไม่มีหินปูนสะสม และไม่ควรมีกลิ่นปาก
ผิวหนังและขน
ต้องไม่มีเนื้องอก ก้อนเนื้อ เห็บและหมัด คุณสามารถตรวจสอบได้โดยการใช้มือแหวกไปตาขนสุนัข ขนสุนัขปกติต้องหนาและเงางาม ไม่มีส่วนที่เป็นมัน รังแคหรือร่วงเป็นจ้ำ
ขา
คุณควรตรวจสอบขาสุนัขดูว่ามีการบวมที่ข้อหรือไม่ ตรวจดูที่อุ้งเท้าระหว่างนิ้วว่ามีขนขึ้นมากเกินไปหรือมีเศษวัสดุอะไรไปตำอยู่หรือไม่ รวมทั้งดูสภาพของเล็บด้วย
ทวารหนัก
ต้องไม่บวมและไม่มีปรสิตในลำไส้ การที่สุนัขเอาก้นไถพื้นนั้นอาจเป็นการพยายามบรรเทาอาการต่อมก้นบวม ให้พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ ควรให้สุนัขทำความคุ้นเคยกับสัตวแพทย์ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกไว้ใจและเชื่อใจในสัตวแพทย์
การตรวจสุขภาพตามปกติของสุนัข
สำหรับการพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์เป็นครั้งแรกนั้น ให้เตรียมข้อมูลไปให้มากที่สุดเท่าที่มี รวมทั้งวันเกิดของสุนัขหรือประวัติการฉีดวัคซีนเพื่อแจ้งให้สัตวแพทย์ทราบ
การฉีดวัคซีนให้สุนัข
ลูกสุนัขเกิดใหม่จะได้รับภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านเชื้อโรคในนมแม่แรกคลอด แต่ภูมิคุ้มกันจากแม่ที่ว่านี้ โดยปกติแล้วจะอยู่ได้เพียง 6 – 16 สัปดาห์เท่านั้น หลังจากนั้นสุนัขต้องได้รับการปกป้องด้วยวัคซีน ซึ่งหมายถึง การฉีดเชื้อโรคที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงแล้วเข้าไปในร่างกายของสุนัขเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสุนัขเกิดการสร้างแอนตี้บอดี้ขึ้นเอง โดยสัตวแพทย์จะช่วยแนะนำคุณได้ว่าสุนัขต้องฉีดวัคซีนอะไร และเมื่อใดบ้าง เพื่อเป็นการป้องกันโรค
การทำหมันให้สุนัข
เพราะการทำหมันเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดจำนวนสัตว์เลี้ยงซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งเต้านมได้ในสุนัขเพศเมีย แนะนำให้พาไปพบสัตว์แพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
อาการป่วยอื่น ๆ ของสุนัข
แม้สุนัขจะได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดีก็ตาม แต่สุนัขก็ยังมีอาการป่วยหรือบาดเจ็บได้ อาทิอาการท้องอืด ถ่ายเหลว และอาการกินยากเป็นต้น ดังนั้นคุณควรหมั่นสังเกตอาการและสุขภาพของสุนัข หากสุนัขของคุณแสดงอาการหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติ ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์
พยาธิในร่างกาย
พยาธิภายในร่างกายมักจะอาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของสุนัขและจะสามารถตรวจพบได้จากอุจจาระของสุนัข
พยาธิหัวใจ
ติดต่อผ่านทางยุง พยาธิที่มีอันตรายชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในหัวใจของสุนัขใกล้ ๆ กับหลอดเลือดใหญ่และอาจทำให้ถึงตายได้ การรักษาพยาธิหัวใจทำได้ยาก แต่การป้องกันทำได้ง่ายโดยพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับยา การให้ยามักจะให้กินติดต่อกันเป็นเดือนในฤดูที่มียุงชุกชุม หรือในบางแห่งต้องให้ตลอดทั้งปี ควรตรวจเลือดทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีพยาธิหัวใจก่อนจะให้ยาป้องกัน ห้ามให้ยารักษาพยาธิหัวใจด้วยตนเองโดยไม่พาไปพบสัตวแพทย์
พยาธิปากขอ
เป็นพยาธิที่อันตรายที่สุดชนิดหนึ่ง พยาธิปากขออาจทำให้เกิดอาการเซื่องซึม โลหิตจาง เบื่ออาหาร หรืออุจจาระเป็นสีดำและมีเลือดปน
พยาธิตัวกลม
เป็นพยาธิที่มีลำตัวกลมคล้ายเส้นสปาเก็ตตี้และก่อให้เกิดอาการท้องป่อง พยาธิชนิดนี้มักจะพบเห็นได้ในอุจจาระหรืออาเจียนของสุนัข โดยจะมีอาการที่แตกต่างกันไปตั้งแต่น้ำหนักลด อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องร่วง หรือถ่ายเป็นมูก ขาดน้ำ ท้องป่อง และอาจจะมีอาการปอดบวม
พยาธิแส้ม้า
พยาธิชนิดนี้ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ ถ่ายเป็นมูก น้ำหนักลด และท้องร่วง
พยาธิตัวตืด
สาเหตุอาจเกิดจากการกินตัวอ่อนพยาธิที่อยู่ในตัวหมัดหรือไข่ที่มีพยาธิเข้าไป โดยจะไม่แสดงอาการที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน แต่อาจจะพบตัวพยาธินี้บริเวณทวารหนักหรืออุจจาระของสุนัข จะสังเกตได้ว่าลำตัวของพยาธิตัวตืดจะมีลักษณะยาวต่อกันเป็นปล้อง ๆ แต่ละปล้องมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสารขนาดเล็ก พยาธิตัวตืดที่โตเต็มที่แล้วจะกินอาหารจากลำไส้ ทำให้สุนัขกินอาหารมากขึ้นแต่น้ำหนักไม่ขึ้น เชื้อบิด ทำให้สุนัขท้องเสีย มีไข้ น้ำหนักลด และสุนัขมีอาการเบื่ออาหาร หรืออาจไม่แสดงอาการเลย
พยาธิภายนอกร่างกาย
พยาธิภายนอกร่างกายจะอาศัยอยู่บนร่างกายสุนัข สามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจร่างกายและการทดสอบผิวหนัง หมัด สุนัขที่ติดหมัดมักจะเกาและกัดตัวเองเป็นประจำ อาจจะมีจุดแดงเล็ก ๆ บนผิวหนังสุนัข หรืออาจมีจุดสีดำ(ขี้หมัด) ติดแน่นกับขนบริเวณคอหรือก้น หมัดอาจจะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง ซึ่งจะปรากฏสะเก็ดแผลบนผิวหนังของสุนัข ให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งวิธีการป้องกันที่ดี
เห็บ
หากพบเห็นบนตัวสุนัข ให้สวมถุงมือและใช้แหนบคีบเห็บออกไป โดยคีบเห็บบริเวณหัวและค่อย ๆ ดึงออกมาเด็ดหัวของเห็บทิ้ง และเช็ดบริเวณนั้นด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาล้างแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือผิวหนังอักเสบ โทรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาต่อไป
ไร
ไรที่พบได้บ่อยคือ “ไรขี้เรื้อน” ตัวไรจะอาศัยอยู่ตามผิวหนังหรือในรูขุมขนและไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ไรขี้เรื้อนเป็นไรที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าเล็นไร แต่ไรทั้งสองประเภทสามารถแพร่กระจายได้เร็วและยากแก่การรักษา ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษา
ไรในหู
ไรในหูอาจจะทำให้สุนัขเกาหรือตะกุยหูและสั่นหัว จนทำให้เส้นเลือดฝอยที่ใบหูแตกและเกิดอาการบวมได้ ให้คุณหมั่นตรวจหูสุนัขว่ามีขี้หูสีคล้ำหรือมีสะเก็ดเลือดแห้งกรังหรือไม่ และควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาการรักษาที่เหมาะสม
เชื้อรา Ringworm
เชื้อราชนิดนี้แพร่กระจายได้เร็วมากและสามารถติดต่อไปถึงคนได้ด้วย โดยจะปรากฏเชื้อราเป็นวงกลมโดยรอบผิวหนังของสุนัข สัตวแพทย์สามารถให้ยาที่สามารถรักษา Ringworm ให้แก่สุนัขของคุณได้