Sorry, you need to enable JavaScript to visit this website.
เมื่อใดที่ควรเปลี่ยนอาหารมาเป็นสูตรสำหรับสุนัขโต

เมื่อใดที่ควรเปลี่ยนอาหารมาเป็นสูตรสำหรับสุนัขโต

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที
|
28 May 2025

ฟังบทความนี้

สรุปด้วย AI

แชร์

ทำไมสุนัขพันธุ์เล็กถึงมีปัญหาระบบย่อยอาหาร

 

ในสุนัขพันธุ์เล็ก สัตวแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้เปลี่ยนเป็นอาหารสำหรับสุนัขโตเมื่อลูกสุนัขมีอายุได้ประมาณ 1 ปี ส่วนสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่สามารถเปลี่ยนสูตรได้เมื่อลูกสุนัขมีอายุประมาณ 2 ปี

 

อาหารสำหรับลูกสุนัขจากซุปเปอร์โค้ท สูตรลูกสุนัขได้ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันสำหรับลูกสุนัข และยังต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนตามความต้องการในการเจริญเติบโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเริ่มต้นซึ่งเป็นวัยที่สำคัญที่สุดของชีวิต แต่เมื่อลูกสุนัขของคุณโตเต็มวัยแล้วก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนไปให้อาหารสำหรับสุนัขโต สูตรสุนัขโต รสไก่และรสเนื้อ ซึ่งเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยให้สุนัขมีสุขภาพดี มีอายุยืนนาน

 

ความแตกต่างระหว่างอาหารลูกสุนัขและอาหารสำหรับสุนัขโตคืออะไร

 

อาหารสำหรับลูกสุนัขจะมีสารอาหารจำเป็นบางอย่างที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก อวัยวะ กล้ามเนื้อ และการทำงานของข้อต่อต่างๆ ที่มากกว่า

 

ทำไมการปรับเปลี่ยนอาหารจากอาหารลูกสุนัขไปเป็นอาหารสำหรับสุนัขโตจึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

เมื่อลูกสุนัขเริ่มเข้าสู่ภาวะโตเต็มวัยแล้ว พวกเขาจะไม่ต้องการสารอาหารพิเศษในการเติบโตเช่นเดียวกับตอนเป็นลูกสุนัขอีกต่อไป สุนัขโตเต็มวัยจะต้องการสารอาหารกลุ่มใหม่เพื่อที่จะเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

เราควรเปลี่ยนสูตรอาหารอย่างไร

 

เมื่อคุณต้องการเปลี่ยนสูตรอาหารไปเป็นอาหารสำหรับสุนัขโต คุณควรใช้ระยะเวลา 7-10 วันในการปรับเปลี่ยนอาหารให้สุนัขจากอาหารเดิม โดยการค่อยๆ เติมอาหารสูตรสุนัขโตลงไปพร้อมๆ กับการลดปริมาณอาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขลงจนกระทั่งสามารถเปลี่ยนเป็นอาหารใหม่ได้ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการกินอาหารใหม่

 

ความถี่ของมื้ออาหารที่เราควรให้ลูกสุนัขเมื่อพวกเขากลายเป็นสุนัขโตเต็มวัย

 

โดยปกติแล้วเราควรให้อาหารสุนัขโตเต็มวัย 2 มื้อต่อวัน แต่สุนัขแต่ละตัวก็มีความต้องการที่ต่างกันออกไป ดังนั้นคุณจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาตารางอาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขของคุณ

 

การให้ปริมาณอาหารเท่าใดจึงจะเหมาะสมที่สุด

 

คุณควรใช้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณในการให้อาหารตามที่ปรากฏอยู่บนบรรจุภัณฑ์ ปริมาณอาหารที่สุนัขต้องการนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณกิจกรรมการออกกำลัง อายุ และน้ำหนักของสุนัขด้วย คุณควรต้องใส่ใจเรื่องสรีระ เงื่อนไขทางสุขภาพอื่นๆ ของสุนัขเพื่อให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม