
บูลด็อก (Bulldog – English Bulldog, British Bulldog) คงยากที่จะเชื่อว่าสุนัขที่มีหน้าตาดูเศร้าและง่วงอยู่ตลอดเวลาอย่างสุนัขบูลด็อกนี้ ในอดีตจะถูกใช้ในการต่อสู้กับวัวกระทิงมาก่อน แต่ด้วยรูปร่างที่ล่ำสัน นิสัยร่าเริง และโครงสร้างใบหน้าแบบสุนัขพันธุ์หน้าสั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่สุนัขพันธุ์นี้ จะมีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจที่มักเกิดในกลุ่มสุนัขที่มีโครงหน้าสั้น (Brachycephalic breed) โรคผิวหนัง หรือแม้แต่โรคทางกระดูกและข้อ บทความนี้จึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสุนัขบูลด็อกในทุกแง่มุม ทั้งภาพรวมของสายพันธุ์ ปัญหาและเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพ และกิจกรรมที่เหมาะสม
The need-to-know
- สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่มีประสบการณ์เลี้ยงสุนัข
- ต้องฝึก
- ชอบเดินเบา ๆ
- ชอบเดินวันละครึ่งชั่วโมง
- สุนัขขนาดกลาง
- น้ำลายไหลให้น้อยที่สุด
- ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขวันเว้นวัน
- สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- สุนัขเงียบ
- สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่า เตือน และปกป้องเจ้าของได้
- อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
- อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับเด็ก
Personality
สุนัขบูลด็อก ถือเป็นอีกหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว และผู้คนอื่น ๆ เพราะบูลด็อกเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเป็นมิตร รักสงบจนถึงขั้นเฉื่อยชา สุนัขบูลด็อกชอบที่จะนอนหลับบนโซฟาหรือบริเวณที่อากาศเย็นร่วมกับเจ้าของมากกว่าการออกไปผจญภัยในที่ร้อนและเหนื่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้แปลว่าบูลด็อกจะไม่เล่นกับเจ้าของเลย เพราะบูลด็อกยังคงชอบที่จะเล่นกับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีอาหารแสนอร่อยเตรียมให้ สุนัขบูลด็อกเป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่าส่งเสียง คุณจึงสบายใจได้เรื่องการรบกวนเพื่อนบ้าน แต่เนื่องจากสุนัขบูลด็อกมีโครงสร้างใบหน้าที่สั้น จึงทำให้เกิดปัญหาหายใจเสียงดังและนอนกรน
ความดื้อเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนเลี้ยงสุนัขบูลด็อกส่วนใหญ่ต้องเผชิญ ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจ สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ยอมปฏิบัติตามเลย อย่างไรก็ตามเราสามารถรับมือกับความดื้อของสุนัขพันธุ์นี้ได้ โดยการฝึกสุนัขอย่างเหมาะสม เช่น การให้รางวัลหลังจากที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่ง การไม่ลงโทษสุนัขอย่างไร้เหตุผล เป็นต้น
History and Origins
ประเทศต้นกำเนิด: สหรัฐอเมริกา
หากคุณเห็นภาพวาดของสุนัขบูลด็อกในช่วงยุควิคตอเรียของประเทศอังกฤษ คุณอาจไม่เชื่อว่านี่คือบรรพบุรุษของสุนัขบูลด็อกที่คุณรู้จัก เนื่องจากในอดีตสุนัขบูลด็อกเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้ในเกมกีฬาที่เรียกว่า บูลเบทติ้ง (Bull Baiting) แต่ด้วยความโหดร้ายของกีฬาดังกล่าว สุนัขบูลด็อกจึงถูกปรับปรุงพันธุ์ให้กลายมาเป็นเพื่อนของมนุษย์ในที่สุด
สุนัขบูลด็อก (เวอร์ชั่นใหม่) ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงสุนัขประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1860 ต่อมาสุนัขบูลด็อกก็ค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น จนในปี ค.ศ.1864 ได้มีการตั้งสมาคมสุนัขบูลด็อกแห่งแรกขึ้นในประเทศอังกฤษ และมีการกำหนดมาตรฐานสายพันธุ์ของสุนัขบูลด็อก จากนั้นสุนัขบูลด็อกได้ถูกขึ้นทะเบียนโดย American Kennel Club (AKC) ในปี ค.ศ.1890 นอกจากนี้สุนัขบูลด็อกยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศ ส่วนทางฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกาสุนัขบูลด็อกยังถูกใช้เป็นมาสคอตของทีมกีฬาหลายทีม เช่น ทีมกีฬาของ Yale University และ University of Georgia
มาตรฐานสายพันธุ์บูลด็อก
สุนัขบูลด็อกถูกจัดเป็นสุนัขขนาดกลางที่มีรูปร่างล่ำสัน แต่ไม่ใช่สุนัขที่ใช้เพื่อการกีฬา (Non-sporting dog) โดยความสูงอยู่ที่ประมาณ 12 - 15 นิ้ว น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 18 – 25 กิโลกรัม และอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 8 – 12 ปี สุนัขบูลด็อกจะมีพื้นขนสีขาวและมาร์คกิ้งเฉดสีต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นสีน้ำตาล หรือบางสีที่หายาก เช่น เทาเข้ม บลู หรือแม้กระทั่งลายมาร์เบิ้ล
Nutrition and Feeding
สุนัขบูลด็อกเป็นสุนัขขนาดกลาง ที่สามารถเกิดภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนได้ง่ายมาก ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อตามมา จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอาหารและควรเลือกให้อาหารที่มีโภชนาการที่ครบถ้วน ดังต่อไปนี้
• พลังงาน เช่น ควรเลือกอาหารที่มีปริมาณพลังงานสอดคล้องกับความต้องการของสุนัขในแต่ละช่วงวัย นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเลือกวัตถุดิบที่มาจากแหล่งโปรตีนคุณภาพดีเพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ และควรลดการให้อาหารที่มีไขมันสูงมาก เพื่อลดการสะสมของไขมันในร่างกาย ที่อาจเป็นสาเหตุให้สุนัขน้ำหนัก เกินเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื่องกระดูกและข้อต่อ
• วิตามิน แร่ธาตุ และสารเสริมอื่น ๆ ถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการช่วยเสริมสร้างให้สุนัขมีโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง และช่วยลดการอักเสบบริเวณข้อต่อ และสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย
• กรดไขมัน เช่น โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ เช่น การอักเสบของข้อ ทั้งยังสำคัญต่อบำรุงขนและผิวหนังอีกด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกอาหารที่ประกอบด้วยกรดไขมันเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอต่อสุนัขในแต่ละช่วงวัย
ดังนั้นผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการที่ครบถ้วน เช่น PRO PLAN® MEDIUM ADULT PUPPY ที่เสริมภูมิคุ้นกันของลูกสุนัขด้วยคุณค่าจากโคลอสตรัม และ DHA ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของระบบประสาทและการมองเห็น หรือ PRO PLAN® MEDIUM ADULT ที่มีสารอาหารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีพรีไบโอติก (Prebiotic) ที่ช่วยให้ย่อยง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมไปใช้ของร่างกาย นอกจากนี้สุนัขบูลด็อกยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่าย อาหารสุนัข PRO PLAN® ALL SIZE Adult Sensitive Skin & Stomach ที่ผลิตมาจากโปรตีนคุณภาพสูงอย่างเนื้อปลาแซลมอน และทูน่า ซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และทำงานร่วมกับโอเมก้า 6 ช่วยบำรุงผิวหนังให้แข็งแรงและขนสวยเงางาม นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจาการแพ้โปรตีนจากไก่ได้อีกด้วย
Other Information
สุขภาพและปัญหาที่มักพบ
โครงหน้าสั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของบูลด็อกนั้นส่งผลให้สุนัขพันธุ์นี้อาจมีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคผิวหนัง โรคทางกระดูกและข้อ โดยเฉพาะโรคทางระบบเดินหายใจที่มักเกิดในกลุ่มสุนัขที่มีโครงหน้าสั้น (Brachycephalic breed) ดังนั้นผู้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัขบูลด็อกต้องรับรู้ว่าคุณจะต้องรับมือกับโรคเหล่านี้ • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia) โรคข้อสะโพกเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้มากในสุนัขพันธุ์กลางถึงใหญ่ โดยเฉพาะสุนัขที่มีน้ำหนักตัวมาก อาการที่สังเกตเห็นได้คือสุนัขจะเดินขากะเผลกและแสดงอาการเจ็บที่ขาหลังขณะเดินหรือขณะลุกยืน ปัญหานี้สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและควบคุมอาหาร โดยให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล เช่น PRO PLAN® MEDIUM ADULT ที่มีสารอาหารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีพรีไบโอติก (Prebiotic) ที่ช่วยให้ย่อยง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมไปใช้ของร่างกาย • โรคลูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation) หรือบางครั้งเรียกว่าโรคข้อเข่าเคลื่อน โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักเกิดในสุนัขพันธุ์เล็ก การที่ลูกสะบ้าเคลื่อนหรือหลุดออกจากเบ้า ทำให้สุนัขมีอาการเจ็บที่ขาหลัง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ข้อเข่าเกิดการอักเสบตามมาได้ เช่นเดียวกับโรคข้อสะโพกเสื่อม นั่นคือโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และควบคุมอาหารเพื่อลดการสะสมของไขมันในร่างกาย ในขณะเดียวกันสุนัขก็ยังจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ดังนั้น PRO PLAN® MEDIUM ADULT จึงเป็นทางเลือกที่ดี ชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีพรีไบโอติก (Prebiotic) ที่ช่วยให้ย่อยง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมไปใช้ของร่างกาย • โรคขี้เรื้อนชนิดเปียก (Demodicosis) โรคขี้เรื้อนชนิดเปียกเกิดจากไรขี้เรื้อน (Demodex) ซึ่งอาศัยอยู่ในรูขุมขนของสุนัข อาการส่วนใหญ่จะพบว่าสุนัขมีรูขุมขนอักเสบและคันมาก รวมถึงอาการผื่นแดงอักเสบ โรคขี้เรื้อนชนิดเปียกอาจเกิดเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณหัว หน้า และเท้า หรือเกิดการอักเสบทั่วทั้งตัวได้ ปัญหานี้สามารถป้องกันได้โดยการให้ยาป้องกันปรสิตภายนอก ร่วมกับการให้อาหารที่เหมาะสม เช่น PRO PLAN® ALL SIZE Adult Sensitive Skin &; Stomach ที่ทำมาจากโปรตีนคุณภาพสูงอย่างเนื้อปลาแซลมอน และทูน่า ซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และทำงานร่วมกับโอมก้า 6 ช่วยบำรุงผิวหนังให้แข็งแรงและขนสวยเงางาม นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจาการแพ้โปรตีนจากไก่ได้อีกด้วย • กลุ่มอาการเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic syndrome) กลุ่มอาการนี้เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจและพบได้บ่อยในกลุ่มสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เนื่องจากสุนัขเหล่านี้มีโครงหน้ากว้างและจมูกสั้น จึงทำให้ทางเดินหายใจแคบ รวมถึงเพดานอ่อนยาวจนไปปิดทางเดินหายใจ จึงเป็นสาเหตุให้สุนัขกลุ่มนี้หายใจเสียงดังและนอนกรน และเมื่อมีการออกกำลังกายหนัก ๆ อาจทำให้หายใจไม่ทัน เนื่องจากอากาศถ่ายเทไปยังปอดไม่สะดวก ซึ่งการเลือกอาหารที่เหมาะสม เช่น PRO PLAN® MEDIUM ADULT ผลิตจากโปรตีนที่มีคุณภาพสูง มีระดับสารอาหารที่เหมาะสมต่อความต้องการของสุนัข ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ร่วมกับการออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสมจะช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย ซึ่งส่งผลช่วยลดความรุนแรงของกลุ่มอาการเหล่านี้ได้
สุนัขพันธุ์นี้กับเด็ก
สุนัขบูลด็อกส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องการอยู่ร่วมกัน พวกเขาสามารถปรับตัวเป็นเพื่อนของทุกคนได้อย่างดี ทั้งคนในครอบครัวรวมถึงกับคนแปลกหน้า และยังรวมถึงระหว่างสุนัขและสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นอีกด้วย แต่ข้อควรระวังคือบางครั้งสุนัขบูลด็อกอาจแสดงอาการก้าวร้าวได้ เนื่องจากอาการหวงของ แต่ปัญหานี้ป้องกันได้ไม่ยากด้วยการฝึกฝนตั้งแต่สุนัขยังเด็ก หรืออาจบอกสมาชิกในครอบครัวว่าไม่ให้ไปรบกวนสุนัขโดยเฉพาะเวลากินอาหาร ผู้เลี้ยงที่เหมาะกับสายพันธุ์บูลด็อก • สุนัขบูลด็อกเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสุนัขที่มีรูปร่างแข็งแรงกำยำ นิสัยสงบเงียบและไม่ค่อยเห่า • สุนัขบูลด็อกสามารถเลี้ยงในบ้านที่มีพื้นที่น้อยได้ แต่เจ้าของควรมีเวลาพาออกไปเดินเล่นเป็นประจำ • สุนัขบูลด็อกเหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ • สุนัขบูลด็อกเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดูแลเรื่องขนสุนัข ทั้งการแปรงขนหรืออาบน้ำ แต่ในทางกลับกันคุณต้องรับมือกับเรื่องน้ำลายและการดูแลความสะอาดบริเวณใบหน้าแทน • สุนัขบูลด็อกสามารถเลี้ยงรวมกับสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ แมว หรือสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามสุนัขบูลด็อกไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเลี้ยงสุนัขหรือมีประสบการณ์การเลี้ยงสุนัขยังไม่มาก เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้ต้องการการดูแลเรื่องความสะอาดและปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงสุนัขบูลด็อกยังไม่เหมาะกับเจ้าของที่ชื่นชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกับสุนัขอีกด้วย