ลาซา แอพโช

ลาซา แอพโซ มีจุดเด่นตรงที่เป็นสุนัขขนยาว ตัวเล็กแข็งแรง และถ้าจะให้เทียบความยาวลำตัวกับส่วนสูงแล้วล่ะก็ สุนัขพันธุ์นี้จะตัวยาวมากกว่าส่วนสูงหน่อย ๆ แถมยังมีหลากหลายสีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสี golden, sandy, honey, dark grizzle, slate, smoke, parti-colour, black, white หรือสี brown

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่ไม่เคยเลี้ยงสุนัขมาก่อน
  • ต้องการการฝึกขั้นพื้นฐาน
  • ชอบเดินเบา ๆ
  • ชอบเดินวันละ 1 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดเล็ก
  • น้ำลายไหลได้บ้าง
  • ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขเงียบ
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่าและเตือน
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • สุนัขครอบครัวที่ดี
อายุเฉลี่ย :
12-14 ปี
น้ำหนัก :
6-7 กิโลกรัม
ส่วนสูง :
25 เซนติเมตร หรือน้อยกว่านั้น
สีขน :
golden, sandy, honey, dark grizzle, slate, smoke, parti-colour, black, white หรือสี brown
ขนาดตัว :
ขนาดเล็ก
กลุ่มโดยอ้างอิงจาก UK Kennel Club :
Utility
Personality

สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซ เป็นสุนัขที่มีนิสัยค่อนข้างรักสันโดษ มีความสง่างามและดูมั่นใจ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีภาพลักษณ์ที่ดูมีภูมิฐาน ในขณะเดียวกันก็เป็นสุนัขที่รักเจ้าของมาก แต่เพียงแค่เจ้าของเท่านั้นแหละ ไม่นับรวมคนแปลกหน้า โดยถ้าต้องเจอกับคนแปลกหน้า สุนัขพันธุ์นี้ก็อาจจะมีท่าที่หวาดระแวงหน่อย ๆ ส่วนในเรื่องของการฝึกสุนัข หากมีความอดทนและความอ่อนไหวมากพอ ก็พอจะฝึกให้อยู่ในระดับสูงได้ เพียงแค่สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ถ้าหากโดนขึ้นเสียง และไม่ค่อยชอบที่จะต้องอยู่ตัวคนเดียว

History and Origins

ลาซา แอพโซเป็นหนึ่งในพันธุ์สุนัขเลี้ยงที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง ซึ่งถูกเลี้ยงโดยพระทิเบตอยู่ภายในอารามสงฆ์มาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี มีประวัติศาสตร์เคียงคู่มากับสุนัขพันธุ์ Tibetan Terrior แต่ในขณะที่ Tibetan Terrior ถูกใช้เป็นสุนัขทำงาน ลาซา แอพโซได้ทำหน้าที่เป็นสุนัขคู่วัด คอยเฝ้าวัดหรืออารามสงฆ์ ซึ่งก็มีการคาดเดาว่าลาซา แอพโซอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากสุนัข Tibetan Terrior ไซส์เล็ก ที่มีคนนำมาถวายให้กับพระ และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาจนได้เป็นสุนัขพันธุ์ใหม่ขึ้น แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไปว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

 

โดยพระทิเบตได้ให้ความเคารพเจ้าสุนัขตัวเล็กพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก เพราะมีความเชื่อว่าเป็นองค์ลามะผู้ศักสิทธิ์กลับชาติมาเกิด เพราะเหตุนี้จึงได้มีข้อห้ามไม่ให้คนต่างชาติเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ รวมไปถึงห้ามซื้อขาย ทำได้แค่การมอบสุนัขพันธุ์นี้ให้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเท่านั้น ซึ่งหากใครได้รับเป็นของขวัญจะถือว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ากันว่าสุนัขพันธุ์นี้จะนำโชคลาภและความมั่งคั่งมาสู่เจ้าของ

 

จนเมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ข้อปฏิบัติที่กล่าวมาก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป สุนัขพันธุ์นี้ได้เป็นที่รู้จักในนานาประเทศ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน กว่าที่จะมาตีตลาดถึงสหราชอาณาจักร

Nutrition and Feeding

โดยทั่วไป ร่างกายของสุนัขตัวเล็กจะมีการเผาผลาญที่รวดเร็วกว่าในสุนัขขนาดอื่น ๆ หมายถึงสุนัขเหล่านี้จะใช้พลังงานไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การกินอาหาร จะกินได้ทีละน้อยเนื่องจากกระเพาะมีขนาดเล็ก จึงต้องกินทีละน้อย แต่กินบ่อยครั้ง ซึ่งในอาหารสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กจะมีการคำนวนปริมาณสารอาหารให้เหมาะสม และออกแบบลักษณะเม็ดอาหารให้มีขนาดเล็ก ล้อไปกับขนาดปากของสุนัขที่เล็กเช่นกัน ทำให้สุนัขกินได้ง่ายและย่อยได้ง่าย

Exercise

ลาซา แอพโซที่โตเต็มวัยจะต้องการการออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที ร่วมกับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น เล่นเกม ของเล่น และเล่นกับเจ้าของ สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขพลังเยอะ แต่ก็เพียงพอใจกับการได้เล่นไปเรื่อย ๆ ในพื้นที่บ้าน โดยสิ่งที่ลาซา แอพโซชอบก็คือการได้เดินในระยะทางสั้น ๆ ทุก ๆ วัน แต่ที่ชอบเลยจริง ๆ คือการได้เดินติดตามเจ้าของไปทุกที่

Ideal Owner

เจ้าของลาซา แอพโซในอุดมคติจะต้องเข้าใจว่าภายใต้ขนหนานี้ก็คือสุนัขตัวหนึ่งที่ควรได้รับการฝึก รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกันกับในสุนัขพันธุ์อื่น แต่เรื่องการดูแลขนของสุนัขพันธุ์นี้อาจจะต้องดูแลมากกว่าปกติหน่อย อย่างการแปรงขนทุกวัน การแต่งขนให้ยาวพอเหมาะอยู่เสมอ เพราะลักษณะขนของสุนัขพันธุ์นี้เกาะตัวเป็นสังคะตังได้ง่าย นอกจากนี้สุนัขพันธุ์นี้ยังเหมาะกับบ้านที่ไม่มีเด็กหรือมีเด็กที่โตพอจะเข้าใจสุนัขได้แล้ว โดยลาซา แอพโซจะตอบแทนด้วยการเป็นคู่หูคู่ใจคอยเฝ้าบ้านให้ แต่ถ้าให้เฝ้าคนเดียวนาน ๆ เจ้าสุนัขพันธุ์นี้ก็อาจจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

Other Information

มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง

 

สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซ จัดว่าอยู่ในกลุ่มสุนัขพันธุ์หน้าสั้น ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่เป็นโรคเหล่านี้ ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic obstructive airway syndrome) เป็นภาวะที่มักพบในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เนื่องจากลักษณะโครงสร้างทางเดินหายใจที่พับไปมา ร่วมกับการมีหน้าสั้น ทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นได้ง่าย ส่งผลให้ความสามารถในการออกกำลังกายลดลง ไปจนถึงอาจทำให้มีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงได้ ภาวะผิวหนังอักเสบ/ติดเชื้อ (Skin inflammation/infection) เนื่องจากสุนัขพันธุ์หน้าสั้นยังคงมีปริมาณผิวหนังเท่ากับในสุนัขปกติ แต่ด้วยหน้าที่สั้น ทำให้มีผิวหนังส่วนเกินทั้งใบหน้า เกิดเป็นพับผิวหนัง (skin fold) ซึ่งในร่องพับของผิวหนังเป็นพื้นที่ที่อาจเกิดระคายเคือง ไปจนถึงเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าผิวหนังปกติ แผลหลุมที่ตา (Eye ulcers) มีลักษณะเป็นแผลหลุมบนผิวดวงตาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสุนัขเป็นอย่างมาก ในสุนัขพันธุ์หน้าสั้นมักพบแผลหลุมที่ตาเนื่องจากลักษณะตาโปน ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีโอกาสพบโรคเหล่านี้ ภาวะสะบ้าเคลื่อน (Patella luxation) ภาวะจอประสาทตาเสื่อม (Progressive retinal atrophy) เป็นความผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม และในที่สุดอาจส่งผลให้ตาบอดได้ ภาวะตาแห้ง (Keratoconjunctivitis sicca) เป็นภาวะที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสุนัข เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมสร้างน้ำตา

 

ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ

 

ในสมัยก่อน สมัยที่ยังอยู่ในอารามสงฆ์ที่ทิเบต สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซได้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปิดและคุ้นชินกับการอยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเวลานาน ซึ่งจุดนี้ได้ถ่ายทอดมาจนถึงลาซา แอพโซในปัจจุบันที่สามารถอยู่ในพื้นที่จำกัด อย่างเช่นพื้นที่ในเมืองได้ ซึ่งก็อยู่ได้จริง ๆ เพียงแต่มีเงื่อนไขเล็กน้อยคือ ขอแค่ได้ออกไปข้างนอกเพื่อเดินเล่นหรือขับถ่ายก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ลาซา แอพโซก็มีความสุขกับการอยู่ในพื้นที่ชนบทเหมือนกัน ในบางตัวอาจได้มีโอกาสแสดงความกล้าด้วยการทำหน้าที่ไล่สัตว์รบกวน (ถึงแม้ส่วนใหญ่อาจจะไล่ได้แบบงง ๆ ก็ตามที

 

การฝึกสุนัข

 

การฝึกลาซา แอพโซให้อยู่ในระดับสูง จะต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการฝึก อีกทั้งยังต้องมีอุบายในการสร้างแรงจูงใจให้สุนัขสนุกไปกับการฝึก ถ้าไม่อย่างนั้นสุนัขพันธุ์นี้อาจจะรู้สึกว่าการฝึกน่าเบื่อได้ แต่อย่างไรก็ดี อย่างน้อยสุนัขก็ควรได้รับการฝึกคำสั่งเรียกกับการฝึกให้คุ้นชินกับสายจูง

 

การเป็นสมาชิกครอบครัว

 

ลาซา แอพโซเป็นสุนัขที่สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวผู้น่ารักได้ไม่ยาก สามารถอยู่กับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นได้ แต่ว่าก็เป็นสุนัขที่ค่อนข้างอ่อนไหว จะวิตกกังวลได้ง่ายหากอยู่ในสภาวะที่มีเสียงดังรบกวนหรือมีความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นแล้วครอบครัวที่มีเด็กที่โตพอจะเข้าใจสุนัขจึงเหมาะกับสุนัขพันธุ์นี้ที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็กแค่ไหน แต่ทั้งเด็กและสุนัขก็ควรได้รับการสอนให้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงวิธีเล่นกันอย่างปลอดภัย ซึ่งอย่างไรก็ดีไม่ว่าจะกรณีไหนก็ไม่ควรทิ้งเด็กกับสุนัขไว้เพียงลำพัง ควรมีผู้ใหญ่จับตาดูอยู่เสมอ

 

รู้หรือไม่

 

มีตำนานเล่าขานกันมาเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ คือมีเทพีผมขาวผู้เฉิดฉายกลางอากาศ นามว่า ซาโก (Sako) ในแต่ละปี เธอจะสร้างรังบนภูเขาและให้กำเนิดบุตร 2 องค์ แตกต่างกันที่องค์นึงมีปีกแต่อีกองค์ไม่มี โดยองค์ที่ไม่มีปีก มีนามว่า แอพโซ (Apso) ซึ่งด้วยความที่แอพโซบินไม่ได้ จึงตกเขาลงมาเสียชีวิตในทุก ๆ ปี จนหลายปีผ่านไป เทพีซาโกที่เจ็บปวดใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ได้พาแอพโซลงมาสู่พื้นดิน และได้มาประทับที่ทิเบตในที่สุด