- แมวสงบ
- เป็นมิตรแต่รักอิสระ
- แมวเงียบ
- รูปร่างใหญ่และตันกว่าปกติ
- ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
- สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
- อาจต้องทำความคุ้นเคยก่อนนำมาคลุกคลีกับลูก
ลักษณะนิสัย
แมวเปอร์เซียจะค่อนข้างเงียบและไม่ซุกซน ชอบที่จะนั่งนิ่งๆ อยู่ข้างกายเจ้าของแบบสงบเสงี่ยม มีความเป็นมิตรกับสมาชิกในครอบครัวรวมทั้งเด็ก แต่จะไม่ชอบถ้าเด็กหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นมากวน หรือมายุ่งวุ่นวาย และมักเป็นแมวที่ได้รับความสนใจจากสมาชิกในครอบครัว แต่มีเพียงไม่กี่คนหรอกนะที่น้องแมวเปอร์เซียจะรู้สึกไว้ใจ
สถานที่หรือบริเวณที่มีเสียงดังเอะอะไม่ใช่ที่ที่จะถูกใจแมวเปอร์เซียเท่าไหร่นัก น้องแมวเปอร์เซียค่อนข้างที่จะรักสงบ ชอบที่จะมีชีวิตเรียบง่าย เช่น ได้กินอาหารเวลาเดิมสม่ำเสมอ มีเวลาเล่นของเล่น และอยู่ในครอบครัวที่อบอวลไปด้วยความรัก ถ้าคุณกำลังมองหาแมวที่จะไม่ปีนผ้าม่านราคาแพงของคุณเล่นๆ ไม่กระโดดไปลุยเคาน์เตอร์ในครัว หรือไม่กระโจนไปยืนบนหลังตู้เย็นล่ะก็ มองมาที่แมวเปอร์เซียได้เลย นอกจากจะอยู่นิ่งๆ ไม่ก่อกวนให้เจ้าของวุ่นวายใจแล้ว แมวเปอร์เซียก็ยังไม่ร้องขอความรักจากใคร แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็สบายใจสไตล์แมวเปอร์เซียแล้ว
ลักษณะของขน และสีของแมวเปอร์เซีย
ขนของแมวเปอร์เซียจะมีความยาวและหนาฟู มีความมันวาว เป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวขนสวยเงางาม เส้นขนของแมวเปอร์เซียจะยาวตลอดทั้งลำตัว และมีขนฟูนุ่มน่าจับอยู่รอบๆ คอ มีขนเส้นเล็กแซมระหว่างขาหน้า ใบหู นิ้วเท้า และที่หาง
สีสันของแมวเปอร์เซียที่เรามักจะพบเห็นบ่อยจะเป็นสีขาว สีครีม สีแดง สีน้ำเงิน สีดำและสีช็อกโกแลต ส่วนสีตาก็จะเป็นสีเดียวกับสีขน นอกจากสีที่มีหลากหลายแล้ว ลวดลายก็มีหลายแบบเช่นกัน โดยอาจจะพบขนสีพื้นและแซมด้วยสีเงิน ทอง ดำ ทำให้เกิดเป็นเฉดสีและลายต่างๆ เช่น สีควันบุหรี่ ลายแบบแท็บบี้ สองสี เป็นต้น
ประวัติความเป็นมา
ถิ่นกำเนิด: อิหร่าน
ชื่ออื่น ๆ: แมว Iranian
ประวัติความเป็นมาของแมวเปอร์เซีย (Persian Cat)
แต่เดิมนั้นแมวเปอร์เซีย มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบเปอร์เซีย ซึ่งอยู่ภายในประเทศตุรกีและอิหร่านในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับชื่อของสายพันธุ์นี้ที่มักจะเรียกกันว่า แมว Iranian (หรืออีกชื่อนึงก็คือแมว Shirazi) โดยมีบันทึกว่าบรรพบุรุษของแมวสายพันธุ์นี้ ถูกนำเข้าจากอิหร่านมาถึงยังประเทศอิตาลี ในช่วงปี ค.ศ. 1620 และได้รับความนิยมจากผู้เลี้ยงแมวในแถบยุโรปเป็นอย่างมาก จึงได้มีการนำไปขยายพันธุ์ในสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 และได้รับการตั้งชื่อว่า Persian Cat ตามถิ่นกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้นั่นเอง
ขนาดของแมวเปอร์เซีย
แมวเปอร์เซียนั้นจะมีขนาดกลางถึงใหญ่ โดยเพศผู้จะมีน้ำหนักอยู่ราว 4 - 6 กิโลกรัม ส่วนเพศเมียจะมีน้ำหนักอยู่ราว 3-5 กิโลกรัม มีความยาวลำตัว 14 – 18 นิ้ว (ไม่รวมความยาวหาง) สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของแมวเปอร์เซีย นั้นจัดเป็นแมวที่มีโครงร่างกายที่แข็งแรง หัวกลม แก้มกลม มีดวงตาโตสวยงาม นอกจากนี้เราจะสามารถสังเกตได้ว่าแมวเปอร์เซียจะมีจุดเด่นตรง “จมูกหัก” ซึ่งเห็นได้ชัดเจน ถ้ามองจากด้านข้าง ก็จะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง หน้าตาของแมวเปอร์เซียที่พบได้มีหลายแบบ เช่น หน้าแบนสุดๆ แบบ Peke-face หรือเป็นลุคเก่าที่จะเห็นว่าใบหน้าแมวเปอร์เซียมีความกลมขึ้นมาอีกนิดแบบ Doll-face
แมวเปอร์เซียมีแนวโน้มที่จะป่วยด้วยโรคทั่วไปได้เช่นเดียวกับแมวสายพันธุ์อื่นๆ แต่ก็มีโรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียเช่นกัน ได้แก่
- ภาวะหายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงดัง อันเนื่องมาจากช่องจมูกตีบแคบ
- ฟันสบไม่ปกติ
- น้ำตาไหลเยอะกว่าปกติ
- ปัญหาโรคตา เช่น เชอร์รี่อาย และ- หนังตาม้วน
- ป่วยเนื่องจากอากาศร้อน
- ซีสต์ที่ไต
- มีแนวโน้มจะเป็น กลาก เชื้อรา ได้ง่าย
- มีปัญหาผิวหนัง ผิวลอกเป็นสะเก็ด คัน ผิวแดง ขนร่วง
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมวเปอร์เซียควรมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และกิจกรรมในแต่ละวันของแมวสายพันธุ์นี้ โดยสารอาหารจำเป็นที่ควรมีในอาหารของแมวเปอร์เซีย ได้แก่
1. โปรตีน : เพื่อสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย ในอาหารควรมีกรดอะมิโน ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของโปรตีนอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดอะมิโนชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้
2. คาร์โบไฮเดรต : เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซลล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ และเม็ดเลือดแดง อาหารที่มีคุณภาพดีควรมีการคำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วนในแมวเปอร์เซีย
3. ไขมัน : ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยให้พลังงานได้สูงกว่าโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ไขมันยังช่วยในการดูดซึมวิตามิน รวมทั้งยังช่วยเสริมการทำงานของระบบห่อหุ้มร่างกาย เช่น โอเมก้า 3 และ 6
4. วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ : แม้ร่างกายจะต้องการวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณน้อย แต่หากได้รับไม่เพียงพอหรือได้รับมากเกินไป ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย และทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติได้ ตัวอย่างวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายสุนัขต้องการ ได้แก่ วิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น
อีกหนึ่งหัวใจของการดูแลแมวเปอร์เซีย ก็คือการเลือกให้อาหารแมว ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของน้องแมวเปอร์เซีย โดยเลือกอาหารสูตรบำรุงขนที่เหมาะสำหรับน้องแมวขนยาวเป็นพิเศษอย่าง เพียวริน่า วัน สูตรสำหรับแมวเลี้ยงในบ้าน (PURINA ONE Indoor Advantage) ที่อุดมด้วยไฟเบอร์จากธรรมชาติสูงถึง 5% ช่วยลดการก่อตัวของก้อนขนที่น้องแมวเปอร์เซีย สะสมอยู่ในลำไส้จากการเลียทำความสะอาดร่างกาย ด้วยการผลักก้อนขนออกมาผ่านการขับถ่าย มีโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี เงางาม และดวงตาสดใส และมีแคลอรีต่ำเพราะทำมาจากเนื้อไก่งวง ที่มีโปรตีนสูงถึง 38% ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เหมาะมากๆ สำหรับแมวเลี้ยงในบ้านที่มีกิจกรรมน้อยอย่างน้องแมวเปอร์เซีย
ความต้องการพิเศษเฉพาะสายพันธุ์ของแมวเปอร์เซีย
นอกจากการแปรงขนแมวแล้วแมวสายพันธุ์นี้มักจะมีปัญหาเรื่องท่อน้ำตาอุดตันได้ง่าย ทำให้เกิดเป็นคราบน้ำตาแห้งกรังติดอยู่รอบดวงตาเป็นระยะ วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น คอยเช็ดรอบดวงตาของน้องแมวอย่างสม่ำเสมอ และควรพาแมวเปอร์เซีย ไปตรวจร่างกาย ถ่ายพยาธิและทำวัคซีนเป็นประจำทุกปี เพื่อสุขภาพที่ดีของแมวเปอร์เซียที่น่ารักของคุณ
อีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าของแมวเปอร์เซียต้องให้ความใส่ใจนั่นก็คือกระบะทราย เพราะทรายแมวมักติดไปกับขน หรือเท้าของแมวเปอร์เซียได้ ซึ่งถ้าเจ้าของแมวไม่หมั่นทำความสะอาด และปล่อยให้กระบะทรายมีกลิ่น แมวก็อาจจะหยุดใช้กระบะทราย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบตามมาได้
น้องแมวสายพันธุ์ขนยาวสลวยอย่างแมวเปอร์เซีย นอกจากการดูแลสุขภาพให้แล้ว เราก็จำเป็นจะต้องใส่ใจในเรื่องการดูแลขนสวยๆ ของเป็นพิเศษ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหมั่นแปรงขนแมวเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที โดยเน้นในจุดที่น้องแมวไม่สามารถเอื้อมไปเลียขนได้ถึงเป็นพิเศษ เช่น ที่คอ ขา และหาง ฯลฯ เพื่อป้องกันการเกิดขนพันกันเป็นกระจุก ซึ่งอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่างๆ และทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบตามมาได้
แมวเปอร์เซียเหมาะที่จะเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน ด้วยนิสัยรักสงบของน้องแมวการออกไปพบแมวแปลกหน้า เจอสุนัข หรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อาจทำให้แมวรู้สึกกังวลและกลัวได้ นอกจากนี้การออกไปนอกบ้านอาจทำให้ขนของน้องแมวสกปรก ซึ่งเจ้าของต้องใช้เวลาในการดูแลขนมากขึ้นกว่าปกติ และด้วยความสวยน่ารักของแมวเปอร์เซีย ถ้าปล่อยให้ไปเดินเล่นลำพังตัวเดียว อาจมีมือดีพาน้องไปเลี้ยงต่อแบบที่เราไม่รู้ตัวก็ได้นะ
ส่วนการทำความสะอาดก็ง่ายแสนง่าย โดยอาบน้ำเดือนละ 1 ครั้ง หรือถ้าแมวบ้านไหนไม่ชอบอาบน้ำก็เลือกเป็นการใช้แชมพูแห้งก็ได้ไม่ว่ากัน หมั่นเช็ดหู ตัดเล็บ และแปรงฟันแมวเปอร์เซียเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง รวมทั้งหยดผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันหมัด อันเป็นสาเหตุของโรคแพ้น้ำลายหมัดในแมวเป็นประจำทุกเดือนด้วย
แมวเปอร์เซียอาจจะไม่ใช่แมวที่เป็นตัวเลือกแรกในการเลี้ยงร่วมกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และครอบครัวที่มีสุนัข แต่ก็ไม่ใช่ว่าน้องแมวจะเข้ากับเด็กๆ หรือสุนัขไม่ได้ ถ้าเด็กๆ และสุนัขไม่ไปวิ่งไล่กวดแมวเปอร์เซีย แมวเปอร์เซียแสนรักสงบก็พร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับทุกคนแน่นอน
วิถีชีวิตสไตล์แมวเปอร์เซีย
ลักษณะนิสัยของแมวเปอร์เซียส่วนใหญ่จะเข้ากับคนได้ง่าย ขี้อ้อน และมีไหวพริบดี โดยอาจจะมีนิสัยอื่นๆ แตกต่างกันไป ตามเพศของน้องแมวเป็นหลัก โดยแมวเปอร์เซียเพศผู้มักจะเป็นแมวที่มีบุคลิกนิ่งๆ มีโลกส่วนตัวสูง แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ น้องแมวอาจจะมีพฤติกรรมหนีเที่ยว ออกจากบ้าน หรือร้องเสียงดังเป็นปกติ
ส่วนแมวเปอร์เซียเพศเมีย ส่วนมากจะมีนิสัยที่เรียบร้อย ขี้อ้อน ขี้ประจบมากกว่าตัวผู้ แต่สำหรับบางตัว ก็จะมีโลกส่วนตัวสูงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก และเนื่องจากเป็นน้องแมวสายพันธุ์ที่มีนิสัยเรียบร้อยและรักสันโดษ
ผู้เลี้ยงที่เหมาะกับแมวเปอร์เซีย
ด้วยลักษณะนิสัยของแมวเปอร์เซียที่รักสงบ แต่ก็อยู่ง่าย ทำให้น้องแมวเปอร์เซียสามารถอยู่อาศัยตัวเดียวได้ง่าย ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะในการเลี้ยง จึงเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่มีพื้นที่จำกัด หรือเลี้ยงภายในห้องแบบระบบปิด ที่ไม่ได้ปล่อยน้องแมวออกไปนอกบ้าน สามารถเลี้ยงในบ้าน หรือคอนโดก็ได้ แค่มีมุมให้แมวได้นอนเล่น หรือชมวิวบ้างก็เพียงพอ แต่ที่สำคัญก็คือต้องเป็นคนที่มีเวลาดูแลใส่ใจขนของแมวเปอร์เซียเป็นประจำสม่ำเสมอเท่านั้นเอง
แม้ว่าแมวเปอร์เซียจะเป็นแมวที่ชอบความเงียบ มาสไตล์สายชิลล์ ไม่ชอบส่งเสียงดัง แต่ก็มีมุมน่ารักที่อยากจะให้เจ้าของเข้ามาพูดคุย ลูบหัวลูบตัว หรือมาแปรงขนให้ ถ้าคุณกำลังมองหาเพื่อนรักที่จะมอบความภักดีให้กับคุณแบบหมดหัวใจ แมวเปอร์เซียนี่แหละคือคำตอบที่ใช่สำหรับครอบครัวของคุณ