
สุนัขบาเซนจิ ถือเป็นสุนัขสายพันธุ์เล็กถึงกลาง โดดเด่นด้วยพวงหางที่ม้วนงอและหน้าผากย่น ขนสั้น เรียบ เป็นมันเงา มีให้เลือกทั้งแบบ 2 สี คือน้ำตาลแดงและสีขาว สีดำและสีขาว สีน้ำตาลไหม้และสีขาว สีลายเสือ (ริ้วสีดำ น้ำตาล แทน ทองสลับกัน) สีลายเสือและสีขาว และสามสี ดูมาตรฐานสายพันธุ์เพื่ออ่านรายละเอียดของสุนัขพันธุ์นี้ทั้งหมด เมื่อโตเต็มวัย สุนัขพันธุ์บาเซนจิเพศผู้มีความสูงประมาณ 43 ซม. โดยวัดจากส่วนที่สูงที่สุดของร่างกาย (จากเท้าถึงจุดที่สูงที่สุดของไหล่) ส่วนเพศเมียมีความสูงประมาณ 40 ซม. เพศผู้ที่โตเต็มวัยควรมีน้ำหนักประมาณ 11 กก. และเพศเมียควรมีน้ำหนักประมาณ 9.5 กก.
The need-to-know
- สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่้เคยเลี้ยงสุนัขมาบ้าง
- ต้องฝึก
- ชอบเดินเป็นประจำ
- ชอบเดินวันละ 1 ชั่วโมง
- สุนัขขนาดกลาง
- น้ำลายไหลให้น้อยที่สุด
- ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
- สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- สุนัขเงียบ
- ไม่ใช่สุนัขเฝ้าบ้าน
- อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
- อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับเด็ก
บุคลิกภาพ
สุนัขบาเซนจิมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่ไม่เคยเห่า แต่จะส่งเสียงคำรามสั้น ๆ ในลำคอเวลาที่ตื่นเต้น นอกจากยังเป็นสุนัขที่ตื่นตัว รักอิสระ เฉลียวฉลาด ทำความสะอาดตัวเองได้ และแทบจะไม่มีกลิ่นตัว สุนัขบาเซนจิยังมีนิสัยคล้ายแมว แถมยังปีนต้นไม้และรั้วได้อีกด้วย สุนัขพันธุ์นี้จะแสดงความรักต่อเจ้าของ และมักเฉยชากับคนแปลกหน้า สุนัขบาเซนจิมักทะเลาะกับสุนัขตัวอื่น จึงจำเป็นต้องฝึกให้เขาเข้าสังคมแต่เนิ่น ๆ
ประวัติและต้นกำเนิด
ประเทศต้นกำเนิด: แอฟริกา
สันนิษฐานว่าสุนัขบาเซนจิเคยเป็นสุนัขทรงเลี้ยงของกษัตริย์ฟาโรห์ ดังจะเห็นได้จากภาพวาดสุนัขสายพันธุ์นี้ในพีระมิดอียิปต์ หลังจากนั้น มีผู้นำสุนัขพันธุ์บาเซนจิเข้ามาในแอฟริกากลางเพื่อใช้กำจัดหนูพันธุ์ต่าง ๆ ในแถบคองโก เพราะหนูในพื้นที่มีขนาดใหญ่ ดุร้าย และเป็นภัยคุกคามต่อปศุสัตว์ของชาวพื้นเมือง จึงต้องอาศัยสุนัขล่าเหยื่อที่เก่ง ๆ
โภชนาการและการให้อาหาร
สุนัขสายพันธุ์เล็กรวมทั้งสุนัขบาเซนจิมีอัตราเผาผลาญพลังงานสูง ย่อยอาหารได้รวดเร็ว แต่ด้วยขนาดกระเพาะอาหารที่เล็ก จึงต้องให้กินอาหารปริมาณน้อย แต่แบ่งย่อยเป็นหลายมื้อ อาหารของสุนัขพันธุ์เล็กออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีสารอาหารสำคัญในปริมาณที่เหมาะสม และมีขนาดเม็ดที่เล็กพอดีกับขนาดปาก ซึ่งช่วยให้เคี้ยวง่าย ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร
การออกกำลังกาย
สุนัขบาเซนจิถูกเลี้ยงเพื่อล่าสัตว์ในประเทศทุรกันดาร จึงควรพาไปออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง หากออกนานกว่านั้นก็ไม่ปฏิเสธ การฝึกสุนัขบาเซนจิ ควรจะต้องให้เล่นกีฬาสำหรับสุนัขบางประเภทเพื่อบริหารร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง นอกจากนี้สุนัขพันธุ์นี้ยังมีสัญชาตญาณเรื่องถนนต่ำกว่าเพื่อนสายพันธุ์อื่น จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อพาออกกำลังกายใกล้ท้องถนน
ข้อมูลอื่นๆ
สุขภาพและปัญหาที่มักพบ
สุนัขบาเซนจิมีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่พบเห็นบ่อยที่สุด คือโรคไตกลุ่มอาการแฟนโคนิ (Fanconi Syndrome) และภาวะโลหิตจาง ซึ่งสามารถทดสอบทางพันธุกรรมเพื่อตรวจหาความผิดปกติเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังอาจมีโรคตาที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมเช่นเดียวกับสายพันธุ์อื่น ๆ จึงควรตรวจสุขภาพตาและตรวจพันธุกรรมของสุนัขก่อนเพาะพันธุ์
พื้นที่ในการเลี้ยงสุนัข
สุนัขบาเซนจิเป็นสุนัขสายพันธุ์เล็กและไม่ต้องการพื้นที่มากมาย ขอแค่เป็นบ้านที่อบอุ่นมีหน้าต่างให้ชมวิวก็มีความสุขมากแล้ว แต่สุนัขบาเซนจิอาจต้องใช้พื้นที่ในการออกกำลังกายบ้าง ควรกั้นรั้วบริเวณสวนให้มิดชิด แม้ว่าท้ายสุดแล้วความรักสนุกของสุนัขพันธุ์นี้จะเอาชนะความสูงของรั้วหรือต้นไม้ได้อยู่ดี สุนัขบาเซนจิต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษเวลาออกไปข้างนอก
การฝึกสุนัข
ด้วยความที่บาเซนจิเป็นสุนัขฉลาด แสนรู้ ดังนั้นการฝึกสุนัขทั่วไปไม่คณามือสุนัขพันธุ์นี้แน่นอน! ด้วยทักษะ ความอดทน และการสร้างแรงจูงใจ สุนัขบาเซนจิก็พร้อมเสมอไม่ว่าจะเป็นการฝึกรูปแบบไหน จัดเป็นสุนัขที่มีความคล่องแคล่วว่องไวสูง แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยเชื่อฟัง โดยเฉพาะเวลาเรียกให้มาหา ทำให้การฝึกเปล่าประโยชน์ในบางครั้ง และต้องไม่ลืมเด็ดขาดว่าสุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยชอบแทะ จึงควรเตรียมสิ่งของให้บาเซนจิแทะอยู่เป็นระยะ ๆ
การอยู่ร่วมกับเด็กของสุนัข
แม้สุนัขส่วนใหญ่จะเป็นมิตรกับเด็ก แต่ทั้งสุนัขบาเซนจิและเด็กจะต้องได้รับการฝึกให้เคารพซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็กและสุนัขอยู่ด้วยกันตามลำพัง ควรเฝ้าระวังทุกครั้งที่เด็กเล่นกับสุนัข
รู้หรือไม่
สุนัขบาเซนจิเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ของโลกนี้ ชื่อสายพันธุ์ก็ได้มาจากชาวเผ่าที่อาศัยในเขตป่าฝนอิตูริ ซึ่งเรียกสุนัขพันธุ์นี้ว่า Basenchi ซึ่งแปลว่า “สุนัขป่าตัวจิ๋ว”