Machine Name
cat
เบงกอล

แมวเบงกอล ผู้มาพร้อมขนเงาสลวย ร่างกายกำยำ จนบางมุมก็ดูเหมือนแมวป่า ที่ถูกเสริมลุคด้วยลวดลายคล้ายลายหินอ่อนปะปนไปกับลายจุด ลักษณะขนเป็นแผงขนหนา เงางาม ทำให้มีภาพลักษณ์ที่ดูน่าหลงใหล แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องรูปร่าง แท้จริงแล้วแมวพันธุ์นี้ก็มีโครงร่างคล้ายกับแมวทั่วไป ที่มีรูปร่างปราดเปรียว ใบหูเล็ก ใบหน้าเรียว และอุ้งเท้าเรียบร้อยน่ารัก

 

The need-to-know

 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างผอมเพรียวและสง่างาม
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
อายุเฉลี่ย :
10-16 ปี
น้ำหนัก :
3.6-7.7 กิโลกรัม
สีขน :
แมวเบงกอล มาพร้อมลวดลายคล้ายหินอ่อนและลายจุด สี brown, silver, snow
บุคลิกภาพ

แมวเบงกอลสามารถเป็นสัตว์เลี้ยงชั้นเลิศได้ เมื่อได้อยู่กับเจ้าของผู้มีประสบการณ์การเลี้ยง แต่คงจะเข้ากันได้ดียิ่งกว่า หากคุณเจ้าของเป็นคนที่ชื่นชอบน้องแมวที่มีความเป็นสุนัข คือมีความแอคทีฟและช่างสงสัย เจ้าแมวเบงกอลสามารถสนุกได้กับทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นของเล่น เกม หรืออุปกรณ์เสริมทักษะ ซึ่งถ้าคุณต้องการน้องแมวที่นอนดูของเล่นหรือของตกแต่งเฉย ๆ แมวเบงกอลก็คงไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณแล้วแหละ ! เพราะแมวพันธุ์นี้สนุกไปกับทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ดูเรียบง่ายที่สุด อย่างการเปิดน้ำให้ไหลไปเรื่อย ๆ ก็สร้างความบันเทิงให้กับแมวเบงกอลได้แล้ว (ระวังไว้ล่ะ เจ้าแมวพวกนี้อาจจะแอบจ้องแก้วน้ำของคุณอยู่ !)

นอกจากนี้แมวเบงกอลยังชอบเล่นกับคน เรียกได้ว่าเล่นด้วยกันได้เป็นชั่วโมง ๆ เลย ถ้าคุณต้องการ (หรือถ้าไม่ ก็ยังเล่นอยู่ดีแหละนะ) และขอบอกไว้เลยว่าแมวแบงกอลไม่ใช่แมวนอนตัก เพราะเป็นแมวที่ไม่ค่อยว่าง ต้องการจะเล่น จะให้มานอนเฉย ๆ บนตักนาน ๆ ก็คงจะไม่ได้ และโดยทั่วไปแมวเบงกอลก็ไม่ใช่แมวที่เสียงดังหรอก แต่ถ้าคุณเจ้าของไม่สนใจหรือน้องแมวไปเจออะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ ก็อาจจะวีนเสียงดังขึ้นมาได้เหมือนกัน

ประวัติและต้นกำเนิด

แมวเบงกอลค่อนข้างเป็นแมวยุคใหม่ ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาในช่วงปี 1990s ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเกิดจากการผสมระหว่างแมวดาวสายพันธุ์เอเชีย (Asian Leopard Cat, Prionailurus bengalensis; แมวป่าขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นลายพาด มาจากเอเชียตะวันตกเฉียงใต้) กับแมวบ้านลายแท็บบี้ และแมวขนสั้นพันธุ์อื่น เช่น อะบิสซิเนียน, เบอร์มีส และอียิปต์เทียน โม โดยวัตถุประสงค์ตั้งต้นของการพัฒนาสายพันธุ์นี้คือ การสร้างแมวเลี้ยงนิสัยน่ารักที่มีหน้าตาคล้ายเสือดาวขนาดเล็ก เพื่อเป็นทางเลือกไม่ให้คนเอาแมวป่ามาเลี้ยง

นอกจากนี้คือเรื่องมุมมองการเลี้ยงของเจ้าของ ถ้าเป็นเจ้าของมีมุมมองการเลี้ยงที่ดีควรบันทึก “F number” ซึ่งเป็นเลขที่บอกรุ่นของแมวแต่ละตัวเอาไว้ โดยลูกรุ่นแรกที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์จะได้เลข F1 (หมายถึงลูกของแมวป่าผสมกับแมวบ้าน) ซึ่งในอังกฤษ ถือว่ายังเป็นรุ่นที่ต้องขอใบอนุญาตเลี้ยงสัตว์ป่าอันตราย แต่ถ้าเป็นรุ่น F2 เป็นต้นไปก็สามารถเลี้ยงได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตแล้ว

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีรสนิยมเฉพาะตัว ในเรื่องการกินก็มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับสารอาหารทั้งหมด 41 ชนิด ซึ่งจะได้รับทางการกินอาหารเท่านั้น โดยสัดส่วนความต้องสารอาหารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละตัว ขึ้นกับอายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพโดยรวม

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกแมววัยกำลังซนจะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นแล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงหุ่นของแมวให้มีหุ่นที่ดีเสมอ โดยปริมาณการให้อาหารสามารถพิจารณาตามวิธีการให้อาหารของแต่ละผลิตภัณฑ์ และสามารถปรับปริมาณการให้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารแห้งก็ตาม

ข้อมูลอื่นๆ

มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง

 

โดยทั่วไปแล้ว แมวเบงกอลก็เป็นแมวที่มีสุขภาพแข็งแรง เพียงแต่อาจมีความเสี่ยงต่อบางโรค เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว (Hypertrophic cardiomyopathy) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวขึ้นอย่างผิดปกติ ส่งผลให้การบีบตัวของหัวใจผิดปกติไปด้วย ภาวะจอประสาทตาเสื่อม (Progressive retinal atrophy) เป็นความผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม และในที่สุดอาจส่งผลให้ตาบอดได้ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ (Feline infectious peritonitis) มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติต่อการติดเชื้อไวรัส กลุ่มอาการอกแบนในลูกแมว (Flat chested kitten syndrome) เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโตที่โครงสร้างอก ส่งผลให้เกิดอาการหายใจลำบาก ภาวะสะบ้าเคลื่อน (Patella luxation) เป็นสภาวะที่ลูกสะบ้าเข่าเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ควรจะเป็น ภาวะข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia) เป็นความผิดปกติของข้อสะโพกที่มีการเจริญผิดปกติ Pyruvate kinase deficiency ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง จากการตายของเม็ดเลือดแดง ภาวะปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathy) เป็นความผิดปกติทางระบบประสาท

 

การเลี้ยงระบบเปิด หรือระบบปิด

 

แมวเบงกอลรักในการใช้ชีวิตนอกบ้าน และด้วยความเป็นเจ้าถิ่น หวงพื้นที่ โดยเฉพาะกับสัตว์ที่เจ้าแมวเบงกอลไม่คุ้นเคย บวกกับความเร็ว ความเป็นนักกีฬา และความขี้เล่นซุกซน จึงไม่ปลอดภัยเลยที่จะปล่อยแมวเบงกอลเป็นอิสระในพื้นที่กว้าง หรือพื้นที่ละแวกบ้านที่มีเพื่อนบ้านอาศัยใกล้ชิด เพราะฉะนั้นจึงควรมีพื้นที่สวนที่ปลอดภัยสำหรับน้องแมว หรือพื้นที่เล่นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เสริมทักษะและพื้นที่หลายระดับความสูง ให้น้องแมวเพลิดเพลินไปกับการเล่น หรือไม่ก็คุณอาจจะต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีเพื่อนบ้านใกล้ชิด หรือถนนที่วุ่นวาย

 

อุปกรณ์เสริมทักษะและความต้องการเฉพาะตัว

 

ด้วยความที่เป็นแมวแอคทีฟและฉลาดแสนรู้ ทำให้เจ้าแมวเบงกอลมีอะไรให้ทำเต็มไปหมด หรือแมวเบงกอลอาจจะหากิจกรรมบันเทิงใจ (ซึ่งอาจจะบันเทิงใจแมว ไม่บันเทิงใจเรา) โดยเฉพาะเวลาที่เบื่อ กิจกรรมที่เจ้าแมวเบงกอลเล่นอาจจะเป็นกิจกรรมล่าเหยื่อก็ได้ ซึ่งคนและสัตว์อื่นก็อาจจะต้องมาเล่นด้วยแบบไม่เต็มใจนัก ทั้งนี้อาจใช้ต้นไม้แมวหรือคอนโดแมวเพื่อให้น้องแมวได้เสริมทักษะปีนป่าย หรือให้เข้าถึงหน้าต่างได้ จะได้สามารถจับตาดูความเป็นไปรอบบ้าน หรืออาจใช้ของเล่นให้อาหารหรือของเล่นลับสมอง รวมถึงตัวคุณด้วยเช่นกันที่พร้อมจะเล่นกับแมวเบงกอลเป็นชั่วโมง ๆ นอกจากนี้จริง ๆ แล้วแมวเบงกอลก็เป็นแมวเจ้าสังคมได้ หากได้รับการแนะนำให้รู้จักกับแมวตัวอื่นหรือสัตว์เลี้ยงอื่น แต่ก็ระวังไว้ให้ดี เพราะเจ้าแมวเบงกอลเป็นแมวไม่ชอบแพ้ซะด้วยสิ ถ้าเจอแมวอื่นที่เล่นใหญ่กว่า เจ้าเบงกอลก็คงยอมไม่ได้เด็ดขาด !

 

การเป็นสมาชิกครอบครัว

 

ถ้าคุณเป็นคนมีอารมณ์ขัน มีพื้นที่บ้านกว้าง และมีสมาชิกในครอบครัวที่ค่อนข้างโตพอจะเข้าใจน้องแมวและเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของน้องแมวได้ เจ้าแมวเบงกอลก็สามารถเป็นเพื่อนคู่หูคู่ใจได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณต้องการแมวที่นอนเฉย ๆ เอาแต่จ้องมอง หรือแมวเงียบ ๆ ที่ไม่ต้องการอะไรจากคุณเลย แมวเบงกอลก็คงไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณแล้วแหละ !

 

เบอร์แมน

“แมวเบอร์แมน” หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มแมวแต้มสี ผู้มาพร้อมกับจุดสีบนร่างกายอันงดงาม ขนของพวกเขามักมีสีขาวครีมดูปราดเปรียว พร้อมจุดสีน้ำตาลเข้มหรือดำ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ใบหู ขา และหาง พวกเขามีขนยาวระดับปานกลางอันนุ่มลื่น ดูมีระดับ มาพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มอันสดใส

นอกจากนี้ยังมีเอกลักษณ์บริเวณอุ้งเท้า (ที่มองยังไงก็เหมือนกำลังสวมถุงเท้าสีขาว ดูน่ารักน่าชังมากเลยทีเดียว) ภายใต้ขนอันหนานุ่มซ่อนไว้ซึ่งกล้ามเนื้ออันงดงาม โดยเบอร์แมนจัดอยู่ในกลุ่มแมวขนาดปานกลาง มีใบหน้ากลมมนแลดูน่ารัก เหมาะสำหรับเหล่าทาสแมวที่กำลังมองหาแมวอันโดดเด่น มีระดับ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นกันเองมากเลยทีเดียว

 

The need-to-know

 

  • แมวตื่นตัว อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวช่างพูด
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
อายุเฉลี่ย :
12-16 ปี
น้ำหนัก :
2.7-5.4 กิโลกรัม
สีขน :
แมวเบอร์แมนมีลวดลาดหลากหลายสีสัน (มากกว่า 20 สีเลยทีเดียว) โดยสีที่พบบ่อย ได้แก่ แต้มสีน้ำตาลเข้มหรือดำแบบแมวสยาม สีน้ำเงิน และสีม่วง เป็นต้น
บุคลิกภาพ

ด้วยความที่แมวเบอร์แมนผ่านการเพาะพันธุ์จากมนุษย์มาหลากหลายยุคสมัยเพื่อให้ได้มาซึ่งสีสันอันงดงาม ถูกตาต้องใจเหล่าทาสแมวหลาย ๆ คน แมวเบอร์แมนจึงมีความคุ้นชินกับมนุษย์เป็นอย่างมาก ส่งผลให้พวกเขามีความเป็นกันเองอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้อย่างผ่อนคลาย และไร้ซึ่งความดุร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น เบอร์แมนชอบการอยู่กับผู้คน รักการเล่นสนุกกับมนุษย์ และมีสัญชาตญาณการล่าในระดับต่ำ

 

ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจไปหากคุณจะเห็นแมวเบอร์แมนสามารถอยู่ร่วมกันกับทุกคนในครอบครัว (รวมถึงเพื่อน ๆ สุนัขและแมวตัวอื่น ๆ ในบ้าน) ได้อย่างไร้ข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้น และถึงแม้ว่าแมวเบอร์แมนจะไม่ถึงกับชอบส่งเสียงโหวกเหวก โวยวาย หรือส่งเสียงดังน่ารำคาญ แต่ในบางครั้งพวกเขาก็อาจจะแอบชอบชวนคุย ส่งเสียงครางในลำคอได้บ้างเหมือนกัน

ประวัติและต้นกำเนิด

ต้นกำเนิดที่แน่ชัดของแมวพันธุ์เบอร์แมนอาจไม่ชัดเจนมากนัก แต่มีตำนานได้กล่าวไว้ว่า “แมวเบอร์แมน” คือของขวัญจากเทพเจ้าผู้มีดวงตาสีฟ้าอันงดงาม มอบให้แก่นักบวชผู้บูชาและหลงไหลในแมว เทพเจ้าได้ดลบันดาลให้แมวเบอร์แมนมีขนสีทองอันงดงาม แต่ยังคงไว้ซึ่งอุ้งเท้าทั้งสี่ข้างอันมีสีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์

 

อย่างไรก็ตาม แมวเบอร์แมนถูกระบุไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1925 และประเทศอังกฤษ โดยสมาคมผู้เลี้ยงแมว (Governing Council of Cat Fanciers) ในปี 1966 ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมและถูกเลี้ยงมาจนถึงปัจจุบัน

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีรสนิยมเฉพาะตัว ในเรื่องการกินก็มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับสารอาหารทั้งหมด 41 ชนิด ซึ่งจะได้รับทางการกินอาหารเท่านั้น โดยสัดส่วนความต้องสารอาหารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละตัว ขึ้นกับอายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพโดยรวม

 

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกแมววัยกำลังซนจะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นแล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงหุ่นของแมวให้มีหุ่นที่ดีเสมอ โดยปริมาณการให้อาหารสามารถพิจารณาตามวิธีการให้อาหารของแต่ละผลิตภัณฑ์ และสามารถปรับปริมาณการให้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารแห้งก็ตาม

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


โดยทั่วไปแล้ว แมวเบงกอลก็เป็นแมวที่มีสุขภาพแข็งแรง เพียงแต่อาจมีความเสี่ยงต่อบางโรค เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว (hypertrophic cardiomyopathy) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวขึ้นอย่างผิดปกติ ส่งผลให้การบีบตัวของหัวใจผิดปกติไปด้วย โรคถุงน้ำในไต (polycystic kidney disease) เป็นโรคที่พบได้ตั้งแต่กำเนิดโดยมักพบลักษณะของถุงน้ำในเนื้อเยื่อไต ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของไตให้เกิดความผิดปกติ และเป็นที่มาของภาวะไตวายได้ อย่างไรก็ตามในกลุ่มของแมวที่มีความเสี่ยงของการป่วยด้วยโรคนี้ แมวเบอร์แมนนับว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าแมวพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าเจ้าของควรตระหนักถึงโรคนี้ไว้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลมากนักนั่นเอง ภาวะขนบาง (hypotrichosis) เป็นภาวะที่ขนในบางจุดอาจไม่เจริญเติบโตซึ่งส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น การตรวจทดสอบที่สามารถทำได้ การตรวจทดสอบทางพันธุกรรม (DNA testing) เพื่อหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงน้ำในไต


การเลี้ยงระบบเปิด หรือระบบปิด


แมวเบอร์แมนคือแมวที่สามารถใช้ชีวิตได้ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน โดยหากเลี้ยงภายนอกบ้านหรือภายในส่วน เจ้าของควรมั่นใจว่ามีรั้วรอบขอบชิดเพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอก และหากเลี้ยงภายในบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่แคบ ๆ เจ้าของควรจัดสวนขนาดย่อมหรือมีระเบียงแมวให้พวกเขาได้ปีนป่าน หรือทำการสำรวจเพื่อป้องกันอาการเบื่อหน่ายนั่นเอง แมวเบอร์แมนมีนิสัยค่อนข้างผ่อนคลาย และอาจไม่ตื่นตัวเมื่ออยู่นอกบ้านมากนัก นอกจากนี้พวกเขายังมีความเป็นกันเองสูง เข้าได้แม้แต่กับผู้คนแปลกหน้า ดังนั้นในบางครั้งแมวเบอร์แมนจึงอาจถูกลักขโมยโดยบุคคลผู้ไม่ประสงค์ดีได้ง่ายเลยทีเดียว


อุปกรณ์เสริมทักษะและความต้องการเฉพาะตัว


แมวเบอร์แมนมักอยากมีส่วนร่วมในทุก ๆ กิจกรรมที่คุณทำ พวกเขาอาจแอบสังเกตการณ์ในเบื้องต้นและเข้ามาขอแจมกับกิจกรรมเหล่านั้นได้ทุกเมื่อ ในบางครั้งคุณอาจพบว่าในขณะที่คุณกำลังทำงานอย่างเคร่งเครียด แมวเบอร์แมนก็จะเข้ามาแอบขโมยปากกาและข้าวของเครื่องใช้เพื่อชวนคุณเล่นได้เสมอ (ซนจริง ๆ เจ้าเหมียว !) เพื่อลดพฤติกรรมดังกล่าว (ที่อาจกวนใจคุณในบางครั้ง) คุณอาจหาของเล่น เช่น เครื่องให้อาหารแบบกดที่กระตุ้นให้แมวเบอร์แมนต้องไล่กดปุ่มเพื่อหากิจกรรมให้พวกเขาทำแก้เบื่อ แทนการให้อาหารตลอดทั้งวันแทนก็ได้เช่นกัน


แมวพันธุ์นี้กับเด็ก


แมวพันธุ์เบอร์แมนเป็นแมวที่สามารถเป็นสมาชิกในครอบครัวที่น่ารักได้อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามคุณควรมั่นใจว่าเด็ก ๆ จะปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความเหมาะสม ไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขามากจนเกินไป และปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลแมวได้อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้แมวเบอร์แมนเป็นแมวที่ต้องการความใส่ใจทั้งการดูแลขน ก

เบอร์มิลลา

แมวเบอร์มิลลาเป็นแมวขนาดกลางขนสั้นที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง โดยแมวเพศผู้จะดูกำยำอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่แมวเพศเมียจะดูสง่างามและสะโอดสะองกว่า เจ้าแมวเบอร์มิลลามีรูปทรงหัวที่ค่อนข้างกลม ใบหน้าเรียว ใบหูกว้าง ตาโตเป็นรูปทรงอัลมอนด์หลากหลายสีได้ตั้งแต่สีทองไปจนถึงสีเขียว ถ้าจะพูดถึงลักษณะขนของแมวพันธุ์นี้ จะเป็นขนสั้นเรียงตัวแน่น

โดยที่ขนชั้น undercoat มีสีอ่อน ปลายขนสีเข้ม ทำให้สีขนดูเงางามคล้ายสีเงิน ซึ่งเสริมความโดดเด่นให้กับสีขนเข้มบริเวณรอบดวงตาและลวดลายคล้ายตัว M บริเวณหน้าผาก ทั้งนี้ลักษณะลวดลายและสีของแมวเบอร์มิลล่ายังถือว่ามีความจำเพาะ ดังนั้นจะมาเป็นแมวเบอร์มิลล่าเหมือนกันไม่ได้ ถ้าไม่ใช่สีหรือลวดลายที่กำหนดไว้

 

The need-to-know

 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เป็นมิตรแต่รักอิสระ
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
บุคลิกภาพ

แมวพันธุ์เบอร์มิลลาเป็นแมวที่ขี้เล่นและชอบเข้าสังคม สามารถเข้ากับสัตว์เลี้ยงอื่นในบ้านได้ดี รวมถึงเด็ก ๆ ที่ปฏิบัติตัวกับแมวอย่างเหมาะสม แมวเบอร์มิลลาจะมีนิสัยที่คล้ายกับลูกแมวถึงแม้ว่าจะโตแล้ว และถึงแมวพันธุ์นี้จะมีนิสัยเป็นมิตร แต่ก็มีความเป็นอิสระ สามารถใช้ชีวิตตัวเดียวได้บ้างโดยที่ไม่เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของมากเกินไป

 

ประวัติและต้นกำเนิด

แมวพันธุ์เบอร์มิลล่าเป็นพันธุ์แมวที่เกิดขึ้นมาด้วยความบังเอิญ จากการผสมกันระหว่างพ่อแมวพันธุ์ชินชิล่าและแม่แมวพันธุ์เบอร์มีส ในสหราชอาณาจักรช่วงปี 1980’s ตอนต้น โดยลูกแมวที่เกิดมาทั้งสี่ตัวดึงดูดสายตาผู้คนด้วยลักษณะสีขนและแต้มสีขน จึงทำให้หลังจากนั้นมีการเพาะพันธุ์แมวพันธุ์นี้มากขึ้น

 

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีรสนิยมเฉพาะตัว ในเรื่องการกินก็มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับสารอาหารทั้งหมด 41 ชนิด ซึ่งจะได้รับทางการกินอาหารเท่านั้น โดยสัดส่วนความต้องสารอาหารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละตัว ขึ้นกับอายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพโดยรวม

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกแมววัยกำลังซนจะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นแล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงหุ่นของแมวให้มีหุ่นที่ดีเสมอ โดยปริมาณการให้อาหารสามารถพิจารณาตามวิธีการให้อาหารของแต่ละผลิตภัณฑ์ และสามารถปรับปริมาณการให้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารแห้งก็ตาม

ข้อมูลอื่นๆ

ลักษณะนิสัย

 

แมวพันธุ์เบอร์มิลลาเป็นแมวที่ขี้เล่นและชอบเข้าสังคม สามารถเข้ากับสัตว์เลี้ยงอื่นในบ้านได้ดี รวมถึงเด็ก ๆ ที่ปฏิบัติตัวกับแมวอย่างเหมาะสม แมวเบอร์มิลลาจะมีนิสัยที่คล้ายกับลูกแมวถึงแม้ว่าจะโตแล้ว และถึงแมวพันธุ์นี้จะมีนิสัยเป็นมิตร แต่ก็มีความเป็นอิสระ สามารถใช้ชีวิตตัวเดียวได้บ้างโดยที่ไม่เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของมากเกินไป

 

ประวัติความเป็นมา

 

แมวพันธุ์เบอร์มิลล่าเป็นพันธุ์แมวที่เกิดขึ้นมาด้วยความบังเอิญ จากการผสมกันระหว่างพ่อแมวพันธุ์ชินชิล่าและแม่แมวพันธุ์เบอร์มีส ในสหราชอาณาจักรช่วงปี 1980’s ตอนต้น โดยลูกแมวที่เกิดมาทั้งสี่ตัวดึงดูดสายตาผู้คนด้วยลักษณะสีขนและแต้มสีขน จึงทำให้หลังจากนั้นมีการเพาะพันธุ์แมวพันธุ์นี้มากขึ้น

 

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ

 

แมวพันธุ์เบอร์มิลลา อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้ได้ 

 

  • Polycystic kidney disease เป็นภาวะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งก่อให้เกิดถุงน้ำในไต ส่งผลต่อการทำงานของไต ไปจนถึงอาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในแมวพันธุ์นี้ถือว่าน้อยกว่าในแมวพันธุ์อื่นที่มีความเสี่ยงสูง
  • Burmese head defect เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโต ทำให้โครงสร้างใบหน้าและกะโหลกผิดปกติ

 

การเลี้ยงระบบเปิด หรือระบบปิด

 

แมวเบอร์มิลล่าสามารถสนุกไปกับพื้นที่สวนที่ปลอดภัยหรือทางเดินที่ทำสำหรับแมวโดยเฉพาะ ซึ่งมีกิ่งก้านให้ปีนป่าย มีทางลาดให้เดิน และมีพื้นที่ให้อาบแดด จะช่วยให้น้องแมวสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ต้องระวังนิสัยที่เป็นมิตร ไปไหนไปกันของแมวพันธุ์นี้ โดยไม่ควรปล่อยน้องแมวไว้นอกบ้านเพียงลำพัง เพราะอาจทำให้น้องโดนโจรลักพาตัวไปหรือตัวน้องแมวเองอาจจะหนีเที่ยวก็เป็นได้

 

อุปกรณ์เสริมทักษะและความต้องการเฉพาะตัว

 

ถึงแม้นิสัยโดยทั่วไปของแมวพันธุ์นี้จะค่อนข้างเป็นแมวชิล ๆ ชอบความผ่อนคลาย แต่ว่าแมวเบอร์มิลลาก็ยังมีนิสัยแอคทีฟและขี้เล่นอีกด้วย ซึ่งน้องสามารถสนุกไปกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เกมทั่วไป เกมไขปัญหา การเล่นปีนป่ายต้นไม้แมว หรือแม้กระทั่งยิมส์แมวที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องเล่นสำหรับแมว ให้แมวสามารถปีน กระโดด และเล่นได้ ยิ่งถ้าคุณเจ้าของมาเล่นด้วยก็จะยิ่งทำให้เจ้าแมวเบอร์มิลล่ามีความสุขและรู้สึกอิ่มเอมใจสุด ๆ ไปเลย นอกจากนี้ยังสามารถฝึกแมวเบอร์มิลลาได้ด้วยการใช้ clicker ซึ่งการฝึกมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการฝึกเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงการฝึกพฤติกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงได้

 

แมวพันธุ์นี้กับเด็ก

 

แมวพันธุ์เบอร์มิลลามีศักยภาพในการเป็นสมาชิกครอบครัวผู้น่ารักได้ไม่ยากเลย แมวพันธุ์นี้ชอบที่จะได้ใช้เวลากับเจ้าของและเล่นด้วยกัน แต่ในทางกลับกันก็สามารถเพลิดเพลินกับการอยู่ตัวเดียวได้ นอกจากนี้อีกสิ่งที่เหมือนกับแมวทั่วไปเลยคือ คนที่จะมาเล่นกับแมวพันธุ์นี้ควรอยู่ในช่วงวัยโตพอที่จะเข้าใจ ให้เกียรติ และเล่นกับน้องแมวอย่างนุ่มนวลได้ แมวพันธุ์นี้เหมาะกับการอยู่อาศัยในบ้านที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย มากกว่าบ้านที่มีบรรยากาศยุ่งวุ่นวาย

 

ชินชิล่า

แมวชินชิล่าเป็นแมวที่มีลักษณะเป็นแมวเปอร์เซียที่มีสีจำเพาะ โดยมีความเหมือนกับแมวเปอร์เซียตรงที่มีขนยาวสลวยและตากลมโต แต่ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นเปอร์เซีย แมวชินชิล่าก็ยังมีจุดแตกต่างจากแมวเปอร์เซียตรงที่มีโครงสร้างขนาดปานกลาง มีส่วนจมูกและปากยาวกว่า โดยรวมแล้วจะดูตัวเล็กกว่าแมวเปอร์เซีย อีกทั้งยังมีร่างกายกำยำ ดูแข็งแรง และยังมีอุ้งเท้าโต ๆ ลำตัวแน่น ๆ อีกด้วย

 

The need-to-know

 

  • แมวสงบ
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวเงียบ
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
บุคลิกภาพ

ถ้าให้นึกบรรยากาศรอบตัวของแมวพันธุ์นี้ก็คงนึกถึงบรรยากาศที่เงียบและสงบ แมวชินชิล่าเป็นแมวที่ไม่ค่อยจะแอคทีฟสักเท่าไหร่ รวมไปถึงเป็นแมวที่ไม่ได้เรียกร้องอะไรกับเจ้าของมาก แต่ก็ไม่ได้หมายว่าแมวพันธุ์นี้จะไม่รักเจ้าของนะ เจ้าชินชิล่าเป็นแมวที่มีความซื่อสัตว์และรักเจ้าของมาก อีกทั้งชอบที่จะได้ใช้เวลากับเจ้าของอีกด้วย เพียงแต่ว่าเป็นแมวที่ไม่ค่อยชอบลุกขึ้นมาออกกำลังกาย เลยออกแนวเป็นแมวขี้เกียจไปบ้าง ดังนั้นจึงจะต้องใช้ของล่อตาล่อใจเพื่อให้น้องแมวพันธุ์นี้ได้ออกมาเล่น และถึงจะดูไม่ค่อยชอบออกไปไหนแต่การทิ้งแมวชินชิล่าไว้ที่บ้านเพียงลำพัง ก็อาจจะเหงาเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามแมวพันธุ์นี้ก็ยังพอเข้ากับสัตว์ตัวอื่นที่บ้านได้ดีถ้าหากได้เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก

โดยรวมแล้วแมวพันธุ์นี้ชอบการได้นอนกอดเจ้าของ นอนให้เจ้าของแปรงขน หรือให้คุณเจ้าของเอาใจ มากกว่าการได้ทำกิจกรรมที่อึกทึกคึกโครม ดังนั้นถ้าจะคาดหวังกิจกรรมโลดโผนหรือพวกกิจกรรมที่มีความซับซ้อนจากแมวพันธุ์นี้ก็คงยากหน่อยล่ะ

ประวัติและต้นกำเนิด

แมวชินชิล่าเป็นแมวที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์จากแมวเปอร์เซียตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 โดยเป็นการคัดเลือกพันธุ์จากสี และได้ชื่อมาจากสัตว์ฟันแทะที่มีขนนุ่มสุด ๆ อย่างเจ้าชินชิล่า ที่มีลักษณะขนหนาสีขาวปลายเข้ม ทำให้ดูเป็นประกายสีเงินดึงดูดสายตาผู้คน

แมวชินชิล่าได้ชื่อว่าเป็นแมวพันธุ์แรก ๆ ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาด้วยการคัดเลือกจากสีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันผู้พัฒนาสายพันธุ์ก็ได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง ลักษณะนิสัย รวมไปถึงสภาวะสุขภาพด้วยเช่นกัน

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีรสนิยมเฉพาะตัว ในเรื่องการกินก็มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับสารอาหารทั้งหมด 41 ชนิด ซึ่งจะได้รับทางการกินอาหารเท่านั้น โดยสัดส่วนความต้องสารอาหารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละตัว ขึ้นกับอายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพโดยรวม

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกแมววัยกำลังซนจะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นแล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงหุ่นของแมวให้มีหุ่นที่ดีเสมอ โดยปริมาณการให้อาหารสามารถพิจารณาตามวิธีการให้อาหารของแต่ละผลิตภัณฑ์ และสามารถปรับปริมาณการให้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารแห้งก็ตาม

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


แมวพันธุ์ชินชิล่าจัดว่าอยู่ในกลุ่มแมวพันธุ์หน้าสั้น ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่เป็นโรคเหล่านี้ ได้แก่

 

  • กลุ่มโรคทางเดินหายใจในสัตว์พันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic obstructive airway syndrome) เป็นภาวะที่มักพบในสัตว์พันธุ์หน้าสั้น เนื่องจากลักษณะโครงสร้างทางเดินหายใจที่พับไปมา ร่วมกับการมีหน้าสั้น ทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นได้ง่าย ส่งผลให้ความสามารถในการออกกำลังกายลดลง ไปจนถึงอาจทำให้มีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงได้
  • ภาวะผิวหนังอักเสบ/ติดเชื้อ (Skin inflammation/infection) เนื่องจากแมวพันธุ์หน้าสั้นยังคงมีปริมาณผิวหนังเท่ากับในแมวปกติ แต่ด้วยหน้าที่สั้น ทำให้มีผิวหนังส่วนเกินทั้งใบหน้า เกิดเป็นพับผิวหนัง (skin fold) ซึ่งในร่องพับของผิวหนังเป็นพื้นที่ที่อาจเกิดการระคายเคือง ไปจนถึงเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าผิวหนังปกติ
  • แผลหลุมที่ตา (Eye ulcers) มีลักษณะเป็นแผลหลุมบนผิวดวงตาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับแมวเป็นอย่างมาก ในแมวพันธุ์หน้าสั้นมักพบแผลหลุมที่ตาเนื่องจากลักษณะตาโปน ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ
     

    นอกจากนี้ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะมีภาวะดังนี้

     

  • Polycystic kidney disease เป็นภาวะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งก่อให้เกิดถุงน้ำในไต ส่งผลต่อการทำงานของไต ไปจนถึงอาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้

     

การเลี้ยงระบบเปิด หรือระบบปิด


แมวชินชิล่าก็สามารถสนุกไปกับพื้นที่นอกบ้านได้เช่นกัน ดังนั้นพื้นที่สวนที่ปลอดภัยหรือการเข้าถึงพื้นที่ปิดสำหรับน้องแมวก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์จุดนี้ได้ อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นแมวที่เป็นมิตร เป็นแมวเฉื่อย ไม่ค่อยปราดเปรียว ก็มีโอกาสตกเป็นเป้าของโจรขโมยแมวได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยน้องอิสระในพื้นที่เปิดขณะที่ไม่มีคนคอยเฝ้าอยู่ โดยคุณเจ้าของสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่สวนปลอดภัยสำหรับน้องแมวได้จากบทความของเรา

 

อุปกรณ์เสริมทักษะและความต้องการเฉพาะตัว


ด้วยความรักในการอยู่เฉย ๆ ทำให้กิจกรรมของเจ้าแมวชินชิล่าอาจต้องสนุกไปพร้อมกับการมีอาหารมาล่อ เช่น ของเล่นให้อาหาร ต้นไม้แมวที่แอบซ่อนอาหารไว้หลาย ๆ จุด ไปจนถึงการเล่นริบบิ้นหรือไม้ตกแมว อีกทั้งแมวพันธุ์นี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแมวยอดนักไขปริศนาในเกมต่าง ๆ ที่ซับซ้อน ดังนั้นจึงควรเลือกกิจกรรมที่เรียบง่ายและสนุก เพราะกิจกรรมที่ยุ่งยากนั้นอาจทำให้แมวพันธุ์นี้หงุดหงิดหรือถอดใจไปเลยก็ได้

 

แมวพันธุ์นี้กับเด็ก


แมวชินชิล่าเป็นแมวที่รักความเงียบสงบ ดังนั้นจึงเหมาะกับบ้านที่สมาชิกในบ้านค่อนข้างโตเป็นวัยรุ่นแล้ว ไม่มีเด็กเล็ก

รากามัฟฟิน

รากามัฟฟิน ชื่อนี้ได้มาเพราะความก้อนกลมโตน่ารักที่เหมือนกับมัฟฟิ่น โดยลักษณะแล้ว แมวพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดใหญ่ ตัวแน่น โครงร่างเป็นทรงคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า อกกว้าง มีความทรงพลัง แต่ก็มีใบหน้าน่ารัก ด้วยรูปตาที่เป็นทรงคล้ายลูกวอลนัท ใบหูมีขนปกคลุม ท่าทีดูสง่างาม มาพร้อมกับขนกึ่งยาว (semi-long coat) ที่มีสัมผัสนุ่มฟู เสริมไปด้วยแผงคอยาวสลวย ขนหางฟู ๆ และอุ้งเท้าฟูนุ่ม

 

The need-to-know
 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
บุคลิกภาพ

แมวพันธุ์รากามัฟฟินเป็นแมวที่เต็มไปด้วยความรักเจ้าของและความเป็นมิตร เวลาโดนอุ้ม ก็เรียกได้ว่าพร้อมทิ้งตัวให้โดนอุ้มเสมอ อีกทั้งเจ้ารากามัฟฟินยังเป็นสมาชิกครอบครัวคนเก่ง ที่ชอบให้คนในบ้านมาลูบพุง ให้นอนตัก นอนกอด หรืออะไรก็ตามที่คนมาทำให้ แมวตัวนี้ก็ชอบไปหมดซะทุกอย่างเลย โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเจ้าของทำให้เท่านั้น แต่จะเป็นใครก็ได้ที่อยากมาเล่นกับเจ้าแมวพันธุ์นี้ น้องจึงได้สมญา “เจ้าแมวตีนตุ๊กแก” (Velcro Cat) เพราะความรักคนสุดๆนี่เอง นอกจากนี้รากามัฟฟิน ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงอื่น ผู้มาเยือน และยังชอบออกไปเที่ยว ทำให้การเดินเล่นไปกับเจ้าของก็เป็นสิ่งที่แมวพันธุ์นี้ทำได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอก็คือกว่าน้องจะโตเต็มที่ อาจต้องเวลาถึง 4 ปี ซึ่งหมายความว่า วัยเด็กของเจ้าแมวพันธุ์นี้ที่ยังคงความขี้เล่นซุกซนนุ่มฟูจะยังคงอยู่นานกว่าแมวทั่วไป

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่ารากามัฟฟินสามารถเข้ากันได้ดีกับทุกคน รวมถึงเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นด้วย น้องเป็นแมวที่ขี้เล่น สนุกสนาน และฉลาดในการเล่นเกมแก้ปัญหา แต่บางทีถ้าน้องไม่เล่น ก็อาจเกิดจากความขี้เกียจด้วยส่วนหนึ่ง แต่ใครจะอดใจไม่เล่นกับเจ้ารากามัฟฟินได้ล่ะ ก็น้องน่ารักขนาดนี้ นอกจากนี้เจ้ารากามัฟฟินยังเป็นแมวฉลาดแสนรู้ที่สามารถสอนให้น้องคาบของมาให้หรือสอนให้เล่นอะไรที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ และด้วยความที่เป็นน้องแมวนิ่ง ๆ รากามัฟฟินยังต้องการกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกับเจ้าของ นอกเหนือไปจากการเล่นแบบปกติ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการกิจกรรมและทำให้น้องเล่นกิจกรรมต่อไปได้ เพื่อคงสุขภาพที่ดีเอาไว้

 

ประวัติและต้นกำเนิด

แมวพันธุ์รากามัฟฟินเป็นแมวที่มีความใกล้ชิดกับแมวพันธุ์แร็กดอลล์ โดยรากามัฟฟินนั้นเกิดขึ้นมาในขณะที่นักปรับปรุงพันธุ์ต้องการปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ได้น้องแมวสีใหม่ ลวดลายแบบใหม่ รวมถึงต้องการเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมของแมวลักษณะนี้ เนื่องจากแต่เริ่มเดิมทีนั้นนักปรับปรุงพันธุ์แมวแร็กดอลล์นั้นเข้มงวดกับการคัดเลือกพันธุ์ให้ได้ลักษณะจำเพาะประจำพันธุ์ ความหลากหลายทางพันธุกรรมจึงมีไม่มาก และด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง จึงทำให้น้องแมวพันธุ์รากามัฟฟินได้ถือกำเนิดขึ้น

ในกระบวนการปรับปรุงพันธุ์จะมีวิธีการผสมแบบข้ามพันธุ์ อย่างเช่น การผสมแมวพันธุ์หิมาลายัน เปอร์เซีย และน้องแมวเลี้ยงขนยาวพันธุ์อื่น ๆ จนได้มาเป็นเจ้าแมวพันธุ์ใหญ่ที่มีขนกึ่งยาวหลากสีพันธุ์นี้ขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังแถมมาด้วยลักษณะนิสัยสุดชิล ซึ่งความสุด ๆ ของเจ้าแมวพันธุ์นี้ก็คือนิสัยปล่อยใจปล่อยจอย ชนิดที่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยู่ในความคิดของเจ้าแมวพันธุ์นี้

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีรสนิยมเฉพาะตัว ในเรื่องการกินก็มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับสารอาหารทั้งหมด 41 ชนิด ซึ่งจะได้รับทางการกินอาหารเท่านั้น โดยสัดส่วนความต้องสารอาหารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละตัว ขึ้นกับอายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพโดยรวม

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกแมววัยกำลังซนจะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นแล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงหุ่นของแมวให้มีหุ่นที่ดีเสมอ โดยปริมาณการให้อาหารสามารถพิจารณาตามวิธีการให้อาหารของแต่ละผลิตภัณฑ์ และสามารถปรับปริมาณการให้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารแห้งก็ตาม

การควบคุมอาหารและน้ำหนักในแมวรากามัฟฟินเป็นสิ่งที่ควรจับตาดูไว้ตลอดเวลา เนื่องจากความที่น้องเป็นแมวเฉื่อย ทำให้มีโอกาสอ้วนได้ง่าย ดังนั้นก็อย่าลืมให้เจ้ารากามัฟฟินออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าเจ้าแมวติดบ้านของเราตัวนี้จะไม่มีน้ำหนักบานปลายจนเกินไป

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลรายงานความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของแมวพันธุ์รากามัฟฟิน

 

อุปกรณ์เสริมทักษะและความต้องการเฉพาะตัว


การสร้างแรงจูงใจให้เจ้ารากามัฟฟินสามารถทำได้โดยการใช้อาหารมาล่อ อย่างเช่นการใช้ของเล่นให้อาหารลับสมอง หรือการสอดแทรกกิจกรรมลับสมองไปกับการควบคุมอาหารของน้องในแต่ละวัน ซึ่งการจัดการอาหารสำหรับแมวพันธุ์นี้นั้น ควรมีการแบ่งมื้อและคำนวณพลังงานให้เหมาะสม ไม่ควรให้แบบไม่จำกัด เพราะเจ้าแมวพันธุ์นี้คือนักกินตัวยง

อาจมีต้นไม้แมว (cat-tree) ไว้ในบ้าน รวมถึงมุมพักผ่อนหย่อนใจ หรือมุมรับแดด เพราะรากามัฟฟินชอบที่จะนอนเอื่อยอยู่ใต้แสงแดด หรือมุดหาที่อบอุ่นในฤดูหนาว อีกทั้งการมีกิจกรรมประจำวันเล็ก ๆ อย่างเช่น การเล่นไล่จับของเล่น การเล่นไม้แมว ก็เป็นสิ่งที่ทำให้น้องแมวพันธุ์นี้ได้เคลื่อนไหว ทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

 

การเลี้ยงระบบเปิด หรือระบบปิด


รากามัฟฟินเป็นแมวที่พอจะทนใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นในบางอารมณ์ก็อาจสนุกไปกับกิจกรรมนอกบ้านได้เช่นกัน ซึ่งควรมีพื้นที่สวนปลอดภัยสำหรับน้องแมว และมีทางเดินสำหรับแมวโดยเฉพาะให้เข้าถึงได้ น้องแมวพันธุ์นี้จริง ๆ แล้วเป็นแมวที่ชิลเกินกว่าจะออกไปผจญภัย ซึ่งถ้าน้องหายตัวไปก็เป็นไปได้ว่า น้องอาจไปอยู่บนรถตู้แล้วหรือไม่ก็ได้เดินทางไปไกลแล้ว ไปกับคนที่เจ้ารากามัฟฟินเคยโปรยเสน่ห์เอาไว้นี่แหละมาพาตัวไป แต่ในทางที่ดีที่สุดนั้น คือ ควรเก็บน้องไว้เป็นแมวในบ้าน เพราะน้องแมวที่เชื่อใจใครง่ายแบบนี้ อาจจะไปติดกับผู้ล่าเข้าก็เป็นได้

 

แมวพันธุ์นี้กับเด็ก


แมวพันธุ์รากามัฟฟินเป็นแมวที่มีนิสัยชิลสุด ๆ จนถึงขั้นที่ทำให้แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่อยู่ร่วมกับครอบครัวได้ทุกรูปแบบ สามารถอยู่ได้แม้แต่ในบ้านที่วุ่นวาย แต่ทั้งนี้การใส่ใจไม่ให้เด็กในบ้านมาข่มน้องแมวหรือแสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมต่อน้องแมวก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งถ้าเหตุการณ์ที่ว่ามานั้นไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านของคุณ รวมถึงคุณพร้อมมีเวลาให้น้องเสมอ ทั้งเวลาเล่นและเวลาแต่งขน จะทำให้รากามัฟฟินของคุณจะเป็นสมาชิกครอบครัวที่วิเศษสุด ๆ ไปเลย

 

การหาบ้านใหม่ให้เหมาะกับรากามัฟฟิน


ต้องบอกว่าแมวพันธุ์รากามัฟฟินเป็นแมวที่แทบไม่เคยถูกเจอในสถานรับเลี้ยงสัตว์เลย แต่อย่างไรก็ตามคุณอาจจะเป็นคนโชคดีคนนั้นที่ได้เจอรากามัฟฟินที่ต้องการบ้านใหม่ ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปว่าเจ้ารากามัฟฟินนั้นเป็นแมวสุดพิเศษที่เข้าได้กับครอบครัวทุกรูปแบบ แต่ก็เพราะด้วยนิสัยที่เข้ากับคนได้ดีเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้แมวพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาให้ หรือแม้กระทั่งยุ่งมากเกินไปจนไม่อยู่บ้านเลยเป็นเวลานาน

ทั้งที่แท้จริงแล้วแมวพันธุ์นี้ไม่ใช่แมวที่มีความต้องการอะไรมากนัก แต่น้องก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ตัวเดียว ซึ่งก็มีข้อพิสูจน์มาแล้วว่าการทิ้งน้องให้อยู่ตัวเดียวมาเป็นระยะเวลานานสามารถทำให้น้องเครียดจนป่วยได้ ดังนั้นก่อนที่จะรับมาเลี้ยงควรมีการปรึกษาองค์กรรับเลี้ยงสัตว์ เพื่อศึกษาลักษณะนิสัยของน้องแมวก่อนการรับเลี้ยง

ออสเตรเลียน มิสต์

แมวพันธุ์ออสเตรเลียน มิสต์เป็นแมวขนาดกลางที่มีรูปลักษณ์น่าหลงไหล มาพร้อมกับใบหน้ากลมโต ตาคม มีรูปร่างและหุ่นสมส่วน ดูพอดีไปหมด บวกกับลักษณะหน้าตาเป็นมิตร ส่วนขนของแมวพันธุ์นี้จะเป็นขนสั้น แน่น และเงางาม มีลวดลายสีอ่อน ดูนุ่มนวล จนบางทีก็กลมกลืนไปกับพื้นขน เสริมลุคให้แมวพันธุ์นี้สวยเตะตาคนได้ไม่ยาก อีกทั้งสีตาของเจ้าแมวออสเตรเลียน มิสต์ เป็นตาสีเขียว มีได้หลายเฉดขึ้นกับแมวแต่ละตัว

 

The need-to-know

 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
บุคลิกภาพ

แมวพันธุ์ออสเตรเลียน มิสต์เป็นพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่า เต็มไปด้วยความรักและมีความสุขในการอยู่ร่วมกับผู้คน รวมไปถึงเข้ากับสัตว์อื่นได้ดี ทำให้แมวพันธุ์นี้สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวได้ไม่ยาก

 

ประวัติและต้นกำเนิด

ประเทศต้นกำเนิด : ออสเตรเลีย

 

ชื่ออื่น ๆ : สป็อตเต็ด มิสต์ (Spotted mist)

 

แมวพันธุ์ออสเตรเลียนมิสต์ เป็นแมวที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาในช่วงปี 1970s ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ได้แก่ เบอร์มีส อะบิสซิเนียน และโดเมสติก ชอร์ตแฮร์ จนเกิดเป็นแมวลายจุดพันธุ์นี้ขึ้นมา ทำให้แต่เริ่มเดิมทีเจ้าออสเตรเลียน มิสต์ จึงถูกเรียกว่า สป็อตเต็ด มิสต์ (Spotted mist) หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นลวดลายแบบต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนขึ้น รวมถึงลวดลายคล้ายลายหินอ่อน เจ้าแมวพันธุ์นี้จึงถูกเปลี่ยนชื่อพันธุ์ไปเป็น ออสเตรเลียน มิสต์ในปี 1998 โดยในปัจจุบัน ที่สหราชอาณาจักร รวมถึงยุโรป ยังมีแมวออสเตรเลียน มิสต์ไม่มากนัก แต่การพัฒนาสายพันธุ์ก็ยังดำเนินต่อไป เพื่อให้แมวพันธุ์นี้เป็นที่ยอมรับในองค์กรรับรองสายพันธุ์ต่าง ๆ

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีรสนิยมเฉพาะตัว ในเรื่องการกินก็มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และสิ่งที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับสารอาหารทั้งหมด 41 ชนิด ซึ่งจะได้รับทางการกินอาหารเท่านั้น โดยสัดส่วนความต้องสารอาหารนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละตัว ขึ้นกับอายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาวะสุขภาพโดยรวม ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกแมววัยกำลังซนจะมีความต้องการสารอาหารแตกต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ค่อยวิ่งเล่นแล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงหุ่นของแมวให้มีหุ่นที่ดีเสมอ โดยปริมาณการให้อาหารสามารถพิจารณาตามวิธีการให้อาหารของแต่ละผลิตภัณฑ์ และสามารถปรับปริมาณการให้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารแห้งก็ตาม

 

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพโดยรวมแข็งแรง


แมวพันธุ์ออสเตรเลียน มิสต์ อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้ได้

Pyruvate kinase deficiency ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง จากการตายของเม็ดเลือดแดง
ภาวะจอประสาทตาเสื่อม (Progressive retinal atrophy) เป็นความผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม และในที่สุดอาจส่งผลให้ตาบอดได้
Burmese head defect เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโต ทำให้โครงสร้างใบหน้าและกะโหลกผิดปกติ

 

การเลี้ยงระบบเปิด หรือระบบปิด


การมีพื้นที่กลางแจ้งบางส่วนในรูปแบบสวนที่ปลอดภัยสำหรับน้องแมว สนามวิ่งเล่นสำหรับแมว หรือห้องปิดกลางแจ้งก็คงดีไปเลยสำหรับน้องแมวพันธุ์นี้ ออสเตรเลียนมิสต์สนุกไปกับการได้ปีนป่ายขึ้นไปอาบแดด หรือสอดส่องความเป็นไปภายในบ้าน แต่อย่างไรก็ดีด้วยหน้าตาที่น่ารัก ดึงดูดผู้คน ก็มีความเสี่ยงที่จะโดนลักพาตัวไปได้เช่นกัน ฉะนั้นก็อย่าทิ้งน้องแมวไว้กลางแจ้งโดยที่ไม่มีคนเฝ้าดูล่ะ

 

อุปกรณ์เสริมทักษะและความต้องการเฉพาะตัว


กิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ของเล่น ลูกบอล อุปกรณ์ให้อาหารลับสมองน้องแมว หรือใด ๆ ก็ตาม เป็นสิ่งที่เจ้าแมวออสเตรเลียน มิสต์ชอบ แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบการนั่งบนตักดูทีวีไปกับคุณเจ้าของ หรือการได้คอยขัดขวางคุณเจ้าของ เวลาจะทำงาน แมวพวกนี้จริงจังกับการนอนบนตักพอ ๆ กับการเล่นไม้แมวเลยทีเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วปัจจัยสำคัญที่สร้างความสุขใจให้กับน้องแมวพันธุ์นี้ก็คือการได้ใช้เวลากับคุณเจ้าของนั่นเอง

 

การเป็นสมาชิกครอบครัว


แมวออสเตรเลียน มิสต์ เป็นแมวที่ชอบบรรยากาศครอบครัวที่ผ่อนคลาย ตราบใดที่ยังมีคนอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา เพราะเป็นแมวที่ชอบใช้เวลาอยู่กับคน และจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากสมาชิกในบ้านเป็นเด็กที่ค่อนข้างโตพอจะเข้าใจและเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของน้องแมว