Machine Name
dog
เวลช์ คอร์กี้ (เพ็มโบรค)

เป็นที่รู้จักกันดีถึงขนาดที่กะทัดรัด ยืนสี่เท้าด้วยความมั่นคง พร้อมกับลำตัวใกล้ชิดผืนดิน เป็นจุดเด่นของสุนัขพันธุ์เพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ ที่ดึงดูดผู้คนด้วยหน้าตาละม้ายคล้ายสุนัขจิ้งจอก มาพร้อมกับขนเส้นตรง ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป เรียงตัวกันแน่น โดยไม่มีขนอ่อนหรือขนหยิกเข้ามาแทรกเลย

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่้เคยเลี้ยงสุนัขมาบ้าง
  • ต้องฝึก
  • ชอบเดินเป็นประจำ
  • ชอบเดินวันละ 1-2 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดกลาง
  • น้ำลายไหลให้น้อยที่สุด
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขช่างพูดและช่างเห่า
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่าและเตือน
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • สุนัขครอบครัวที่ดี
อายุเฉลี่ย :
12-15 ปี
น้ำหนัก :
9-12 กิโลกรัม
ส่วนสูง :
25-30 เซนติเมตร
สีขน :
red, sable, fawn, black และ tan โดยอาจมีแต้มสีขาวร่วมด้วย
ขนาดตัว :
เล็ก
กลุ่มโดยอ้างอิงจาก UK Kennel Club :
Pastoral
บุคลิกภาพ

สุนัขพันธุ์เพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ เป็นสุนัขที่รักเจ้าของมาก จนในบางครั้งถ้าเป็นคนอื่นนอกจากเจ้าของแล้วก็อาจจะไม่สนใจไปเลย แต่นิสัยโดยรวมก็เป็นสุนัขที่ค่อนข้างเชื่องและตื่นตัวอยู่เสมอ มาพร้อมกับขนาดตัวเล็ก ซึ่งจริง ๆ แล้วดูเหมือนจะเป็นสุนัขตัวใหญ่ที่ขาสั้นมากกว่าที่จะเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก

 

เป็นสุนัขที่มีความกล้า น่ารักเป็นมิตร เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย รักเจ้าของมาก และยังทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังชอบที่จะได้เล่นกับสมาชิกในครอบครัว ซึ่งคงจะดีหากมีกิจกรรมให้สุนัขพันธุ์นี้ได้เล่นด้วยกันบ่อย ๆ และจุดสำคัญที่ลืมไปไม่ได้เลยคือสุนัขเพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ เป็นสุนัขที่มีเชื้อสายมาจากสุนัขต้อนฝูงสัตว์ และด้วยจิตวิญญาณนั้นของเจ้าคอร์กี้ก็เลยอาจจะอยากต้อนฝูงคนและฝูงเด็กไปด้วยเหมือนกัน

ประวัติและต้นกำเนิด

เพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นสุนัขทรงเลี้ยงของพระราชีนีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะสุนัขต้อนฝูงวัว โดยเชื่อว่าเริ่มแรกนั้น สุนัขเพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ ถูกพาเข้ามาสู่เวลส์ โดยช่างทอผ้าชาวเฟลมิช ทำงานเป็นสุนัขต้อนฝูงวัวขนาดเล็กจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แค่ระยะสั้น ๆ แต่อาจใช้ระยะเวลาเป็นวันในการเดินทาง ซึ่งถ้าไม่แข็งแกร่งจริงก็คงจะทำงานนี้ไม่ได้ แต่เจ้าเพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ก็ทำมาแล้ว นอกจากนี้เมื่อก่อนผู้คนเชื่อว่าสุนัขคอร์กี้มีอยู่เพียงคอร์กี้ชนิดเดียว แต่เพิ่งมีการแยกเป็นพันธุ์เพ็มโบรค คอร์กี้ และพันธุ์แคนาเดียน คอร์กี้ เมื่อปี 1934

โภชนาการและการให้อาหาร

การจัดการอาหารให้กับสุนัขควรมีการควบคุมระดับของพลังงานและสารอาหารให้เหมาะสมต่อความต้องการ ควบคู่ไปกับการวางน้ำสะอาดให้พร้อมดื่มได้ทั้งวัน นอกจากนี้ควรประเมินรูปร่างและหุ่นของสุนัขเป็นประจำ เพื่อให้สุนัขมีหุ่นที่ดี ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป โดยการให้อาหารสุนัขพันธุ์คอร์กี้ ควรแบ่งให้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้สามารถดูปริมาณการให้ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ที่สุนัขกินอยู่

การออกกำลังกาย

ด้วยความที่สุนัขพันธุ์นี้ถูกคัดเลือกพันธุ์มาเพื่อการเดินทางไกลไล่ต้อนฝูงสัตว์ ดังนั้นคอร์กี้จึงมีพละกำลังมหาศาล ขนาดที่ว่าปริมาณการออกกำลังกายต่อวันของสุนัขพันธุ์นี้ไม่ควรต่ำกว่าวันละ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าจะให้ดีเลยก็คือควรมากกว่านั้น และคอร์กี้ยังต้องการที่จะไล่ต้อนบางสิ่งอยู่เสมอ แต่ถ้าจะให้หาวัวมาเพื่อให้เจ้าคอร์กี้ไล่ต้อนก็คงจะยากเกินไป คุณสามารถเลือกใช้ลูกบอลขนาดใหญ่ “Treiball” or “sheep ball” ทดแทนฝูงสัตว์ให้สุนัขพันธุ์นี้วิ่งต้อนได้ อย่างไรก็ดีคอร์กี้อาจไม่ใช่สุนัขที่เหมาะจะเป็นคู่หูกับเจ้าของนักวิ่ง แต่ก็สามารถเป็นคู่ใจนักเดินทางไกลได้ดีเลยทีเดียว

เจ้าของในอุดมคติ

เจ้าของในอุดมคติของสุนัขพันธุ์เพ็มโบรค คือเจ้าของที่มีความเข้าใจในนิสัยและพฤติกรรมของสุนัขต้อนฝูงสัตว์ โดยเฉพาะสุนัขต้อนฝูงที่ทำหน้าที่ได้อย่างรอบด้านอย่างเจ้าคอร์กี้ เพื่อที่สุนัขจะได้อยู่ด้วยอย่างสบายใจ ควรมีกิจกรรมบางอย่างให้สุนัขได้ทำสม่ำเสมอ เพราะด้วยจิตวิญญาณของสุนัขต้อนฝูงวัวของเจ้าคอร์กี้แล้ว หากไม่มีอะไรทำก็อาจจะไปทำหน้าที่ต้อนฝูงคนหรือฝูงเด็กแทน ซึ่งถ้าเราไม่เชื่อฟังนักต้อนฝูงผู้นี้ล่ะก็เราอาจจะได้รอยขบกัดประทับที่ข้อเท้าของเราก็เป็นได้

ข้อมูลอื่นๆ

มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง

 

โดยทั่วไป สุนัขเพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ เป็นสุนัขที่มีร่างกายแข็งแรง แต่ก็อาจเสี่ยงที่จะมีโรคเหล่านี้ได้เช่นกัน ภาวะความเสื่อมของไขสันหลัง (Degenerative myelopathy) อาจส่งผลให้เกิดการอัมพาตบริเวณช่วงขาหลัง

 

ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ

 

เพ็มโบรค คอร์กี้ เป็นสุนัขที่ไม่ต้องการพื้นที่มากนัก แต่พื้นที่ที่สุนัขพันธุ์นี้ต้องการคือพื้นที่สวนที่ปลอดภัย เพราะความสามารถพิเศษอีกอย่างของคอร์กี้คือการขุดรอบรั้วและมุดลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ออกไปได้ อีกทั้งด้วยสรีระประจำพันธุ์ที่มีลำตัวยาวแต่ขาสั้น จึงควรระวังเรื่องการขึ้น-ลงบันไดของสุนัขพันธุ์นี้ด้วย โดยควรหลีกเลี่ยงการใช้บันไดในสุนัขวัยเด็ก และเมื่อสุนัขโตเต็มวัยก็อาจใช้บันไดได้บ้าง แต่ก็ควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น สุนัขคอร์กี้ยังเป็นสุนัขที่อยู่ได้ทั้งในพื้นที่เมืองและพื้นที่ชนบท แต่พฤติกรรมที่ส่งเสียงดังเมื่อรู้สึกตื่นตัว ก็อาจทำให้เหมาะสมที่จะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่หนาแน่น เพื่อป้องกันเสียงที่อาจรบกวนเพื่อนบ้านได้

 

การฝึกสุนัข

 

ขนมและสารพัดของเล่น เป็นสิ่งที่ใช้ดึงดูดสุนัขพันธุ์คอร์กี้ในการฝึกได้เป็นอย่างดี ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่พร้อมที่จะเล่นกับผู้คนเสมอ แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพก็อาจเป็นข้อกำจัดที่ทำให้ทำกิจกรรมบางอย่างไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดีคอร์กี้เป็นสุนัขที่ฉลาดมาก จึงสามารถเล่นหรือทำกิจกรรมที่มีความซับซ้อนได้

 

เพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ และการเป็นสมาชิกครอบครัว

 

สุนัขพันธุ์นี้เหมาะที่จะเลี้ยงในครอบครัวที่มีสมาชิกค่อนข้างโตแล้ว เพราะเป็นเรื่องธรรมดาหากเจ้าคอร์กี้จะคอยต้อนฝูงคนและขบบริเวณเท้าของคนที่ไม่เชื่อฟัง ซึ่งอาจเป็นปัญหาได้ หากในบ้านมีเด็กเล็กที่ไม่เข้าใจการขบกัดของคอร์กี้และอาจจะตอบสนองไปในแบบที่ไม่เหมาะสม หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์วิ่งไล่กันจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ดีด้วยนิสัยของคอร์กี้แล้วก็เป็นสุนัขที่เหมาะกับครอบครัวที่มักมีกิจกรรมร่วมกันบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็กแค่ไหน แต่ทั้งเด็กและสุนัขก็ควรได้รับการสอนให้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงวิธีเล่นกันอย่างปลอดภัย ซึ่งอย่างไรก็ดีไม่ว่าจะกรณีไหนก็ไม่ควรทิ้งเด็กกับสุนัขไว้เพียงลำพัง ควรมีผู้ใหญ่จับตาดูอยู่เสมอ

 

รู้หรือไม่

 

  • มีตำนานกล่าวไว้ว่าคอร์กี้เป็นสุนัขเวทมนตร์ ที่ทำงานลากเลื่อนให้กับเวลช์แฟร์รี่ คอยนำฝูงให้กับวัวของแฟร์รี่ และยังเป็นสัตว์พาหนะให้กับนักรบแฟร์รี่อีกด้วย โดยเป็นที่กล่าวกันว่าใครก็ตามที่มีดวงตาแหลมคมและหัวใจที่เปิดรับทุกสิ่งจะสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของอานสำหรับให้แฟร์รี่นั่งที่ระหว่างไหล่ของคอร์กี้
  • พระราชีนีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงเลี้ยงสุนัขคอร์กี้ตัวแรกตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ เป็นสุนัขคอร์กี้เพศผู้ ชื่อ ดู๊กกี้ (Dookie) ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ในปี 1933 และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ทรงเลี้ยง เจน (Jane) สุนัขคอร์กี้เพศเมียซึ่งได้มีลูกหลานสืบต่อมาและได้กลายเป็นประเพณีการเลี้ยงสุนัขคอร์กี้ในราชสำนักนับตั้งแต่นั้นมา
  • จนถึงทุกวันนี้ เพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ ก็ยังคงเป็นสุนัขที่เก่งเรื่องการต้อนฝูงสัตว์ และยังคงได้เข้าประกวดในการแข่งขันต้อนฝูงสัตว์ของ AKC อยู่จวบจนทุกวันนี้
  • เชื่อว่าชื่อ “คอร์กี้” มี 2 แหล่งที่มา อย่างแรกคือ คำว่า “คอร์”ในภาษาเวลช์ แปลว่าเฝ้าดู/รวบรวม และ “กี้” แปลว่าสุนัข ส่วนอีกที่มากล่าวว่า “คอร์” มีความหมายอีกอย่าง หมายถึงแคระ หรือตัวเล็ก
  • สุนัขเพ็มโบรค เวลช์ คอร์กี้ ชื่อ รูฟัส เป็นสุนัขของผู้บริหารและวิศวกรบริษัทแอมะซอน ซึ่งได้ติดตามเจ้าของมาทำงานที่บริษัททุกวัน จนกลายเป็นมาสคอตอย่างไม่เป็นทางการของบริษัทแอมะซอน
แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

ถ้าว่าด้วยเรื่องสุนัขเทอร์เรียชนิดนี้ จริง ๆ แล้วถือว่ามีสองสายพันธุ์รัสเซลเทอร์เรียที่ใกล้เคียงกันอยู่ คือ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย และ พาร์สัน รัสเซลล์ เทอร์เรีย (Parson Russell Terrier) แต่ชื่อที่เราคุ้นหูมากที่สุดค้นไม่พ้น เจ้าแจ็ค รัสเซลล์ สุนัขไซส์กะทัดรัด ตัวแน่น ที่มาพร้อมกับความร่าเริงและความกระฉับกระเฉง เจ้าเทอร์เรียสายพันธุ์นี้มีส่วนสูงเพียงแค่ 10-14 นิ้ว โดยวัดจากหัวไหล่ถึงพื้นเท่านั้น (หรือในบางตัวอาจจะตัวเล็กได้มากกว่านั้น) ซึ่งขนของสุนัขพันธุ์นี้ก็มีได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขนเส้นตรง ขนหยอง ไปจนถึงขนหยิก อีกทั้งยังมีสีหลากหลาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นขนสี white พร้อมแต้มขนสี black, สี tan หรือสีผสม

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่้เคยเลี้ยงสุนัขมาบ้าง
  • ต้องฝึก
  • ชอบเดินเป็นประจำ
  • ชอบเดินวันละ 1-2 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดเล็ก
  • น้ำลายไหลให้น้อยที่สุด
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขช่างพูดและช่างเห่า
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่าและเตือน
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • สุนัขครอบครัวที่ดี
อายุเฉลี่ย :
13-16 ปี
น้ำหนัก :
6-8 กิโลกรัม
ส่วนสูง :
25-35 เซนติเมตร
สีขน :
พบได้ทุกสี ส่วนใหญ่มักพบสี white พร้อมแต้มขนสี black/tan
ขนาดตัว :
เล็ก
กลุ่มโดยอ้างอิงจาก UK Kennel Club :
Terrier
บุคลิกภาพ

ถ้าว่าด้วยเรื่องนิสัยแล้ว จะบอกว่าเนื้อในของสุนัขพันธุ์นี้ คือ “หมาใหญ่” ในร่าง “หมาเล็ก” ก็ไม่ปาน และด้วยนิสัยแบบ “หมาใหญ่” โดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการกระพริบตาปิ๊ง ๆ หรือการสะบัดหางไปมาก็ตามที เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าแจ็ค รัสเซลล์สามารถยืนหยัดบนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข

 

สุนัขพันธุ์นี้ยังการันตีความเป็นมิตรกับผู้คน ไม่ว่าใครอยู่ด้วยก็จะต้องรู้สึกสนุกและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แถมยังแฝงไปด้วยความทะเล้นและความเจ้าเล่ห์นิด ๆ ในขณะที่เราเผลอ เจ้าแจ็ค รัสเซลล์อาจจะแอบชิมขนมที่เราเผลอวางทิ้งไว้ แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเล่นซากหนูจากสวนหลังบ้าน แล้วคาบกลับมาให้เราดู แล้วก็กลับมาแอบขโมยขนมเราใหม่ได้อีกครั้งในเสี้ยววินาที เป็นสุนัขหน้าซื่อที่คิดอะไรไว ทำอะไรไวจริง ๆ

 

โดยทั่วไป สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ไม่ใช่สุนัขที่จะสามารถทนกับความจุกจิกรุงรังหนัก ๆ ได้ และก็ไม่ได้เป็นสุนัขที่มีความยับยั้งชั่งใจมากนัก เพราะฉะนั้นสมาชิกครอบครัวที่จะอยู่ร่วมกับแจ็คคงต้องทำการบ้านในส่วนนี้เยอะสักหน่อย เพื่อที่จะสร้างสภาวะให้เหมาะสมกับความต้องการของสุนัขพันธุ์นี้ อย่างการเลี้ยงแมวร่วมกับแจ็ค รัสเซลล์ก็อาจจะไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ (และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับแมวที่สุนัขไม่คุ้นเคย ถึงแม้ว่าในบางตัวอาจจะปรับตัวได้และแยกกันอยู่ในที่สุด) และยิ่งไปกว่านั้นคือ การเลี้ยงร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ก็อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ปลอดภัยแบบสุด ๆ

ประวัติและต้นกำเนิด

ในปัจจุบันสุนัขเทอร์เรียที่มีลักษณะนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ โดยอ้างอิงจากการลงทะเบียนพันธุ์ของ Kennel Club ได้แก่ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย และ พาร์สัน รัสเซลล์ เทอร์เรีย โดยความแตกต่างของสุนัขทั้ง 2 พันธุ์นี้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือ สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย จะมีส่วนสูงน้อยกว่าและมีความกระฉับกระเฉงน้อยกว่า สุนัขพาร์สัน รัสเซลล์ เทอร์เรีย เล็กน้อย

 

สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ถือว่าเป็นพันธุ์ที่ถูกจัดระเบียบและวางมาตรฐานพันธุ์มาก่อนกาล ยาวนานกว่า 200 ปี และทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่า คุณ John Russell ผู้มีสมญา “Sporting Reverend” จะนับสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็น “แจ็ค รัสเซลล์” ในทุกวันนี้ ว่าเป็นแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย หรือไม่

 

โดยเป้าหมายตั้งต้นของ Rev. John Russel คือต้องการสุนัขเทอร์เรียที่สามารถทำหน้าที่วิ่งไล่สุนัขจิ้งจอกได้โดยที่ไม่ฆ่า รวมถึงสามารถวิ่งตามม้าได้ทัน โดยไม่ต้องตามอุ้มสุนัขไว้บนอานขณะขี่ม้า และเฉกเช่นเดียวกันกับที่เหล่านักปรับปรุงพันธุ์สุนัขจะคิด คือ Rev. John Russel ได้เล็งเห็นอีกว่าควรจะใช้สุนัขที่มีพื้นขนสีขาว เพื่อที่จะได้จำแนกออกจากสัตว์ที่ถูกล่าได้อย่างชัดเจน ป้องกันการสับสนกับเหยื่อแล้วเกิดอุบัติเหตุยิงผิด

 

โดยแทนที่จะวิ่งไล่สุนัขจิ้งจอกออกจากรัง เพื่อให้มาเป็นเป้าของสุนัขล่าเนื้อหรือลูกกระสุน สุนัขแจ็ค รัสเซลล์กลับทำหน้าที่เป็นเพื่อนคู่ใจประจำบ้าน ฟาร์ม และคอกสัตว์ มาอย่างยาวนาน โดยถ้าไม่ต้องพูดถึงลักษณะประจำพันธุ์ที่ Reverend Russell กล่าวไว้ สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย จะมีลักษณะเป็นสุนัขเทอร์เรียตัวเล็ก กินง่ายอยู่ง่าย อึดทน ฉลาด เป็นมิตรกับคน แต่เป็นอริกับแมว หนู หรือสัตว์เล็กชนิดอื่น ๆ

 

และอีกหนึ่งความแตกต่างระหว่างลักษณะพันธุ์ตาม pedigree กับลักษณะพันธุ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้คือ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ตาม pedigree จะต้องมีขนเป็นพื้นขนสีขาว พร้อมกับแถบแต้มสี black หรือสี tan ในขณะที่ถ้าเป็นลักษณะที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้จะมีสีอะไรก็ได้ตามแต่ความต้องการของผู้ปรับปรุงพันธุ์

 

บรรพบุรุษของสุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ก็ได้ชื่อว่าทำงานเป็นสุนัขล่าจิ้งจอกตลอดมา และถึงแม้ว่า Reverend Russell จะมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อตั้ง Kennel Club แต่เขาก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะผลักดันสุนัขที่เขาได้คัดพันธุ์ไว้ให้ได้ pedigree อย่างเป็นทางการ สิ่งสำคัญที่เขาต้องการคือ ลักษณะพันธุ์ที่ตอบโจทย์การทำงานของเขา และด้วยเหตุผลนี้กว่าสุนัขพันธุ์นี้จะได้รับการลงทะเบียน เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนาน แต่ระยะเวลาที่ยาวนานเหล่านั้นก็ไม่ได้ส่งผลกับความนิยมที่สุนัขพันธุ์นี้มีเลย

โภชนาการและการให้อาหาร

การจัดการอาหารให้กับสุนัขควรมีการควบคุมระดับของพลังงานและสารอาหารให้เหมาะสมต่อความต้องการ ควบคู่ไปกับการวางน้ำสะอาดให้พร้อมดื่มได้ทั้งวัน นอกจากนี้ควรประเมินรูปร่างและหุ่นของสุนัขเป็นประจำ เพื่อให้สุนัขมีหุ่นที่ดี ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป โดยการให้อาหารสุนัขพันธุ์นี้ ควรแบ่งให้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้สามารถดูปริมาณการให้ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ที่สุนัขกินอยู่

การออกกำลังกาย

เพียง 1 ชั่วโมงต่อวันที่ได้เดินเล่น บวกกับได้คอยประกบคุณเจ้าของขณะทำงานบ้าน และเล่นกิจกรรมฝึกสุนัขสนุก ๆ ก็เหมาะสมแล้วกับสุนัขตัวเล็กขาสั้นตัวนี้ สำหรับแจ็ค รัสเซลล์ล่ำ ๆ ที่ค่อนข้างสูงและมีขาตั้งตรง การได้ออกกำลังกาย 2 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมไปกับการเล่นเกมและการฝึกเพิ่มเติม ก็ไม่ถือว่ามากเกินไป แจ็ค รัสเซลล์ที่ค่อนข้างตัวบาง ขนละเอียดอาจจะไม่ค่อยชอบการออกไปข้างนอกในสภาพอากาศที่มีลมหนาวและฝนตก แต่ในขณะเดียวกันแจ็ค รัสเซลล์ที่บึกบึน ลักษณะขนหยาบหรือขนหยิกอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องสภาพอากาศขนาดนั้น

 

สุนัขพันธุ์นี้สามารถเล่นกีฬาได้หลากหลายรูปแบบ ตราบเท่าที่คุณสนใจเลย ไม่ว่าจะเป็น agility, parkour, hoopers, Mantrailing หรือแม้กระทั่ง CaniX ซึ่งอาจจะต้องเสริมการฝึกสุนัข เกมส์ กิจกรรมไขปริศนาเพิ่มเติม อีกทั้งควรมีพื้นที่สำหรับพฤติกรรมไล่จับ พฤติกรรมกัดฉีด และพฤติกรรมขุด จึงจะตอบโจทย์เจ้าแจ็ค รัสเซลล์ได้โดยแท้จริง

เจ้าของในอุดมคติ

ถ้าไม่ได้รับเลี้ยงสุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย แบบที่มีใบรับรองมาตรฐานสายพันธุ์ ก็อาจจะต้องเป็นคนที่ใจกว้างพอที่จะรับได้ว่าเจ้าแจ็ค รัสเซลล์ที่ได้มาอาจจะมีหน้าตาไม่ค่อยตรงกับที่คิดเอาไว้ เพราะการรับเลี้ยงลูกสุนัขแจ็ค รัสเซลล์นี่ก็คล้าย ๆ กับการเสี่ยงดวงเลยทีเดียว เพราะสุนัขที่ได้มาอาจจะโตขึ้นมาใหญ่กว่า หรือเล็กกว่า หรือไม่ก็แตกต่างจากแจ็ค รัสเซลล์ที่คุณคิดไว้ในหัวเลย ซึ่งถ้าคุณไม่อยากรับความเสี่ยงนั้น ก็รับเลี้ยงแจ๊ค รัสเซลล์ที่มี pedigree เลย คงจะเหมาะกว่า

 

ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบบรรยากาศแห่งเสียงหัวเราะ มีไลฟ์สไตล์ที่สามารถอยู่กับสุนัขได้แทบจะทั้งวัน รักในกิจกรรมนอกบ้าน และชอบทำในสิ่งที่แจ็ค รัสเซลล์สามารถมีส่วนร่วมด้วยได้ สุนัขพันธุ์นี้คือคำตอบ นอกจากนี้แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ยังเป็นนักจับหนูมือฉกาจสำหรับพื้นที่ฟาร์มและคอกสัตว์ อีกทั้งยังทำหน้าที่เฝ้ารถได้ดี (แต่ก็ยังต้องระวัง เวลาทิ้งสุนัขไว้บนรถนะ) และอีกหน้าที่ที่สุนัขพันธุ์นี้ชอบมาก ๆ เลยก็คือหน้าที่ตุ๊กตาหน้ารถ

 

สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่ฉลาด และเฉียบแหลมมาก ซึ่งการจะฝึกสุนัขพันธุ์นี้ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะฝึกไปในทางการใช้งานหรือฝึกเพื่อการกีฬา

ข้อมูลอื่นๆ

ลักษณะของแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ในปัจจุบัน

 

ทุกวันนี้กลายเป็นว่า คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า สุนัขที่ตัวเล็ก หน้าตาแบบสุนัขเทอร์เรีย พื้นขนสีขาวแซมแต้มขนสีอื่น นิสัยกระฉับกระเฉง ชอบเห่าคนส่งของทุกวัน และวิ่งไล่แมวข้างบ้าน ถ้ามีลักษณะเหล่านี้รวมกันจะหมายถึง สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ จริง ๆ แล้วลักษณะของแจ็ค รัสเซลล์มีได้หลากหลาย ตั้งแต่รูปร่างกำยำ ขาตั้งตรง ลำตัวแน่น ไปจนถึงรูปร่างน่ารัก หน้าเรียวคล้ายสุนัขจิ้งจอก ทรงขาแบบ “Queen Anne” (ขาหน้าหลบใน ปลายเท้าชี้ออกนอกลำตัว) ลำตัวยาว ดูมีความมั่นใจในทุกย่างก้าว ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ในสุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย มีบางส่วนที่อ้างว่าสุนัขสี black ล้วน หรือสี tan ล้วน ก็ถือว่าเป็นสุนัขแจ็ค รัสเซลได้เหมือนกัน ทั้งนี้สีที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ปรับปรุงพันธุ์หรือลักษณะจำเพาะที่มาจากแต่ละพื้นที่ที่สุนัขอาศัยอยู่ (เช่น อาจมีการผสมร่วมกับพันธุ์แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย หรือสายพันธุ์เทอร์เรียประจำถื่นอื่น ๆ )

 

ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ

 

สุนัขแจ็ค รัสเซลล์สามารถอยู่ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ราบ ข้างเตียง ใต้ชายเสื้อ สุนัขพันธุ์นี้พร้อมแทรกซึมไปทุกที่ แต่การใช้ชีวิตกับแจ็ค รัสเซลล์คงจะง่ายขึ้น หากมีพื้นที่สวนที่ปลอดภัยและเงียบสงบ โดยสุนัขพันธุ์นี้พร้อมทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้าระวังและคอยเห่าส่งสัญญาณเมื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสมอ (ซึ่งสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ไม่ว่าอะไรที่เข้ามาก็ดูไม่ชอบมาพากลไปหมด !)

 

การฝึกสุนัข

 

สุนัขพันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียมีภาพลักษณ์โดยทั่วไปว่าเป็นสุนัขที่ฝึกยาก แต่ในความจริงแล้วก็ไม่เสมอไป สุนัขพันธุ์นี้จะฝึกยากถ้าหากคุณบังคับสุนัขมากเกินไป แต่ถ้าหากคุณลงความพยายามไปกับการสร้างแรงจูงใจ กระชับสายสัมพันธ์ให้เหนียวแน่นด้วยของรางวัลและบรรยากาศที่สนุกสนาน จะทำให้สุนัขอยากฝึกไปพร้อมกับเรายิ่งขึ้น เท่านี้สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ก็พร้อมที่จะฝึกอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดีทุกสิ่งในการฝึกสุนัขพันธุ์นี้ขึ้นอยู่กับความพยายามและทัศนคติ เราจะไม่ชี้นิ้วสั่งให้แจ็คทำตามใจเรา แต่เราสามารถสอนสุนัขพันธุ์นี้ได้ควบคู่ไปกับการให้รางวัลตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ เท่านี้เราก็สามารถทำให้แจ็ค รัสเซลล์ยินดีที่จะฝึกแล้ว การสร้างความคุ้นเคยกับสมาชิกครอบครัวที่เป็นเด็ก สุนัขตัวอื่น หรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ควบคู่ไปกับการฝึกคำสั่งเรียกและคำสั่งหยุด เพราะสุนัขพันธุ์นี้มีอุปนิสัยที่กระตือรือร้นมาก และเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครสนใจ ก็จะทำอะไรตามแต่ที่ตัวเองพอใจเลยทีเดียว ซึ่งปัญหาก็คือสิ่งที่ทำให้เจ้าสุนัขตัวนี้พอใจ มักทำให้เราทุกข์ใจนี่แหละ ทั้งนี้การฝึกในรูปแบบการสร้างแรงจูงใจในเชิงบวก (positive reinforcement) จะตอบโจทย์กับสุนัขพันธุ์นี้มาก เป็นการฝึกที่สร้างความเพลิดเพลินในการฝึกให้กับสุนัขพันธุ์นี้ที่ทั้งฉลาด เรียนรู้ไว แจ็ค รัสเซลล์มีความสามารถในการทำกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งสามารถสนุกไปกับการวิ่งเก็บลูกบอล หรือการเล่นซ่อนแอบ (Mantrailing) แต่ถ้าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่สำหรับคุณ คุณก็สามารถพาไปเดินเล่น หรือเล่นโดยใช้ของเล่น อย่างลูกบอลหรือผ้าคล้ายขนสัตว์ หรือเพียงแค่ให้แจ็ค รัสเซลล์เดินไปส่งคุณ ตอนคุณไปเที่ยวก็ยังได้ และขอย้ำอีกครั้งว่า การจะทำให้สุนัขพันธุ์นี้เมินแมว เข้ากับสุนัขตัวอื่นได้ง่าย และอยู่กับเด็กได้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามในการฝึกฝนและต้องสร้างความคุ้นเคยให้กับสุนัขเป็นอย่างมาก

 

การเป็นสมาชิกครอบครัว

 

ด้วยอุปนิสัยของความเป็นสุนัขเทอร์เรียตัวจี๊ด ทำให้แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียไม่ค่อยทนกับการอยู่กับเด็กน้อยที่ยังเดินโซเซ มือซน ยังค่อยไม่รู้ประสา อีกทั้งยังอาจเข้าใจผิดไปว่าสุนัขเป็นของเล่นได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเทอร์เรียที่ค่อนข้างเรียบร้อยในหมู่เทอร์เรียด้วยกันก็ตามที แต่ถ้าได้เจอท่าทีที่ดูเงอะ ๆ งะ ๆ ของเด็กเล็กก็อาจจะทนไม่ได้ แต่สำหรับเด็กที่โตพอจะเข้าใจสุนัข และเริ่มเรียนรู้การอยู่กับสุนัขได้ ก็สามารถมีสุนัขแจ็ค รัสเซลล์เป็นเพื่อนคู่ใจได้เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็กแค่ไหน แต่ทั้งเด็กและสุนัขก็ควรได้รับการสอนให้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงวิธีเล่นกันอย่างปลอดภัย ซึ่งอย่างไรก็ดีไม่ว่าจะกรณีไหนก็ไม่ควรทิ้งเด็กกับสุนัขไว้เพียงลำพัง ควรมีผู้ใหญ่จับตาดูอยู่เสมอ

 

รู้หรือไม่

 

  • สมเด็จพระเจ้าชาร์ลที่ 3 และพระราชินี ทรงเลี้ยงสุนัขพันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย 2 ตัว ซึ่งได้ทรงรับเลี้ยงมาจากบ้านสุนัขและแมว Battersea ที่พระราชินีทรงให้การสนับสนุน
  • สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ทุกตัว (ไม่ว่าจะได้การรับรองจาก Kennel Club หรือไม่) ต่างก็มีความหลากหลายในเรื่องของขนาดตัว ความยาวขา ชนิดเส้นขน และรูปร่าง แต่ไม่ว่ายังไงสุนัขพันธุ์นี้ก็ยังมีความเป็นสุนัขเทอร์เรียที่กระฉับกระเฉง เสียงดัง ดื้อ และรวดเร็ว
  • Reverend John Russell ผู้พัฒนาสุนัขพันธุ์แจ็ค รัสเซลล์สายพันธุ์ดั้งเดิม เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง Kennel Club ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 และยังได้ปรับปรุงพันธุ์สุนัขอีกหลายพันธุ์ แต่อย่างไรก็ดี เขาไม่เคยต้องการให้แจ็ค รัสเซลล์เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ เขาแค่ต้องการ

สุนัขที่ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอก ด้วยเหตุนี้สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียจึงเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในขณะที่ได้รับการยอมรับจาก Kennel Club ช้าที่สุด

ซามอยด์

เป็นสุนัขที่ไม่ว่าใครก็จะต้องตกหลุมรักไปกับความฉลาดแสนรู้ ความซื่อสัตว์ และความอ่อนโยน อันเป็นนิสัยประจำพันธุ์ของสุนัขพันธุ์นี้ อีกทั้งยังเป็นมิตรกับผู้คนทุกเพศทุกวัย ทำให้สุนัขพันธุ์นี้สามารถมัดใจเหล่าสมาชิกในบ้าน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก

ใครก็ตามที่ตามหาเพื่อนคู่ใจผู้น่ารักและเป็นมิตร เจ้าซามอยด์นี่แหละคือคำตอบ และคงจะดี ถ้าหากมนุษย์เพื่อนคู่ใจของเจ้าซามอยด์ เป็นสายติดบ้านเหมือนกัน ชอบอากาศเย็นเหมือน ๆ กัน และไม่ถือสาเรื่องขนสีขาวของซามอยด์ที่จะติดตามไปทุกที่ทั่วบ้านทั่วตัว

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่้เคยเลี้ยงสุนัขมาบ้าง
  • ต้องฝึก
  • ชอบเดินเป็นประจำ
  • ชอบเดินมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน
  • สุนัขขนาดกลาง
  • น้ำลายไหลได้บ้าง
  • ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขช่างพูดและช่างเห่า
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่า เตือน และปกป้องเจ้าของได้
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • สุนัขครอบครัวที่ดี
อายุเฉลี่ย :
12-13 ปี
น้ำหนัก :
23-30 กิโลกรัม
ส่วนสูง :
51-56 เซนติเมตร สำหรับเพศผู้ และ 46-51 เซนติเมตร สำหรับเพศเมีย
สีขน :
pure white, white and biscuit หรือ cream
ขนาดตัว :
กลาง
กลุ่มโดยอ้างอิงจาก UK Kennel Club :
working
บุคลิกภาพ

สุนัขพันธุ์ซามอยด์มาพร้อมกับหน้าตาที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกหลุมรัก เป็นหนึ่งในสุนัขกลุ่ม spitz ขนาดกลาง-ใหญ่ คือมีลักษณะหูตั้งชี้ มีหางม้วนเป็นวงโค้งมาทางด้านหลัง และถ้าพูดถึงขน อันเป็นจุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้ คือจะมีขนหนา ชนิดที่ว่าอยู่ในสภาพอากาศหนาวได้สบาย ๆ บวกกับรูปเท้าที่เป็นทรงแบน มีขนเท้าอัดแน่น จนดูคล้ายว่าเป็นรองเท้าลุยหิมะ ทำให้หิมะไม่สามารถซอกซอนตามซอกนิ้วของสุนัขพันธุ์นี้ได้เลย และสุดท้ายที่เป็นลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งเลยคือ สี สุนัขพันธุ์นี้จะมีอยู่ 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สี white, white and biscuit และ cream white ทำให้มีภาพลักษณ์ที่ดูสะอาดและเรียบร้อย

 

นิสัยโดยทั่วไปของสุนัขพันธุ์ซามอยด์คือ น่ารักเป็นมิตร เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย และรักเจ้าของมาก อีกทั้งยังสามารถปกป้องบ้านจากผู้บุกรุกได้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ค่อยทำอะไรอย่างอื่นนอกจากการส่งเสียงเตือนสมาชิกในบ้านก็ตาม สุนัขพันธุ์นี้ชอบที่จะมีส่วนร่วมกับทุกกิจกรรมครอบครัว

 

โดยถ้าหากถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวนานเกินไปหรือรู้สึกเบื่อ ก็อาจจะทำลายข้าวของหรือส่งเสียงร้องก็เป็นได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นนักร้องยามเบื่อแล้ว ยังเป็นนักขุดสวนและจอมหลบหนีอีกด้วย สวนหลังบ้านที่ปลอดภัย มีรั้วรอบขอบชิด จึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นคือหากที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นอยู่ด้วย ก็ควรที่จะแนะนำให้รู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เพื่อที่จะได้เข้ากันได้ดียิ่งขึ้น

ประวัติและต้นกำเนิด

เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “หมาหน้ายิ้ม” และ “สุนัขต้อนเรนเดียร์” ในสมัยโบราณ สุนัขพันธุ์ซามอยด์ทำหน้าที่เป็นสุนัขต้อนฝูงเรนเดียร์ โดยได้ชื่อ “ซามอยด์” มาจากชนเผ่าที่สุนัขพันธุ์นี้ได้ร่วมช่วยงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา คือชาวซามอยด์แห่งไซบีเรียตอนเหนือ

 

ถึงแม้ว่าโดยส่วนใหญ่จะได้ทำหน้าที่เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ แต่แท้จริงแล้วเจ้าสุนัขพันธุ์ซามอยด์ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด ทั้งลากเลื่อน ต้อนฝูงสัตว์ปศุสัตว์ และในบางครั้งยังได้ใช้ขนจากสุนัขพันธุ์นี้เพื่อทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม สร้างความอบอุ่นเมื่อยามตกอยู่ในสภาพอากาศอันโหดร้าย

 

สุนัขพันธุ์นี้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับคนในชนเผ่าอย่างมาก เรียกได้ว่าได้ใช้ห้องนอนร่วมกับผู้คนในชนเผ่าเลยทีเดียว เพราะเช่นนี้เลยได้อยู่ตัวติดกับผู้คนตลอดเวลา เป็นทั้ง “เพื่อนคู่ใจ” รวมไปถึง “ถุงอุ่น” ของคนในสมัยนั้น จนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สุนัขพันธุ์ซามอยด์ก็ได้ไปจุดประกายความสนใจของนักสำรวจเข้า ทั้งในด้านพละกำลังและความอึด เฉกเช่นเดียวกันกับในสุนัขกลุ่ม working dogs จึงได้ทำงานในฐานะสุนัขลากเลื่อนในช่วงต้นของการสำรวจขั้วโลก และเมื่อจบภารกิจก็ได้ติดตามคณะนักสำรวจกลับมายังประเทศอังกฤษ ด้วยลักษณะที่ดูสวยงามและความร่าเริงของสุนัขพันธุ์นี้ จึงได้รับความสนใจและความนิยมจากผู้คนได้ไม่ยาก และความนิยมนั้นก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเฉดสีขนที่มีเพียงสีขาวบริสุทธิ์และซามอยด์สีขาวในเฉดต่าง ๆ ก็ยังคงถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

โภชนาการและการให้อาหาร

เมื่อตัวใหญ่ก็ต้องกินเยอะไปตามขนาดตัว เลยอาจได้สารอาหารหลากหลายจากปริมาณที่กินมากกว่าเมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์เล็ก แต่อย่างไรก็ดีซามอยด์เป็นสุนัขที่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารหรือท้องอืดได้ง่าย ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่ให้บ่อย ๆ ก็จะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ ทั้งนี้การดูแลเรื่องอาหารและโภชนาการอย่างเหมาะสมจะสามารถยืดอายุสุนัขให้ยาวนานไปได้ถึง 13 ปีเลย

การออกกำลังกาย

สุนัขพันธุ์ซามอยด์มีความต้องการการออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม โดยทำได้ทั้งแบบมีคนนำและแบบไม่มีคนนำ ซึ่งโดยธรรมชาติของตัวสุนัขแล้วก็ชอบที่จะเป็นฝ่ายนำ แต่ก็สามารถฝึกแบบให้เดินไปข้าง ๆ กัน หรือจะใช้สายจูงแบบครอบปาก (headcollar) ร่วมด้วยก็ได้ สุนัขพันธุ์ซามอยด์ที่โตเต็มวัยจะต้องการการออกกำลังกายเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ดีก็ต้องระวังเรื่องความร้อนด้วย หากจะพาสุนัขไปออกกำลังกาย เพราะด้วยขนที่หนาจึงมีโอกาสเก็บความร้อนได้มากกว่าปกติ ดังนั้นการออกกำลังกายในช่วงเช้าที่อากาศเย็นก็คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

เจ้าของในอุดมคติ

เจ้าของในอุดมคติของสุนัขพันธุ์ซามอยด์ คือเจ้าของที่มีความคุ้นเคยกับสุนัขกลุ่ม spitz รวมถึงมีความเข้าใจในนิสัยและพฤติกรรมของสุนัขต้อนฝูงสัตว์ และรู้ว่าจะต้องฝึกสุนัขเหล่านี้อย่างไร ความเข้าใจเรื่องขนของสุนัขพันธุ์นี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะต้องเจอกับเส้นขนที่จะกระจายไปครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วบ้านและทั่วตัวเจ้าของอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเวลาคุณเจ้าของจะอาบน้ำ คงต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นอาบน้ำเป็นขั้นตอนแรกเลยทีเดียว นอกจากนี้เลยคือเรื่องการอาบน้ำสุนัขที่อาจจะต้องอุทิศเวลาให้กับการอาบน้ำทั้งวัน รวมถึงแต่ละวันของสุนัขพันธุ์นี้สามารถใช้เวลาเดินเล่นได้เป็นชั่วโมง ๆ ชอบอยู่บ้านเย็น ๆ ชอบขุดสุด ๆ และในบางครั้งก็ชอบส่งเสียงร้อง ดังนั้นการอยู่ในแถบพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง ไม่พลุกพล่าน และมีพื้นที่มาก คงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้

ข้อมูลอื่นๆ

ประวัติความเป็นมา

 

เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “หมาหน้ายิ้ม” และ “สุนัขต้อนเรนเดียร์” ในสมัยโบราณ สุนัขพันธุ์ซามอยด์ทำหน้าที่เป็นสุนัขต้อนฝูงเรนเดียร์ โดยได้ชื่อ “ซามอยด์” มาจากชนเผ่าที่สุนัขพันธุ์นี้ได้ร่วมช่วยงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา คือชาวซามอยด์แห่งไซบีเรียตอนเหนือถึงแม้ว่าโดยส่วนใหญ่จะได้ทำหน้าที่เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ แต่แท้จริงแล้วเจ้าสุนัขพันธุ์ซามอยด์ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด ทั้งลากเลื่อน ต้อนฝูงสัตว์ปศุสัตว์ และในบางครั้งยังได้ใช้ขนจากสุนัขพันธุ์นี้เพื่อทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม สร้างความอบอุ่นเมื่อยามตกอยู่ในสภาพอากาศอันโหดร้าย

 

การฝึกสุนัข

 

สุนัขพันธุ์ซามอยด์คงไม่ได้เป็นที่สุดในด้านความเชื่อง และคลาสฝึกความเรียบร้อยก็คงไม่ใช่คลาสที่เจ้าซามอยด์จะสอบได้ที่ 1 เช่นกัน แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่เจ้าซามอยด์ชอบที่สุดคือการวิ่ง ถ้าคุณสามารถหาครูฝึกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกสุนัขวิ่ง โดยเฉพาะการวิ่งแบบ Canicross เคียงคู่ไปกับเจ้าของ เจ้าซามอยด์คงจะแฮปปี้แบบสุด ๆ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเลย เพราะแค่ฝึกให้คุ้นชินกับการวิ่งแบบมีสายจูงและฝึกให้ไม่กระชากสายจูง เท่านี้ก็เพียงพอกับสุนัขพันธุ์นี้แล้ว เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไง เจ้าซามอยด์ก็เกิดมาเพื่อวิ่ง !

 

ซามอยด์และการเป็นสมาชิกครอบครัว

 

อย่างที่ได้กล่างไปข้างต้น ไม่ว่าเจ้าซามอยด์จะไปอยู่ในครอบครัวไหน ก็จะได้เป็นที่รักเสมอ เพราะความใส่ใจและมีความสุขในทุกกิจกรรมครอบครัว รวมถึงยังมีความอดทนอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็ก แต่ทั้งเด็กและสุนัขก็ควรได้รับการสอนให้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงวิธีเล่นกันอย่างปลอดภัย ซึ่งอย่างไรก็ดีไม่ว่าจะกรณีไหนก็ไม่ควรทิ้งเด็กกับสุนัขไว้เพียงลำพัง ควรมีผู้ใหญ่จับตาดูอยู่เสมอ

 

Fun facts

 

  • สุนัขพันธุ์ซามอยด์ได้ชื่อมาจากชาวซามอยด์ ชนเผ่าทางตอนเหนือของไซบีเรีย ที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ไว้เป็นสุนัขต้อนฝูงเรนเดียร์ โดยเจ้าซามอยด์ได้ถูกเพาะพันธุ์มาให้มีขนสีขาว ฟูฟ่อง เป็นหมาหน้ายิ้มที่คอยทำงานคุมฝูงสัตว์ ลากเลื่อน และยังมอบความอบอุ่นให้กับผู้คนเมื่อยอมนอนหลับด้วย
  • ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซามอยด์เป็นสุนัขอาร์คติกที่ถูกหาซื้อได้ง่ายที่สุด โดยในขณะนั้นเจ้าซามอยด์ก็ได้ปฏิบัติงานในภารกิจสำรวจขั้วโลก ในฐานะสุนัขลากเลื่อน
  • จากข้อมูล DNA พบว่าสุนัขพันธุ์ซามอยด์ เป็นหนึ่งในพันธุ์สุนัขที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
  • ซามอยด์มีความสามารถในการร้องเพลง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้การร้องแบบที่เราคุ้นเคยก็ตามที เสียงจะออกไปทางการหอนมากกว่า แต่ก็มีเจ้าของบางคนเคยเห็นซามอยด์ของตัวเองร้องเพลงไปตามทำนองอยู่เหมือนกัน
บอร์ซอย

ปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียวว่า “บอร์ซอย” คือสายพันธุ์สุนัขผู้ดูสูงส่ง ด้วยลักษณะท่าทางอันงดงาม ใบหน้าอันเรียวยาว พร้อมทั้งขนนุ่มสลวยหลากหลายสีสัน ยกเว้นสีเมิร์ลหรือสีลายหินอ่อน ความยาวระดับปานกลาง ลักษณะเป็นคลื่นสวย และทิ้งตัวในช่วงท้ายของลำตัวและหาง สะกดสายตาเหล่าคนรักสุนัขให้หลงรักและทำให้ผู้คนสามารถจดจำพวกเขาได้ตั้งแต่แรกเห็น

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่้เคยเลี้ยงสุนัขมาบ้าง
  • ต้องฝึก
  • ชอบเดินออกกำลังกายอย่างหนัก
  • ชอบเดินวันละ 1-2 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดใหญ่
  • น้ำลายไหลได้บ้าง
  • ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขวันเว้นวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขช่างพูดและช่างเห่า
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่า เตือน และปกป้องเจ้าของได้
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • สุนัขครอบครัวที่ดี
อายุเฉลี่ย :
7-10 ปี
น้ำหนัก :
34 กิโลกรัมสำหรับเพศเมีย และ 41 กิโลกรัมสำหรับเพศผู้
ส่วนสูง :
68 เซนติเมตรสำหรับเพศเมีย และ 74 เซนติเมตรสำหรับเพศผู้
สีขน :
หลากหลายสีสัน ยกเว้นสีเมิร์ลหรือสีลายหินอ่อน
ขนาดตัว :
ใหญ่
กลุ่มโดยอ้างอิงจาก UK Kennel Club :
Hound
บุคลิกภาพ

หากพูดถึงลักษณะนิสัย “บอร์ซอย” นับเป็นหนึ่งในสุนัขที่มีความเรียบร้อยและอัธยาศัยดี เหมาะแก่การเลี้ยงเพื่อเป็นสมาชิกของครอบครัว นอกจากนี้ถึงแม้พวกเขาจะตัวใหญ่ แต่กลับต้องการพื้นที่อยู่อาศัยเพียงน้อยนิด (เมื่อเทียบกับขนาดตัว) หากใครกำลังกังวลว่าพวกเขาจะต้องการพื้นที่อยู่อาศัยกว้าง ๆ ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวล ! นอกจากนี้พวกเขายังไม่ได้ดูภูมิฐานแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ลักษณะนิสัยเองก็เช่นกัน เพราะสุนัขพันธุ์นี้มักวางท่าเมินเฉยและไม่สนใจคนแปลกหน้า แต่กลับแสดงออกความรักเฉพาะกับสมาชิกในครอบครัว และในบางครั้งก็มีอารมณ์ขี้เล่น สอดแทรกอารมณ์ขันเป็นบางครั้ง นับเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่เหล่าคนรักสุนัขกลุ่ม Sighthound หลงไหลเลยล่ะ

 

ถึงแม้สุนัขพันธุ์บอร์ซอยจะไม่นับเป็นสุนัขเฝ้าบ้านเหมือนสายพันธุ์อื่น ๆ แต่หากมีสิ่งแปลกปลอมหรือเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลพวกเขาก็จะส่งเสียงเห่าเพื่อช่วยเตือนภัยแก่เจ้าของ ทั้งนี้ด้วยความที่พวกเขาเป็นสุนัขในกลุ่ม Sighthound ซึ่งชื่นชอบการวิ่งไล่หรือวิ่งกวดเหยื่อเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นเจ้าของควรระมัดระวังและใส่ใจดูแลพฤติกรรมนี้ของพวกเขาให้ดี (ระวังจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว !)

ประวัติและต้นกำเนิด

เช่นเดียวกับสุนัขหลากหลายสายพันธุ์ ประวัติความเป็นมาของบอร์ซอยยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวงนักวิชาการ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสุนัขพันธุ์บอร์ซอยกำเนิดมาจากบรรพบุรุษในกลุ่ม Greyhound จากยุคอียิปต์โบราณซึ่งผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขเลี้ยงสัตว์จากประเทศรัสเซียตอนเหนือและก่อกำเนิดเป็นสุนัขพันธุ์บอร์ซอยในท้ายที่สุด

 

นับตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา สุนัขพันธุ์บอร์ซอยได้รับการฝึกและขัดเกลาให้เป็นสุดยอดนักล่าสุนัขป่าเพื่อทำหน้าที่ล่าและช่วยให้นักล่ากำจัดเหยื่อของเขาได้อย่างราบรื่น

 

สุนัขพันธุ์บอร์ซอยนับเป็นที่ต้องตาและถูกอกถูกใจกษัตริย์แห่งรัสเซียเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นที่พระองค์ทรงพระราชทานสุนัขพันธุ์นี้ให้เป็นของขวัญแก่ขุนนางทั่วยุโรป ซึ่งกาลนี้เองส่งผลให้สุนัขพันธุ์บอร์ซอยรอดพ้นช่วงปฏิบัติรัสเซียในปี 1917 และอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน

โภชนาการและการให้อาหาร

เนื่องจากเป็นสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ บอร์ซอยจึงมีความต้องการในการกินอาหารที่ค่อนข้างมาก อาหารที่ได้ควรมีความหลากหลายทางโภชนาการ อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน ซึ่งมีความแตกต่างจากสุนัขพันธุ์เล็กพอสมควร ทั้งนี้สุนัขพันธุ์บอร์ซอยมักมีปัญหาเรื่องท้องอืดและปัญหาเกี่ยวกับการย่อย ซึ่งเจ้าของสามารถป้องกันได้ด้วยการให้อาหารมื้อเล็ก ๆ ทีละน้อย ๆ แต่ให้บ่อยครั้ง แทนการให้อาหารมื้อเดียวในปริมาณมาก

การออกกำลังกาย

สุนัขพันธุ์บอร์ซอยที่โตเต็มวัยนั้นชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก การพาพวกเขาไปเดินเล่นสัก 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นนับเป็นสวรรค์สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว และจะเป็นการดีอย่างมากหากคุณปล่อยให้พวกเขาได้วิ่งเล่นอย่างอิสระท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ เช่นกันกับสุนัขพันธุ์บอร์ซอยวัยเด็กที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเช่นกัน แต่อาจจะไม่หนักเท่าช่วงโตเต็มวัย โดยคุณอาจปล่อยให้พวกเขาได้เดินเล่นเป็นระยะทางสั้น ๆ และหมั่นคอยเล่นกับพวกเขาอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันพวกเขาเบื่อนั่นเอง

 

ที่สำคัญอย่าลืมว่าสุนัขในกลุ่ม sighthound นั้นมีสัญชาตญาณอันน่าทึ่ง เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในระยะไกลก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของพวกเขาไปได้ นี่เองจึงอาจเป็นสิ่งกระตุ้นให้พวกเขาเกิดพฤติกรรม “การล่า” ซึ่งในบางครั้งการเล่นแรง ๆ แบบนี้อาจทำให้สุนัขตัวอื่น ๆ ขุ่นเคืองขึ้นมาได้

เจ้าของในอุดมคติ

“ตื่นตัว กระฉับกระเฉง ขี้เล่น และมีความอดทนสูง” คือนิยามของสุนัขพันธุ์นี้ สุนัขพันธุ์บอร์ซอยจึงต้องการเจ้าของที่มีความเข้าใจในธรรมชาติของสายพันธุ์ที่บางครั้งก็ตื่นตัวสูงและรับมือได้กับพละกำลังอันเหลือล้น นอกจากนั้นจะเป็นการดีมากหากเจ้าของชื่นชอบการพาสุนัขไปแปรงขน เดินเล่น และฝึกฝนอย่างไม่ลดละความพยายาม (ถึงแม้คุณจะรู้อยู่แก่ใจว่าโอกาสที่จะฝึกสุนัขพันธุ์บอร์ซอยให้สำเร็จนั้นเพียงแค่ 50% เท่านั้นเอง!

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ

 

สุนัขพันธุ์บอร์ซอยมีโอกาสเสี่ยงที่เป็นโรคเหล่านี้ ได้แก่ โรคไขสันหลังเสื่อม (Degenerative myelopathy) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของไขสันหลังและก่อให้เกิดปัญหาด้านการเคลื่อนไหว โรคต่อมไทรอยด์อักเสบ (Thyroiditis)1 ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) ส่งผลให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้น้อยลงและไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้สุนัขมีระดับพลังงานลดลง น้ำหนักเพิ่ม และมีปัญหาผิวหนังตามมา ปัญหาสุขภาพฟันเนื่องจากโครงสร้างของขากรรไกรที่ผิดปกติ แผนการดูแลสุขภาพและการทดสอบที่แนะนำโดย The Kennel Club : ไม่มีแผนการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะสำหรับสุนัขพันธุ์บอร์ซอย อย่างไรก็ตามยังมีคำแนะนำการดูแลสุขภาพที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้นี้ที่ 1 ที่มา : D. H. Conaway, 'Clinical and histological features of primary progressive, familial thyroiditis in a colony of borzoi dogs', 1985, Vet Pathology.

 

ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ

 

สุนัขพันธุ์บอร์ซอยจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขพันธุ์ใหญ่ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถขดตัวให้เล็กลงได้เมื่อต้องการ ขนาดพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับสุนัขพันธุ์นี้จึงควรมีพื้นที่กว้างพอสมควรเพื่อให้พวกเขาได้ยืดเหยียดร่างกายได้อย่างเหมาะสม และพื้นที่สวนกว้าง ๆ เพื่อให้พวกเขาได้วิ่งเล่นได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ด้วยระยะเวลาการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างนาน สุนัขพันธุ์นี้จึงไม่เหมาะต่อการอยู่บ้านที่มีหลายชั้นซึ่งทำให้พวกเขาต้องขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ (เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพข้อเข่าในอนาคตนั่นเอง)

 

การฝึกสุนัข

 

การฝึกสุนัขพันธุ์บอร์ซอยต้องอาศัยความอดทนและความเข้าใจในสายพันธุ์ คุณควรรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่จะสามารถจูงใจให้พวกเขาทำตามที่คุณต้องการได้ โดยบอร์ซอยนั้นชื่นชอบการวิ่งและการไล่ล่าเป็นอย่างมาก คุณอาจใช้นิสัยนี้ของพวกเขาให้เป็นประโยชน์นำมาเป็นหนึ่งในเทคนิคการฝึกได้เช่นกัน บอร์ซอยอาจไม่ใช่สุนัขสายพันธุ์ที่ชื่นชอบการฝึกสุนัขสักเท่าไร การฝึกฝนด้วยความเข้าใจและระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณควรระลึกไว้เสมอว่า “ฝึกได้เท่าไรก็เท่านั้น” แทนที่จะใช้การบังคับที่อาจรุนแรงจนเกิดไปซึ่งจะทำให้ทั้งคุณและพวกเขาเกิดความเครียดด้วยกันทั้งคู่

 

สุนัขพันธุ์นี้กับเด็ก

 

บอร์ซอยอาจไม่ใช่สุนัขสายพันธุ์ที่ชื่นชอบการฝึกสุนัขสักเท่าไร การฝึกฝนด้วยความเข้าใจและระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณควรระลึกไว้เสมอว่า “ฝึกได้เท่าไรก็เท่านั้น” แทนที่จะใช้การบังคับที่อาจรุนแรงจนเกิดไปซึ่งจะทำให้ทั้งคุณและพวกเขาเกิดความเครียดด้วยกันทั้งคู่ เป็นเรื่องปกติที่เราจะสอนสุนัขให้รู้จักการอยู่ร่วมกับเด็กอย่างเหมาะสม แต่คงเป็นการดีหากเราสอนเด็ก ๆ ให้อยู่ร่วมกับสุนัขอย่างเหมาะสมเช่นกัน ไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสอง และผู้ใหญ่เองก็ควรกำกับดูแลและให้คำแนะนำกับพวกเขาทั้งคู่ เพียงเท่านี้ก็หมดห่วงเรื่องการอยู่ร่วมกับบอร์ซอยไปได้เลย !

 

รู้หรือไม่

 

  • กัปตันประจำเรือไททานิกนามว่า E J Smith เลี้ยงสุนัขพันธุ์บอร์ซอยที่มีชื่อว่าเบน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับรูปถ่ายของเบนกับกัปตันบริเวณโต๊ะทำงานภายในเรือ อย่างไรก็ตามเบนไม่ได้เดินทางไปกับกัปตันก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมเรือไททานิก เบนจึงรอดชีวิตมาได้นั่นเอง
  • ในภาพยนตร์เรื่อง Pink Floyd: Live at Pompeii สุนัขพันธุ์บอร์ซอยที่มีชื่อว่า “นอป” เป็นสุนัขที่ส่งเสียงคลอเคลียไปกับ Dave Gilmour ที่กำลังเป่าหีบเพลง และ Roger Waters ที่กำลังเล่นกีต้าร์ ซึ่งเพลงดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่า “Seamus” โดยชื่อนี้เป็นชื่อของนอป สุนัขของ Dave Gilmour นั่นเอง (ก่อนที่ภายในภาพยนตร์จะเปลี่ยนชื่อเป็น “Mademoiselle Nobs” ในเวลาต่อมา)
ลาซา แอพโช

ลาซา แอพโซ มีจุดเด่นตรงที่เป็นสุนัขขนยาว ตัวเล็กแข็งแรง และถ้าจะให้เทียบความยาวลำตัวกับส่วนสูงแล้วล่ะก็ สุนัขพันธุ์นี้จะตัวยาวมากกว่าส่วนสูงหน่อย ๆ แถมยังมีหลากหลายสีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสี golden, sandy, honey, dark grizzle, slate, smoke, parti-colour, black, white หรือสี brown

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่ไม่เคยเลี้ยงสุนัขมาก่อน
  • ต้องการการฝึกขั้นพื้นฐาน
  • ชอบเดินเบา ๆ
  • ชอบเดินวันละ 1 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดเล็ก
  • น้ำลายไหลได้บ้าง
  • ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขเงียบ
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่าและเตือน
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • สุนัขครอบครัวที่ดี
อายุเฉลี่ย :
12-14 ปี
น้ำหนัก :
6-7 กิโลกรัม
ส่วนสูง :
25 เซนติเมตร หรือน้อยกว่านั้น
สีขน :
golden, sandy, honey, dark grizzle, slate, smoke, parti-colour, black, white หรือสี brown
ขนาดตัว :
ขนาดเล็ก
กลุ่มโดยอ้างอิงจาก UK Kennel Club :
Utility
บุคลิกภาพ

สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซ เป็นสุนัขที่มีนิสัยค่อนข้างรักสันโดษ มีความสง่างามและดูมั่นใจ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีภาพลักษณ์ที่ดูมีภูมิฐาน ในขณะเดียวกันก็เป็นสุนัขที่รักเจ้าของมาก แต่เพียงแค่เจ้าของเท่านั้นแหละ ไม่นับรวมคนแปลกหน้า โดยถ้าต้องเจอกับคนแปลกหน้า สุนัขพันธุ์นี้ก็อาจจะมีท่าที่หวาดระแวงหน่อย ๆ ส่วนในเรื่องของการฝึกสุนัข หากมีความอดทนและความอ่อนไหวมากพอ ก็พอจะฝึกให้อยู่ในระดับสูงได้ เพียงแค่สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ถ้าหากโดนขึ้นเสียง และไม่ค่อยชอบที่จะต้องอยู่ตัวคนเดียว

ประวัติและต้นกำเนิด

ลาซา แอพโซเป็นหนึ่งในพันธุ์สุนัขเลี้ยงที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง ซึ่งถูกเลี้ยงโดยพระทิเบตอยู่ภายในอารามสงฆ์มาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี มีประวัติศาสตร์เคียงคู่มากับสุนัขพันธุ์ Tibetan Terrior แต่ในขณะที่ Tibetan Terrior ถูกใช้เป็นสุนัขทำงาน ลาซา แอพโซได้ทำหน้าที่เป็นสุนัขคู่วัด คอยเฝ้าวัดหรืออารามสงฆ์ ซึ่งก็มีการคาดเดาว่าลาซา แอพโซอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากสุนัข Tibetan Terrior ไซส์เล็ก ที่มีคนนำมาถวายให้กับพระ และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาจนได้เป็นสุนัขพันธุ์ใหม่ขึ้น แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไปว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

 

โดยพระทิเบตได้ให้ความเคารพเจ้าสุนัขตัวเล็กพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก เพราะมีความเชื่อว่าเป็นองค์ลามะผู้ศักสิทธิ์กลับชาติมาเกิด เพราะเหตุนี้จึงได้มีข้อห้ามไม่ให้คนต่างชาติเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ รวมไปถึงห้ามซื้อขาย ทำได้แค่การมอบสุนัขพันธุ์นี้ให้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเท่านั้น ซึ่งหากใครได้รับเป็นของขวัญจะถือว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ากันว่าสุนัขพันธุ์นี้จะนำโชคลาภและความมั่งคั่งมาสู่เจ้าของ

 

จนเมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ข้อปฏิบัติที่กล่าวมาก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป สุนัขพันธุ์นี้ได้เป็นที่รู้จักในนานาประเทศ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน กว่าที่จะมาตีตลาดถึงสหราชอาณาจักร

โภชนาการและการให้อาหาร

โดยทั่วไป ร่างกายของสุนัขตัวเล็กจะมีการเผาผลาญที่รวดเร็วกว่าในสุนัขขนาดอื่น ๆ หมายถึงสุนัขเหล่านี้จะใช้พลังงานไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การกินอาหาร จะกินได้ทีละน้อยเนื่องจากกระเพาะมีขนาดเล็ก จึงต้องกินทีละน้อย แต่กินบ่อยครั้ง ซึ่งในอาหารสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กจะมีการคำนวนปริมาณสารอาหารให้เหมาะสม และออกแบบลักษณะเม็ดอาหารให้มีขนาดเล็ก ล้อไปกับขนาดปากของสุนัขที่เล็กเช่นกัน ทำให้สุนัขกินได้ง่ายและย่อยได้ง่าย

การออกกำลังกาย

ลาซา แอพโซที่โตเต็มวัยจะต้องการการออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที ร่วมกับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น เล่นเกม ของเล่น และเล่นกับเจ้าของ สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขพลังเยอะ แต่ก็เพียงพอใจกับการได้เล่นไปเรื่อย ๆ ในพื้นที่บ้าน โดยสิ่งที่ลาซา แอพโซชอบก็คือการได้เดินในระยะทางสั้น ๆ ทุก ๆ วัน แต่ที่ชอบเลยจริง ๆ คือการได้เดินติดตามเจ้าของไปทุกที่

เจ้าของในอุดมคติ

เจ้าของลาซา แอพโซในอุดมคติจะต้องเข้าใจว่าภายใต้ขนหนานี้ก็คือสุนัขตัวหนึ่งที่ควรได้รับการฝึก รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกันกับในสุนัขพันธุ์อื่น แต่เรื่องการดูแลขนของสุนัขพันธุ์นี้อาจจะต้องดูแลมากกว่าปกติหน่อย อย่างการแปรงขนทุกวัน การแต่งขนให้ยาวพอเหมาะอยู่เสมอ เพราะลักษณะขนของสุนัขพันธุ์นี้เกาะตัวเป็นสังคะตังได้ง่าย นอกจากนี้สุนัขพันธุ์นี้ยังเหมาะกับบ้านที่ไม่มีเด็กหรือมีเด็กที่โตพอจะเข้าใจสุนัขได้แล้ว โดยลาซา แอพโซจะตอบแทนด้วยการเป็นคู่หูคู่ใจคอยเฝ้าบ้านให้ แต่ถ้าให้เฝ้าคนเดียวนาน ๆ เจ้าสุนัขพันธุ์นี้ก็อาจจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

ข้อมูลอื่นๆ

มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง

 

สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซ จัดว่าอยู่ในกลุ่มสุนัขพันธุ์หน้าสั้น ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่เป็นโรคเหล่านี้ ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic obstructive airway syndrome) เป็นภาวะที่มักพบในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เนื่องจากลักษณะโครงสร้างทางเดินหายใจที่พับไปมา ร่วมกับการมีหน้าสั้น ทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นได้ง่าย ส่งผลให้ความสามารถในการออกกำลังกายลดลง ไปจนถึงอาจทำให้มีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงได้ ภาวะผิวหนังอักเสบ/ติดเชื้อ (Skin inflammation/infection) เนื่องจากสุนัขพันธุ์หน้าสั้นยังคงมีปริมาณผิวหนังเท่ากับในสุนัขปกติ แต่ด้วยหน้าที่สั้น ทำให้มีผิวหนังส่วนเกินทั้งใบหน้า เกิดเป็นพับผิวหนัง (skin fold) ซึ่งในร่องพับของผิวหนังเป็นพื้นที่ที่อาจเกิดระคายเคือง ไปจนถึงเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าผิวหนังปกติ แผลหลุมที่ตา (Eye ulcers) มีลักษณะเป็นแผลหลุมบนผิวดวงตาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสุนัขเป็นอย่างมาก ในสุนัขพันธุ์หน้าสั้นมักพบแผลหลุมที่ตาเนื่องจากลักษณะตาโปน ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีโอกาสพบโรคเหล่านี้ ภาวะสะบ้าเคลื่อน (Patella luxation) ภาวะจอประสาทตาเสื่อม (Progressive retinal atrophy) เป็นความผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม และในที่สุดอาจส่งผลให้ตาบอดได้ ภาวะตาแห้ง (Keratoconjunctivitis sicca) เป็นภาวะที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสุนัข เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมสร้างน้ำตา

 

ขนาดพื้นที่ที่ต้องการ

 

ในสมัยก่อน สมัยที่ยังอยู่ในอารามสงฆ์ที่ทิเบต สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซได้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปิดและคุ้นชินกับการอยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเวลานาน ซึ่งจุดนี้ได้ถ่ายทอดมาจนถึงลาซา แอพโซในปัจจุบันที่สามารถอยู่ในพื้นที่จำกัด อย่างเช่นพื้นที่ในเมืองได้ ซึ่งก็อยู่ได้จริง ๆ เพียงแต่มีเงื่อนไขเล็กน้อยคือ ขอแค่ได้ออกไปข้างนอกเพื่อเดินเล่นหรือขับถ่ายก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ลาซา แอพโซก็มีความสุขกับการอยู่ในพื้นที่ชนบทเหมือนกัน ในบางตัวอาจได้มีโอกาสแสดงความกล้าด้วยการทำหน้าที่ไล่สัตว์รบกวน (ถึงแม้ส่วนใหญ่อาจจะไล่ได้แบบงง ๆ ก็ตามที

 

การฝึกสุนัข

 

การฝึกลาซา แอพโซให้อยู่ในระดับสูง จะต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการฝึก อีกทั้งยังต้องมีอุบายในการสร้างแรงจูงใจให้สุนัขสนุกไปกับการฝึก ถ้าไม่อย่างนั้นสุนัขพันธุ์นี้อาจจะรู้สึกว่าการฝึกน่าเบื่อได้ แต่อย่างไรก็ดี อย่างน้อยสุนัขก็ควรได้รับการฝึกคำสั่งเรียกกับการฝึกให้คุ้นชินกับสายจูง

 

การเป็นสมาชิกครอบครัว

 

ลาซา แอพโซเป็นสุนัขที่สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวผู้น่ารักได้ไม่ยาก สามารถอยู่กับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นได้ แต่ว่าก็เป็นสุนัขที่ค่อนข้างอ่อนไหว จะวิตกกังวลได้ง่ายหากอยู่ในสภาวะที่มีเสียงดังรบกวนหรือมีความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นแล้วครอบครัวที่มีเด็กที่โตพอจะเข้าใจสุนัขจึงเหมาะกับสุนัขพันธุ์นี้ที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็กแค่ไหน แต่ทั้งเด็กและสุนัขก็ควรได้รับการสอนให้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงวิธีเล่นกันอย่างปลอดภัย ซึ่งอย่างไรก็ดีไม่ว่าจะกรณีไหนก็ไม่ควรทิ้งเด็กกับสุนัขไว้เพียงลำพัง ควรมีผู้ใหญ่จับตาดูอยู่เสมอ

 

รู้หรือไม่

 

มีตำนานเล่าขานกันมาเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้ คือมีเทพีผมขาวผู้เฉิดฉายกลางอากาศ นามว่า ซาโก (Sako) ในแต่ละปี เธอจะสร้างรังบนภูเขาและให้กำเนิดบุตร 2 องค์ แตกต่างกันที่องค์นึงมีปีกแต่อีกองค์ไม่มี โดยองค์ที่ไม่มีปีก มีนามว่า แอพโซ (Apso) ซึ่งด้วยความที่แอพโซบินไม่ได้ จึงตกเขาลงมาเสียชีวิตในทุก ๆ ปี จนหลายปีผ่านไป เทพีซาโกที่เจ็บปวดใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ได้พาแอพโซลงมาสู่พื้นดิน และได้มาประทับที่ทิเบตในที่สุด

สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์

สุนัขพันธุ์เล็กอย่างยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์นี้เป็นที่รู้จักจากขนที่เป็นลอนหนาเหมือนกับผมของคน สีขนก็ไม่ธรรมดา ด้วยการผสมกันระหว่างสีดำครามเข้มปนเงิน กับสีทองหรือสีน้ำตาลเข้ม เป็นสุนัขที่มีมาด มักเชิดหน้าด้วยความมั่นใจเกินร้อย เพศผู้เมื่อโตเต็มวัยสูงประมาณ 18 - 20 ซม. และหนักไม่เกิน 3.2 กก.

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่ไม่เคยเลี้ยงสุนัขมาก่อน
  • ต้องการการฝึกขั้นพื้นฐาน
  • ชอบเดินเป็นประจำ
  • ชอบเดินวันละ 1 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดเล็กจิ๋ว
  • น้ำลายไหลให้น้อยที่สุด
  • ต้องดูแล/ตัดขนสุนัขวันเว้นวัน
  • สายพันธุ์แพ้ง่าย
  • สุนัขส่งเสียงเห่ามากเป็นพิเศษ
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่าและเตือน
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับเด็ก
อายุเฉลี่ย:
13–16 ปี
น้ำหนัก:
3.2 กิโลกรัม
ส่วนสูง:
18-20 เซนติเมตร
สีขน:
สีเทาดำเงา สีทอง (สีน้ำตาลเข้ม)
ขนาดตัว:
ขนาดเล็ก
ชื่อกลุ่มคนเลี้ยงสุนัข:
เทอร์เรีย
บุคลิกภาพ

สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์เป็นสุนัขสายพันธุ์เล็กที่ใจใหญ่ ชอบให้กอด และนอนเบียดขา แต่นาทีต่อมาก็สามารถกระโดดงับสุนัขเพื่อนบ้านได้ เพียงเพื่อบอกว่าถิ่นนี้ใครคุม เพราะยังไงยอร์กเชียร์ก็เป็นสุนัขสายพันธุ์เทอร์เรียร์ ที่หวงและพร้อมปกป้องพื้นที่ของตนอย่างห้าวหาญ

ประวัติและต้นกำเนิด

ประเทศต้นกำเนิด: เยอรมนี

 

เชื่อกันว่าช่างทอผ้าชาวสก็อตพาสุนัขเทอร์เรียร์พันธุ์เล็กไปด้วยขณะอพยพออกจากสก็อตแลนด์ไปยังแคว้นยอร์กเชียร์และแลงคาเชียร์ในช่วงทศวรรษ 1850 “สก็อตเทอร์เรียร์” บางครั้งก็รู้จักกันในชื่อ “ฮาลิแฟกซ์ เทอร์เรียส์” (Halifax Terriers) ซึ่งเกิดจากการผสมกันกับพันธุ์เทอร์เรียร์ท้องถิ่นขนาดเล็ก เชื่อกันว่าสุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ มีสายพันธุ์เชื่อมโยงกับแมนเชสเตอร์ เทอร์เรียร์ (Manchester Terrier) มอลทีส (Maltese) สกาย (Skye) แดนดี้ ดินมอนท์ (Dandie Dinmont) และ เพสลีย์ เทอร์เรียร์ (Paisley Terriers) โดยได้เข้าร่วมงานแสดงสุนัขปี 1861 ภายใต้ชื่อสก็อต เทอร์เรียร์ ต่อมาก็เป็นที่รู้จักในนามสายพันธุ์ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ และได้รับการยอมรับจากชมรมสุนัขแห่งบริเตน (British Kennel Club) ในปี 1886

โภชนาการและการให้อาหาร

สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์เป็นสุนัขสายพันธุ์เล็กมีอัตราการเผาผลาญพลังงานสูง ย่อยอาหารได้รวดเร็ว แต่ด้วยกระเพาะอาหารขนาดเล็ก ควรอาหารให้ปริมาณน้อย แต่แบ่งย่อยเป็นหลายมื้อ อาหารของสุนัขพันธุ์เล็กออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีสารอาหารสำคัญในปริมาณที่เหมาะสม และมีขนาดเม็ดที่เล็กพอดีกับขนาดปาก ซึ่งช่วยให้เคี้ยวง่าย ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร

การออกกำลังกาย

เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ต้องได้ออกกำลังกายทุกวัน สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ชอบเดินและวิ่งเหยาะ ๆ เป็นระยะทางไกลหากเป็นไปได้ แต่การเดินระยะสั้น ๆ ก็ทำให้พอใจแล้ว ตราบใดที่ได้หยุดดมกลิ่นและได้ทำกิจกรรมฝึกสมองบ้าง สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ไม่ได้เป็นสุนัขสไตล์ตัวเล็กขี้อ้อน แต่ชอบวิ่ง กระโดดเก็บของ และเล่น เหมือนกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ดังนั้นหากโตเต็มวัยแล้ว จำเป็นต้องพาไปออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง

เจ้าของในอุดมคติ

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียเหมาะกับเจ้าของที่ต้องการสุนัขขนาดเล็กแต่นิสัยไม่เล็กตามขนาดตัว ไม่ระแคระคายเสียงดังและชอบตัดแต่งขนสุนัข ยอกเชียร์ เทอร์เรียเป็นสุนัขอีกพันธุ์ที่ไม่ชอบถูกทิ้งไว้โดยลำพัง จึงเหมาะกับเจ้าของที่ชอบอยู่บ้าน

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ

 

สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ค่อนข้างอายุยืน แต่เสี่ยงเป็นโรคตา ปัญหาสะบ้าหัวเข่าที่อาจเคลื่อน โรคกระดูกต้นขาบางโรค นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ร่วมกับความผิดปกติของหลอดลมและโรคตับโดยกำเนิด

 

พื้นที่ในการเลี้ยงสุนัข

 

สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์รักการใช้ชีวิตในถิ่นชนบทพอ ๆ กับการอาศัยอยู่ในห้องพัก ขอแค่มีพื้นที่นอกบ้านให้ได้วิ่งออกกำลังกายหรือขับถ่ายก็พอแล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อนบ้านของคุณอาจไม่ชอบเสียงเห่าของสุนัขพันธุ์นี้เท่าไหร่นัก

 

การฝึกสุนัข

 

สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์มีความฉลาดแสนรู้อย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถเรียนรู้พื้นฐานการออกกำลังกายได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่าจะเชื่อฟังเจ้าของบ้างแค่บางครั้งบางคราว เพราะเสียสมาธิไปกับสิ่งอื่นได้ง่าย ๆ สุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ควรได้รับการฝึกให้เดินพร้อมปลอกคอและสายจูงตั้งแต่ยังเล็ก รวมถึงการฝึกให้เข้าสังคมในชั้นเรียนที่มีลูกสุนัขด้วยกัน เพื่อลดความวิตกกังวลเวลาอยู่ใกล้สุนัขตัวอื่น ๆ หากต้องเลี้ยงพร้อมแมว ก็ควรหาผู้เพาะพันธุ์ที่มีทั้งลูกสุนัขและลูกแมวอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยตั้งแต่ตอนยังเด็ก ๆ แต่ก็อาจจะมีโอกาสที่จะไม่สามารถเข้ากับแมวแปลกหน้าได้

 

การอยู่ร่วมกับเด็กของสุนัข

 

แม้สุนัขส่วนใหญ่จะเป็นมิตรกับเด็ก แต่ทั้งสุนัขสุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์และเด็กจะต้องได้รับการฝึกให้เคารพซึ่งกันและกัน และอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็กและสุนัขอยู่ด้วยกันตามลำพัง ควรเฝ้าระวังทุกครั้งที่เด็กเล่นกับสุนัข

 

รู้หรือไม่

 

  • แต่เดิมมีการเลี้ยงสุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ไว้ล่าและสังหารหนูในเหมืองถ่านหิน ด้วยขนาดตัวที่เล็ก ทำให้คนงานเหมืองพกพาใส่กระเป๋าได้อีกด้วย
  • แม้จะมีการบันทึกว่าชิวาวาเป็นสายพันธุ์สุนัขที่เล็กที่สุดในโลก แต่สถิติสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกตกเป็นของสุนัขยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ที่มีส่วนสูงมากกว่าเพียง 6 เซนติเมตร
สุนัขบูล เทอร์เรียร์

สุนัขบูลเทอร์เรียเป็นสุนัขรูปร่างแข็งแรง อกลึก มีกล้ามเนื้อกำยำชัดเจน ส่วนหัวยาวเป็นรูปไข่ แข็งแรง และมีจมูกโด่ง สีที่พบบ่อยคือ สีขาว และมักมีแต้มสีอื่นบนหัวหรือบางครั้งก็มีที่หลังด้วย นอกจากนี้ยังมีสีดำ ลายเสือ แดง น้ำตาลทองหรือสามสี เมื่อโตเต็มวัยจะสูงประมาณ 45 ซม. และหนัก 33 กก.

 

The need-to-know

 

  • สุนัขเหมาะสำหรับเจ้าของที่้เคยเลี้ยงสุนัขมาบ้าง
  • ต้องฝึก
  • ชอบเดินเป็นประจำ
  • ชอบเดินวันละ 1-2 ชั่วโมง
  • สุนัขขนาดกลาง
  • น้ำลายไหลให้น้อยที่สุด
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สุนัขช่างพูดและช่างเห่า
  • สุนัขเฝ้าบ้าน ต้องเห่าและเตือน
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • อาจต้องฝึกให้อยู่ร่วมกับเด็ก
อายุเฉลี่ย:
12–14 ปี
น้ำหนัก:
11–17 กิโลกรัม
ส่วนสูง:
36–41 เซนติเมตร
สีขน:
น้ำตาลแดง, น้ำตาลทอง, ดำหรือเทาดำ, ลายเสือ หรือมีสีทั้งหมดที่กล่าวมาปนกับสีขาว
ขนาดตัว:
ขนาดเล็ก / ขนาดกลาง
ชื่อกลุ่มคนเลี้ยงสุนัข:
เทอร์เรีย
บุคลิกภาพ

สุนัขบูลเทอร์เรียเป็นสุนัขที่เป็นมิตรและมีอารมณ์ขัน แต่บางครั้งก็อาจจะดื้อบ้าง จึงไม่เหมาะกับผู้หัดเลี้ยงสุนัขมือใหม่ โดยทั่วไปแล้วสุนัขพันธุ์นี้รักสงบแต่ก็ต้องไม่ลืมว่าสุนัขพันธุ์นี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อให้สู้กับวัวกระทิง ดังนั้นก็อาจสู้กลับเมื่อถูกท้าทาย แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่เป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน ถือว่าเป็นสุนัขที่ใจดีและรักฝูง เพราะฉะนั้นไม่ควรปล่อยให้สุนัขพันธุ์นี้อยู่ตามลำพังนาน ๆ เพราะถ้าบูลเทอร์เรียเกิดอาการเบื่อขึ้นมานั้น ขากรรไกรที่แข็งแรงก็มีพลังทำลายล้างได้สูงมาก

ประวัติและต้นกำเนิด

ประเทศต้นกำเนิด: แอฟริกา

 

สุนัขพันธุ์นี้เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างบูลด็อกและเทอร์เรียร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในสหราชอาณาจักรและได้รับความนิยมในฐานะสุนัขเฝ้าบ้าน ทั้งนี้สุนัขพันธุ์ “มินิเอเจอร์ บูล เทอร์เรียร์” ที่มีขนาดเล็กกว่าก็มีประวัติยาวนานพอ ๆ กับพันธุ์มาตรฐาน แต่ได้รับการรับรองโดยสมาคมสุนัขแห่งอังกฤษ (British Kennel Club) ในฐานะสุนัขอีกพันธุ์หนึ่งตั้งแต่ปี 1939

โภชนาการและการให้อาหาร

อาหารของสุนัขบูล เทอร์เรียร์จำเป็นต้องมีสารอาหารสมดุลครบหมู่ รวมถึงน้ำสะอาดด้วย ควรหมั่นตรวจสอบสภาพร่างกายของสุนัขอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สุนัขมีรูปร่างที่เหมาะสม และต้องให้อาหารอย่างน้อยวันละ 2 มื้อตามคำแนะนำของอาหารสุนัขที่ให้

การออกกำลังกาย

สุนัขบูล เทอร์เรียร์มักมีภาวะหูหนวก เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะบูล เทอร์เรียร์สีขาว แต่สามารถทดสอบภาวะหูหนวกได้ตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคไตที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคหัวใจ และปัญหาผิวหนังค่อนข้างบ่อยด้วยเช่นกัน

 

สุนัขบูล เทอร์เรียร์เป็นสุนัขพลังเยอะที่ต้องพาไปออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยอาจปล่อยให้วิ่งเล่นหรือจูงวิ่งก็ได้ ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง

เจ้าของในอุดมคติ

สุนัขพันธุ์บูล เทอร์เรียร์เหมาะกับเจ้าของหรือครอบครัวที่ต้องการสุนัขที่มีนิสัยเป็นมิตร พลังงานเยอะ และพร้อมเล่นทุกเมื่อโดยไม่มีปุ่ม 'ปิด' เพราะสุนัขพันธุ์นี้ชอบมีส่วนร่วมกับเจ้าของ พร้อมรับมือทุกกิจกรรมแม้ไม่ทันตั้งตัว แต่ระวังอาจเข้ากับสุนัขพันธุ์อื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นเจ้าของควรฝึกให้สุนัขพันธุ์นี้เข้าสังคมตั้งแต่เนิ่น ๆ และเดินโดยใส่สายจูงทุกครั้ง

ข้อมูลอื่นๆ

พื้นที่ในการเลี้ยงสุนัข

 

สุนัขสแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียสามารถอยู่อาศัยได้แทบทุกที่ แต่ควรมีพื้นที่ให้ได้ออกกำลังกายทุกวัน ดังนั้นต้องมั่นใจว่ามีพื้นที่ให้สุนัขได้เดินเล่นแบบที่ไม่มีสุนัขตัวอื่นเดินในที่นั้น ๆ

 

การฝึกสุนัข

 

สุนัขสแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียเป็นสุนัขแสนรู้ที่มีความกระตือรือร้น สามารถทำผลงานในการฝึกได้อย่างโดดเด่น เรียนรู้ได้ทุกสิ่ง ตั้งแต่การรับฟังคำสั่ง การออกกำลังกาย เทคนิคสนุก ๆ ไปจนถึงกีฬาฝึกความว่องไว สุนัขพันธุ์นี้เล่นของเล่นแบบเน้นปฏิสัมพันธ์เก่ง และยังรักการเล่นเกมส์สนุก ๆ กับเจ้าของด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะไม่สนุกกับการเข้าฝึกเป็นชั้นเรียน เพราะมีสุนัขตัวอื่นอยู่ด้วย หากคุณสามารถหาครูฝึกที่เข้าใจสายพันธุ์ที่ไวต่อสิ่งเร้าพันธุ์นี้ได้ คุณจะประหลาดใจสุด ๆ ว่าทำไมสุนัขของคุณทุ่มเทให้กับการฝึกขนาดนี้ สุนัขพันธุ์นี้ต้องได้รับการฝึกเดินพร้อมสายจูงและสายคล้องตัว และในช่วงอายุน้อยการฝึกให้เข้าสังคมก็สำคัญมาก การฝึกให้เข้าสังคมจะเน้นฝึกให้สุนัขสนใจเฉพาะเจ้าของ เวลาที่มีสุนัขตัวอื่นอยู่ใกล้ ๆ และจะได้ไม่พยายามที่จะไปวิ่งเล่นกับเพื่อน

 

การอยู่ร่วมกับเด็กของสุนัข

 

แม้สุนัขส่วนใหญ่จะเป็นมิตรกับเด็ก แต่ทั้งสุนัขบูล เทอร์เรียร์และเด็กจะต้องได้รับการฝึกให้เคารพซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็กและสุนัขอยู่ด้วยกันตามลำพัง ควรเฝ้าระวังทุกครั้งที่เด็กเล่นกับสุนัข

 

รู้หรือไม่

 

  • สุนัขสแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียเป็นสุนัขแสนรู้ที่มีความกระตือรือร้น สามารถทำผลงานในการฝึกได้อย่างโดดเด่น เรียนรู้ได้ทุกสิ่ง ตั้งแต่การรับฟังคำสั่ง การออกกำลังกาย เทคนิคสนุก ๆ ไปจนถึงกีฬาฝึกความว่องไว สุนัขพันธุ์นี้เล่นของเล่นแบบเน้นปฏิสัมพันธ์เก่ง และยังรักการเล่นเกมส์สนุก ๆ กับเจ้าของด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะไม่สนุกกับการเข้าฝึกเป็นชั้นเรียน เพราะมีสุนัขตัวอื่นอยู่ด้วย หากคุณสามารถหาครูฝึกที่เข้าใจสายพันธุ์ที่ไวต่อสิ่งเร้าพันธุ์นี้ได้ คุณจะประหลาดใจสุด ๆ ว่าทำไมสุนัขของคุณทุ่มเทให้กับการฝึกขนาดนี้
  • สุนัขพันธุ์นี้ต้องได้รับการฝึกเดินพร้อมสายจูงและสายคล้องตัว และในช่วงอายุน้อยการฝึกให้เข้าสังคมก็สำคัญมาก การฝึกให้เข้าสังคมจะเน้นฝึกให้สุนัขสนใจเฉพาะเจ้าของ เวลาที่มีสุนัขตัวอื่นอยู่ใกล้ ๆ และจะได้ไม่พยายามที่จะไปวิ่งเล่นกับเพื่อน