Machine Name
cat
แมวเมนคูน

แมวเมนคูนเป็นสายพันธุ์แมวขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รูปร่างแข็งแรงกำยาและขาแข็งแรง หัวทรงเหลี่ยม ใบหูใหญ่และตั้งตรง ขนด้านนอกมีลักษณะยาวหนาเป็นมันและกันน้ำได้ดี มีขนชั้นในซ่อนอยู่ข้างใต้ ส่วนขนที่หัว คอและไหล่จะสั้นกว่าจุดอื่นแต่จะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณส่วนหลัง ข้างลำตัวและหาง ส่วนท้องกับสะโพกมีขนดกและหนา ที่โคนหูจะมีขนยาวเป็นพู่งามสง่า โดยแมวเมนคูนเพศผู้จะมีขนส่วนนี้หนากว่าเพศเมีย ส่วนขนที่หางจะยาวนุ่มสลวย บริเวณปลายหูจะมีขนยาวแซมออกมา เช่นเดียวกับบริเวณอุ้งเท้า มองผ่าน ๆ เหมือนใส่รองเท้าขนฟูหุ้มอีกชั้น แมวเมนคูนเป็นแมวสายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงออกมาได้หลายสี มากกว่า 30 สีเลยทีเดียว ส่วนสีตาอาจมีสีเขียว ทองหรือทองแดง แต่ถ้าแมวสีขาวอาจมีตาสีฟ้าหรือตาสองสีก็ได้

 

The need-to-know

 

  • แมวตื่นตัว อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างใหญ่และตันกว่าปกติ
  • ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • แมวที่เลี้ยงนอกบ้าน
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
บุคลิกภาพ

แมวเมนคูนมีนิสัยอ่อนโยน ขี้เล่นและเป็นมิตร ชอบอยู่ใกล้คนและเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดี อาจเป็นเพราะลักษณะที่ไม่เย่อหยิ่งทำให้พบแมวเมนคูนนอนขดอยู่ในที่แปลก ๆ ได้ แมวเมนคูนรักการผจญภัยทำให้ต้องมีที่ให้ปีนป่ายและกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่า แมวเมนคูนยังเป็นที่รู้จักว่าชอบทำเสียงออดอ้อนเป็นพิเศษอีกด้วย

 

ประวัติและต้นกำเนิด

ประเทศต้นกำเนิด: สหรัฐอเมริกา

 

บรรพบุรุษของแมวเมนคูนเป็นแมวขนยาวที่ถูกนำเข้าไปรัฐเมนโดยชาวเรือในช่วงทศวรรษ 1850 หลังจากนั้นได้ผสมพันธุ์กับแมวพื้นถิ่นขนสั้น ลูกที่ออกมาตัวใหญ่ รูปร่างแข็งแรง มีขนยาวปานกลาง มีหางยาวเป็นพวงคล้ายหางแร็คคูน จึงเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ “เมนคูน” นั่นเอง แมวพันธุ์นี้ได้ปรับตัวให้มีขนที่หนาขึ้นเพื่อให้ทนกับอากาศที่หนาวเย็นของรัฐเมนได้ ในช่วงต้นทศววรรษ 1860 ได้มีการจัดแสดงแมวเมนคูนครั้งพิเศษ ทำให้แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักและนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ช่วงทศวรรษ 1980 ได้มีผู้นำแมวพันธุ์นี้เข้าไปยังสหราชอาณาจักร

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีเอกลักษณ์ รวมถึงความต้องการเฉพาะของแต่ละตัว เมื่อพูดถึงอาหารแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวรวมถึงแมวเมนคูนจะต้องได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่ครบถ้วน 41 ชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สัดส่วนของสารอาหารเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอายุ วิถีชีวิต และสุขภาพโดยรวม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกแมวกำลังโตจะต้องการกลุ่มสารอาหารที่ต่างออกไปจากแมวสูงวัยที่กระตือรือร้นน้อยกว่า อีกข้อหนึ่งที่ทาสต้องระลึกให้ขึ้นใจคือ ควรให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรักษารูปร่างที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของสายพันธุ์ และจัดอาหารสูตรเปียกหรือสูตรแห้งให้ตามที่แมวชอบ

 

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


แมวเมนคูนมีความเสี่ยงเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ (hypertrophic cardiomyopathy) นอกจากนี้ยังเสี่ยงเป็นโรคข้อสะโพก (hip dysplasia) ควรปรึกษาผู้เพาะพันธุ์แมวให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยง

 

การอยู่ร่วมกับเด็ก


ถึงแมวเมนคูนจะเป็นมิตรและรักเด็ก แต่อย่าลืมว่าแมวแต่ละตัวก็มีลักษณะนิสัยต่างกันขึ้นอยู่กับการสอนและประสบการณ์ชีวิต ถ้าต้องการรับเลี้ยง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของแมวที่ต้องการรับเลี้ยง

 

แมวสีสวาด

แมวสีสวาดหรือแมวโคราช เป็นแมวขนสั้น เป็นมัน เส้นละเอียดและเรียงชิดติดกับผิวหนัง เป็นแมวที่มีสีเดียวคือสีสวาด ซึ่งมีลักษณะเทาอมเขียว แต่หากเป็นสายตาฝรั่งอาจมองว่าเป็นสีเงินอมฟ้า จมูก ริมฝีปากและอุ้งเท้าของแมวสีสวาดมีสีน้ำเงินอมเทาหรือสีม่วง ้แมวสายพันธุ์นี้อาจหน้าตาดูคล้ายเพื่อนสายพันธุ์รัสเซียบลู (Russian Blue) แต่แมวสีสวาดหรือแมวโคราชมีขนชั้นเดียวและรูปร่างกลมมากกว่าเพื่อนจากรัสเซีย โดยตาจะมีสีเขียวอ่อนมากกว่าสีฟ้าเข้ม ส่วนหัวจะเป็นทรงหัวใจและมีใบหูใหญ่ ตาโต ดูตื่นตัว ส่วนลำตัวก็แข็งแรง มีกล้ามเนื้อและไม่ได้ตัวยาวเหมือนพันธุ์วิเชียรมาศ (Siamese cat) หรือป้อมเหมือนแมวบริติชช็อตแฮร์ (British Shorthair)

 

The need-to-know

 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เป็นมิตรแต่รักอิสระ
  • แมวเงียบ
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • อาจต้องทำความคุ้นเคยก่อนนำมาคลุกคลีกับลูก
บุคลิกภาพ

แมวสีสวาดหรือแมวโคราช ไม่ใช่แมวช่างพูดนักแต่มีความอ่อนหวาน ฉลาดและขี้เล่น เหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงและชอบดูแลเอาใจใส่ทาส

 

ประวัติและต้นกำเนิด

ประเทศต้นกำเนิด: ไทย

 

ชื่ออื่น ๆ : แมวโคราช

 

แมวสีสวาดมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “แมวโคราช” ตามจังหวัดโคราชหรือจังหวัดนครราชสีมา ในประเทศไทย ตามธรรมเนียมไทยโบราณ มักนิยมให้แมวสีสวาดเป็นคู่ แก่เจ้าสาวเพื่อความเป็นสิริมงคล ช่วงศตวรรษที่ 19 ได้มีผู้นำแมวสีสวาดเข้าร่วมในงานบริติชแค๊ทโชว์ (British cat show) โดยเรียกว่า “แมวสยามสีน้ำเงิน” (Blue Siamese cat) ส่วนในประเทศอเมริกา พบแมวพันธุ์นี้ครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1950 และเข้ามาในเกรทบริเตนในปี 1972 แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวไม่กี่สายพันธุ์ที่มีเพียงสีเดียวซึ่งก็คือสีเทาเข้มแบบสีสวาด

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีเอกลักษณ์ รวมถึงความต้องการเฉพาะของแต่ละตัว เมื่อพูดถึงอาหาร แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวรวมถึงแมวสีสวาดหรือแมวโคราชจะต้องได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่ครบถ้วน 41 ชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สัดส่วนของสารอาหารเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอายุ วิถีชีวิต และสุขภาพโดยรวม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกแมวกำลังโตจะต้องการกลุ่มสารอาหารที่ต่างออกไปจากแมวสูงวัยที่กระตือรือร้นน้อยกว่า อีกข้อหนึ่งที่ทาสต้องระลึกให้ขึ้นใจคือ ควรให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรักษารูปร่างที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแต่ละสายพันธุ์ และจัดอาหารสูตรเปียกหรือสูตรแห้งให้ตามที่แมวชอบ

 

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


แมวสีสวาดหรือแมวโคราช ถือว่าเป็นแมวที่อายุยืน อาจอยู่ได้ถึง 18-19 ปีโดยถือเป็นเรื่องปกติ แต่มักมีปัญหาโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก (Gangliosidosis) ซึ่งเป็นโรคขาดเอนไซต์ ทำให้เกิดผลเสียต่อระบบประสาทอันเป็นสาเหตุของอัมพาต ดังนั้นก่อนที่จะซื้อแมวพันธุ์นี้มาเลี้ยง เจ้าของควรตรวจสอบกับผู้เพาะพันธุ์แมวว่าได้ผ่านการตรวจโรคดังกล่าวหรือไม่

แมวขาวมณี

แมวขาวมณีมีรูปร่างเพรียว มีกล้ามเนื้อที่ปกคลุมด้วยขนสั้นแน่นนุ่มสีขาว มีใบหูขนาดกลางถึงใหญ่ ส่วนจมูกจะเชิดเล็กน้อย จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์นี้อยู่ที่ตา แมวขาวมณีมีตาได้หลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพัน เหลือง หรือเขียว โดยข้างหนึ่งอาจเป็นสีฟ้า ส่วนอีกข้างอาจเป็นสีอื่นก็ได้ ในประเทศไทยนั้น แมวขาวมณีที่มีตาสองสีถือว่าเป็นสิ่งนำโชค ดังนั้นบางครั้งจึงเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า “แมวนำโชค” บางครั้งแมวขาวมณีอาจเกิดมามีรอยเหมือนปานบนหัวแต่ปานนี้จะหายไปเมื่ออายุประมาณ 1 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

 

The need-to-know

 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างผอมเพรียวและสง่างาม
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • อาจต้องทำความคุ้นเคยก่อนนำมาคลุกคลีกับลูก
บุคลิกภาพ

แมวขาวมณีเป็นแมวที่ตื่นตัว ชอบผจญภัย ชอบพูดชอบคุย ฉลาดและขี้เล่น ชอบให้มีทาสล้อมรอบตัว และชอบครางหรือทำเสียงออดอ้อน

 

ประวัติและต้นกำเนิด

ประเทศต้นกำเนิด: ไทย

 

ชื่ออื่น ๆ : อัญมณีสีขาว, ขาวปลอด, แมวตาเพชร

 

แมวขาวมณ

 

แมวขาวมณีเป็นแมวพันธุ์หายากที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย และมีต้นกำเนิดที่สืบย้อนหลังไปได้หลายร้อยปี  เชื่อกันว่าแมวขาวมณีนำพาโชคดีมาให้และมักเป็นที่นิยมเลี้ยงในราชสำนัก

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวล้วนมีเอกลักษณ์และความต้องการเฉพาะของแต่ละตัว เมื่อพูดถึงอาหาร แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และแมวทุกตัวรวมถึงแมวขาวมณีจะต้องได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่ครบถ้วน 41 ชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สัดส่วนของสารอาหารเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอายุ วิถีชีวิต และสุขภาพโดยรวม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกแมวกำลังโตจะต้องการกลุ่มสารอาหารที่ต่างออกไปจากแมวสูงวัยที่กระตือรือร้นน้อยกว่า อีกข้อหนึ่งที่ทาสต้องระลึกให้ขึ้นใจคือ ควรให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรักษารูปร่างที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของสายพันธุ์ และจัดอาหารสูตรเปียกหรือสูตรแห้งให้ตามที่แมวชอบ

 

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าแมวที่มีขนสีขาว ตาสีฟ้า มักมีอาการพิการทางหู แต่แมวขาวมณีตาสีฟ้ามีโอกาสพิการทางหูเพียงแค่บางตัวเท่านั้น สมาคมแมวขาวมณีได้แนะนำให้ผู้ที่ต้องการจดทะเบียนขยายพันธุ์แมว ตรวจสอบสายพันธุ์และลักษณะของแมวก่อนทุกครั้ง

 

การอยู่ร่วมกับเด็ก


แม้ว่าแมวสายพันธุ์ขาวมณีนี้จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรและรักเด็กเป็นอันดับต้น ๆ แต่แมวแต่ละตัวล้วนแตกต่างกัน หากฝึกให้คุ้นเคยกับเด็กแล้วย่อมอารมณ์ดีและอยู่ร่วมกับเด็กได้

 

เอ็กซ์โซติก ช็อตแฮร์
เอ็กซ์โซติก ช็อตแฮร์ มีขนาดตัวปานกลาง รูปร่างป้อม ลักษณะหัวจะออกกลมและกว้าง หูมีขนาดเล็ก ตั้งห่างกัน ส่วนหน้าจะกลมแป้น ตาค่อนข้างกลมโตและมีสีโดดเด่นสะดุดตา ขาของแมวพันธุ์นี้สั้น ล่ำและแข็งแรง อุ้งเท้ามีลักษณะกลมและมีขนแทรกเพื่อกระจายน้ำหนักฝ่าเท้า หางสั้นและมีขนเป็นพวง ขนสั้น หนานุ่มและเงางาม มีขนชั้นในที่นุ่ม กระจุกแน่น แมวพันธุ์เอ็กซ์โซติก ช็อตแฮร์มีสีและลายขนเหมือนกับแมวเปอร์เซีย และก็มีแบบลายจุดด้วย
 
The need-to-know

 

  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เป็นมิตรแต่รักอิสระ
  • แมวเงียบ
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนทุกวัน
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • อาจต้องทำความคุ้นเคยก่อนนำมาคลุกคลีกับลูก
บุคลิกภาพ

เอ็กซ์โซติก ช็อตแฮร์ มีพื้นฐานนิสัยที่อ่อนโยนคล้ายกับพี่แมวขนยาวพันธุ์อื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้ชอบความอึกทึกแบบเพื่อนแมวพันธุ์ขนสั้น  ผู้เลี้ยงสามารปล่อยแมวพันธุ์นี้ให้อยู่บ้านตามลำพังได้เพราะใช้ชีวิตแบบเงียบ ๆ ได้

 

ประวัติและต้นกำเนิด

ถิ่นกำเนิด: อเมริกา/สหราชอาณาจักร

 

จริง ๆ แล้วเอ็กซ์โซติก ช็อตแฮร์คือแมวเปอร์เซียขนสั้น ทำให้ถูกรวมไว้ในกลุ่มแมวพันธุ์ขนยาวตามงานจัดแสดงแมวต่าง ๆ ในอเมริกามีการคัดเลือกสายพันธุ์อเมริกัน ช็อตแฮร์มาผสมกับแมวเปอร์เซียขนยาวทำให้ได้แมวที่มีลักษณะคล้ายแมวเปอร์เซียเกือบทุกอย่างแต่มีขนสั้น ในสหราชอาณาจักร ก็มีการผสมพันธุ์แมวบริติช ช็อตแฮร์กับแมวเปอร์เซียเช่นเดียวกัน แมวพันธุ์นี้มีขนยาวปานกลาง ดูแลรักษาความสะอาดง่าย มีสีและลวดลายที่หลากหลาย แมวเอ็กซ์โซติก ช็อตแฮร์ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อทศวรรษ 1960 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เมื่อพูดถึงอาหารแต่ละตัวจะมีความชอบ ไม่ชอบ และความต้องการแตกต่างกัน แมวเป็นสัตว์กินเนื้อและต้องได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่ครบถ้วน 41 ชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สัดส่วนของสารอาหารเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอายุ วิถีชีวิต และสุขภาพโดยรวม จึงไม่ต้องแปลกใจไปหากลูกแมวที่กำลังโตและพลังล้นเหลือจะต้องการสารอาหารที่ต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ชอบขยับตัวไปไหน อีกข้อหนึ่งที่ต้องระลึกให้ขึ้นใจคือ ควรให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรักษา “รูปร่างให้สมส่วน” ตามคำแนะนำของสายพันธุ์ และจัดอาหารสูตรเปียกหรือสูตรแห้งให้ตามที่แมวชอบ

 

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


แมวสายพันธุ์เอ็กโซติก ชอร์ตแฮร์มีโรคประจำสายพันธุ์ค่อนข้างมากไม่ต่างกับสายพันธุ์ญาติสนิทอย่างแมวเปอร์เซีย เนื่องจากลักษณะหัวที่สั้นและใบหน้าที่แบน จึงอาจมีปัญหาขากรรไกรผิดรูป ซึ่งนำไปสู่โรคฟัน และจะมีปัญหาด้านการกินอาหารและดื่มน้ำได้ รูจมูกที่เล็กและเพดานอ่อนที่ยาวผิดปกติยังทำให้เกิดปัญหาด้านการหายใจ ส่วนท่อน้ำตาก็อาจทำงานไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้แมวมีขี้ตาและหน้าแฉะอยู่เสมอ และอาจทำให้มีอาการคันตามผิวหนังและเจ็บบริเวณใบหน้าได้ นอกจากนี้ใบหน้าที่แบนโดยกำเนิดยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตาอีกด้วย แมวพันธุ์เอ็กโซติกยังมีโรคทางพันธุกรรมติดตัว ได้แก่ โรคไตวาย โรคถุงน้ำในไต หรือ autosomal dominant polycystic kidney disease เนื่องจากเกิดซีสต์ในไต จากการตรวจคัดกรองในช่วงทศวรรษ 1990 พบว่าแมวเปอร์เซียและแมวพันธุ์เอ็กซ์โซติกช็อตแฮร์ป่วยด้วยโรคนี้มากกว่า 1 ใน 3 ฟาร์มเพาะพันธุ์หลายแห่งกำลังศึกษาวิธีป้องกันปัญหาดังกล่าวโดยตรวจคัดกรองโรคแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นก่อนซื้อก็ควรซักถามฟาร์มและขอดูใบเพ็ดดีกรีของพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้แน่ใจก่อนเสมอ

 

แมวพันธุ์นี้กับเด็ก


แม้ว่าแมวสายพันธุ์นี้จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรและรักเด็กเป็นอันดับต้น ๆ  แต่แมวแต่ละตัวล้วนแตกต่างกัน หากฝึกให้คุ้นเคยกับเด็กแล้วย่อมอารมณ์ดีและอยู่ร่วมกับเด็กได้

 

บริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair)
ทำความรู้จักบริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair)
ว่ากันว่า British shorthair เป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ด้วยลักษณะเด่นที่มีขนหนานุ่มน่ากอด กับนิสัยเท่ๆ ถึงจะอยู่แบบเงียบๆ แต่ก็เข้ากับทุกคนได้ง่าย แถมยังเป็นมิตรอีกต่างหาก ถ้าใครกำลังมองหาเพื่อนแท้ซักตัวที่จะอยู่เคียงข้างแบบไม่กวนใจ มองมาทางนี้เลย น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair) รอที่จะครองใจคุณอยู่
 
The need-to-know
 
  • แมวขี้เล่นขี้สงสัย
  • เป็นมิตรแต่รักอิสระ
  • แมวเงียบ
  • รูปร่างใหญ่และตันกว่าปกติ
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ต้องการพื้นที่นอกบ้านบ้าง
  • อาจต้องทำความคุ้นเคยก่อนนำมาคลุกคลีกับลูก
บุคลิกภาพ

น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ นั้นน่ารัก เรียบร้อย และเข้ากับคนอื่นง่าย ทำให้น้องกลายเป็นแมวเลี้ยงที่ลงตัวมากสำหรับครอบครัว น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ชอบที่จะเป็นรักและสนใจจากคนรอบข้าง แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องความสนใจจนมากเกินไป น้องมักชอบเดินตามเจ้าของไปรอบๆ บ้านแล้วนั่งลงข้างๆ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร

บริติช ช็อตแฮร์ เป็นน้องแมวที่ค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ค่อยส่งเสียงดังหรือร้องเรียกในสิ่งใดใดที่ต้องการ น้องจะไม่ปีนขึ้นมานั่งบนตักขอให้คุณเกาคางให้แต่จะนั่งข้างๆ อีกอย่างคือเพียงแค่ลูบกันก็พอไม่ต้องอุ้มไปไหนมาไหนมากก็ได้

น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ เป็นแมวที่ต้องการกิจกรรมและออกกำลังกายในระดับปานกลาง แน่นอนว่าตอนยังเป็นเด็กน้องๆ จะมีพลังงานสูงมาก แต่ก็จะสงบลงเมื่อเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ แมวบริติช ช็อตแฮร์ ที่โตแล้วส่วนใหญ่เลือกที่จะนอนกลิ้งบนโซฟามากกว่าออกไปเล่นข้างนอก แต่ก็มีน้องแมวบางตัว (ส่วนใหญ่จะเป็นตัวผู้) ที่ยังชอบทำตัวโก๊ะเหมือนเด็กน้อยอยู่

แมวบริติช ช็อตแฮร์ ไม่ค่อยมีชื่อเสียงในเรื่องของการทำลายข้างของและเฟอร์นิเจอร์ น้องๆ มักทำตัวเหมือนเป็นผู้ที่ได้รับการอบรมมารยาทมาอย่างดีแล้ว และพร้อมที่จะต้อนรับแขกที่มาบ้านด้วยความสุภาพอ่อนโยนแต่มั่นใจสมกับเป็นผู้ดีอังกฤษ

 

ประวัติและต้นกำเนิด

ถิ่นกำเนิด: อังกฤษ

 

ประวัติและความเป็นมาของแมวบริติช ช็อตแฮร์
หลายคนอาจไม่เคยสังเกต แต่คุณอาจจะเติบโตมากับแมวบริติช ช็อตแฮร์ ก็เป็นได้ น้องแมวสายพันธุ์นี้ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป แมวบริติช ช็อตแฮร์ ปรากฎอยู่ในนิทานและเรื่องเล่าของประเทศอังกฤษและยุโรปในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเหมียวแสนฉลาด Puss in Boots หรือเจ้าแมวยิ้มกว้าง Cheshire ใน Alice in Wonderland

 

ต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair) นี้ เชื่อกันว่ามาจากชาวโรมันโบราณที่ได้บุกมายึดครองประเทศอังกฤษและได้นำแมวบ้านสายพันธุ์อียิปต์มาเลี้ยง และเมื่อแมวเหล่านี้ผสมกับแมวป่าสายพันธุ์ยุโรปทั่วไปก็ทำให้ถือกำเนิดสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์

ด้วยการเพิ่มขึ้นของความนิยมในการเลี้ยงแมวในเกรทบริเตนช่วงยุควิคตอเรีย เหล่าผู้คลั่งไคล้แมวได้พยายามทำการปรับปรุงและสร้างมาตรฐานสายพันธุ์ให้กับแมวบริติช ช็อตแฮร์ ว่ากันว่าในงานแสดงโชว์แมวในช่วงแรกนั้น บริติช ช็อตแฮร์เป็นแมวเพียงสายพันธุ์เดียวที่ถือว่าเป็นพันธุ์แท้

สงครามโลกทั้งสองครั้งได้ลดจำนวนน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ลงไปอย่างมาก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีแมวบริติช ช็อตแฮร์ เหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่ต้องขอบคุณความพยายามของเหล่านักเพาะพันธุ์และผู้ที่นิยมชมชอบในแมวบริติช ช็อตแฮร์ ที่ทำให้น้องแมวสายพันธุ์นี้กลับมาได้อีกครั้ง สมาคมสายพันธุ์แมวแห่งอเมริกา (American Cat Association) ได้รู้จักแมวบริติช ช็อตแฮร์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 แล้วแต่ยังไม่ทำการรับรองสายพันธุ์ให้จนกระทั้งปี ค.ศ.1980

 

ขนาดของแมวบริติช ช็อตแฮร์
น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ถือเป็นแมวขนาดกลางค่อนไปใหญ่ โดยเฉลี่ยน้ำหนักตัวอยู่ที่ 3.5 - 9 กิโลกรัม ความสูงเฉลี่ย 10-14 นิ้ว ความยาวเฉลี่ยอยูที่ 20 – 25 นิ้ว ใบหน้ากลมมีแก้มยุ้ยน่ารัก ในหูขนาดกลางค่อนข้างกลม ดวงตากลมโต รูปร่างกลมอกหนา มีขาที่แข็งแรงพร้อมอุ้งเท้ากลม หางที่หนาปลายมน ทำให้แมวบริติช ช็อตแฮร์ ดูไม่ต่างไปจากน้องตุ๊กตาน่ากอดดีดีนี่เอง

โภชนาการและการให้อาหาร

สารอาหารที่จำเป็นสำหรับบริติช ช็อตแฮร์ ควรมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และกิจกรรมในแต่ละวันของแมวสายพันธุ์นี้ โดยสารอาหารจำเป็นที่ควรมีในอาหารของบริติช ช็อตแฮร์ ได้แก่

1. โปรตีน : เพื่อสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย ในอาหารควรมีกรดอะมิโน ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของโปรตีนอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดอะมิโนชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้

2. คาร์โบไฮเดรต : เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซลล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ และเม็ดเลือดแดง อาหารที่มีคุณภาพดีควรมีการคำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วน

3. ไขมัน : ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยให้พลังงานได้สูงกว่าโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ไขมันยังช่วยในการดูดซึมวิตามิน รวมทั้งยังช่วยเสริมการทำงานของระบบห่อหุ้มร่างกาย เช่น โอเมก้า 3 และ 6

4. วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ : แม้ร่างกายจะต้องการวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณน้อย แต่หากได้รับไม่เพียงพอหรือได้รับมากเกินไป ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย และทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติได้ ตัวอย่างวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายสุนัขต้องการ ได้แก่ วิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น

แม้ว่าน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ จัดว่าเป็นแมวที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่ก็อาจพบปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน เช่นที่กล่าวไปแล้วเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจและเหงือกอักเสบ และปัญหาที่พบได้ทั่วไปอย่างก้อนขนอุดตัน หรือขนร่วง รวมทั้งปัญหาผิวหนังอื่นๆ เช่น เชื้อรา

ดูแลขนนุ่มๆ ของน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ง่ายๆ เริ่มต้นด้วยการเลือกอาหารที่มีสารอาหารบำรุงขน อย่าง เพียวริน่า วัน เท็นเดอร์ ซีเล็กซ์ เบลนด์ สูตรปลาแซลมอน ที่มีโอเมก้า 3 และ 6 และวิตามิน E, A ที่ช่วยบำรุงผิวหนังให้เงางาม และยังมีโปรตีนคุณภาพสูงจากปลาแซลมอนและปลาทูน่า แหล่งสำคัญของกรดอะมิโน เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง นอกจากนี้ก็ต้องหมั่นแปรงขนให้น้องแมวสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยขจัดเอาขนที่ตายแล้วออก และยังช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำมันที่ผิวหนังอีกด้วย

ความต้องการพิเศษของแมวบริติช ช็อตแฮร์
บริติช ช็อตแฮร์ ถือว่าเป็นสายพันธุ์แมวที่ดูแลค่อนข้างแข็งแรงและดูแลง่ายไม่ยุ่งยาก โดยทั่วไปเหมือนกับการดูแลสุขภาพโดยรวมของน้องแมวสายพันธุ์อื่นๆ ได้แก่ การสุขภาพช่องปากเพื่อลดโอกาสในการเกิดโรคปริทันต์ควรมีการแปรงฟันให้น้องแมวเป็นประจำ การดูแลช่องปากของน้องแมวควรมีการจัดการทุกวันหากเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ น้องแมวควรได้รับการแปรงฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่เคยทำอะไรเลย

ควรตัดเล็บแมวทุกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ การตัดเล็มตรงปลายแหลมของเล็บออกช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ทั้งตัวแมว คุณเจ้าของ สมาชิกในบ้าน รวมไปถึงเหล่าเฟอร์นิเจอร์ด้วย นอกจากนี้บริเวณรอบดวงตาของน้องแมวควรได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำโดยการใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นหรือน้ำเกลือพอหมาดเช็ดทำความสะอาดโดยเฉพาะบริเวณหัวตาเพื่อเอาคราบขี้ตาออก ข้อแนะนำคือควรใช้ผ้าคนละมุมกับดวงตาแต่ละข้าง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการติดเชื้อระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง รวมทั้งทำความสะอาดช่องหูควรทำสัปดาห์ละครั้ง (ในกรณีที่หูน้องแมวไม่ได้อักเสบหรือติดเชื้อ) หากบริเวณช่องหูดูสกปรกให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาล้างช่องหูช่วยในการทำความสะอาด จากนั้นใช้ผ้าหรือสำลีแห้งเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งให้แห้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ก้านสำลีทิ่มเข้าไปในช่องหู อาจทำให้เกิดภาวะช่องหูอักเสบได้

กระบะทรายของน้องแมวควรที่จะสะอาดอยู่เสมอ เพราะเรื่องห้องน้ำกับน้องแมวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้กันว่าน้องแมวชอบให้ห้องน้ำของพวกเขาสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ หากคุณเจ้าของไม่หมั่นทำความสะอาดกระบะทราย น้องแมวจะเริ่มที่จะไปหาที่ขับถ่ายในบริเวณอื่นของบ้านแทนซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

ควรเลี้ยงน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ไว้ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ เพราะการเลี้ยงน้องแมวไว้ในบ้านมีประโยชน์หลายอย่าง อันดับแรกคือจะช่วยลดโอกาสในการติดโรคหรือออกไปทะเลาะกับแมวบ้านอื่น จะการโดนสุนัขและสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่าวิ่งไล่หรือทำร้าย รวมไปถึงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้การเลี้ยงน้องแมวในบ้านยังช่วยปกป้องเหล่าบรรดานกและสัตว์เล็กน้อยรอบบริเวณบ้าน เพราะไม่ว่าน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ของคุณจะน่ารักเรียบร้อยสักเพียงใด อย่างไรก็ตามแมวก็ยังเป็นแมว อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อลดความเสี่ยงของการที่น้องจะถูกอุ้มลักพาตัวไปจาหฝีมือของคนประเภทที่อยากมีแมวสวยๆ น่ารักน่ากอดแต่ไม่อยากลงทุนซื้อ

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


น้องแมวทุกตัวไม่ว่าจะเป็นพันธุ์แท้หรือพันธุ์ผสมล้วนมีปีญหาสุขภาพที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไปรวมไปถึงน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ด้วยทั้งนี้โรคที่มักพบได้บ่อยในน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ได้แก่

- โรคเหงือกอักเสบ
- โรคหัวใจ ชนิด Hypertrophic cardiomyopathy ซึ่งเป็นโรคหัวใจประเภทหนึ่ง

 

แมวพันธุ์นี้กับเด็ก 


ด้วยอุปนิสัยที่ค่อนข้างน่ารักเรียบร้อยของน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ทำให้น้องแมวสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กทั้งเล็กและโตได้ดี บริติช ช็อตแฮร์ เป็นน้องแมวที่ใจเย็นและทนทานพอที่จะเป็นพี่เลี้ยงและหมอนข้างให้กับลูกน้อยวัยหัดเดินของคุณได้ รวมไปถึงการอยู่ร่วมกับสุนัขสายพันธุ์ที่ไม่เป็นอัตรายกับน้องแมว เช่นกลุ่มสุนัขพันธุ์ทอย หรือเหล่าสุนัขใหญ่ใจดีทั้งหลาย น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ก็ทำได้ดีอย่างไม่มีปัญหา

แต่ไม่แนะนำให้เลี้ยงน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ กับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กอื่นๆ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่เป็นเหยื่อ เช่น นก ปลา หนูแฮมสเตอร์ กระต่าย เป็นต้น เนื่องจากยังไงแมวก็ยังเป็นแมวอยู่วันยันค่ำ อาจก่อให้เกิดเรื่องเศร้าตามมาได้ในภายหลัง ส่วนการเลี้ยงรวมกับแมวอื่นสามารถเลี้ยงรวมกันได้ น้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ ไม่ค่อยมีปัญหากับแมวอื่นสักเท่าไหร่ แต่ควรค่อยๆแนะนำให้รู้จักกันทีละน้อยเพื่อลดภาวะความเครียดของทั้งสองฝ่าย

ผู้เลี้ยงที่เหมาะกับแมวสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มเลี้ยงแมว แมวตัวแรกของคุณอาจเป็นบริติช ช็อตแฮร์ กินง่าย อยู่ง่าย ตัวกลมน่ากอด และใครที่เป็นคนขี้เหงาที่อยากให้มีน้องแมวมาคอยเดินตามหรือนั่งคุยด้วยทั้งวันก็อย่าลืมมองมาทางนี้

บริติช ช็อตแฮร์ เหมาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ เนื่องจากน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ นั้นชอบอยู่กับคน ไม่ต้องการการออกกำลังกายมาก แถมยังชอบนอนบนโซฟาเหมือนกันอีกด้วย ที่สำคัญบริติช ช็อตแฮร์ ไม่ได้ต้องการเจ้าของผู้ที่มีเวลาในการแปรงขนน้องแมวทุกวัน เพียงแค่อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งก็เพียงพอ

แมวสายพันธุ์นี้เหมาะมากกับบ้านที่เป็นครอบครัวที่มีเด็ก เพราะน้องแมวบริติช ช็อตแฮร์ สามารถเป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่เลี้ยง เป็นตุ๊กตา เป็นทุกอย่างให้เธอ แถมยังเข้ากันได้กับสุนัขบางสายพันธุ์และแมวตัวอื่นๆ อีกด้วย

อะบิสซิเนียน
อะบิสซิเนียเป็นแมวขนาดกลาง รูปร่างสง่า มีลำตัวเพรียวและขาเรียวยาวแข็งแรง หัวทรงกลม ปลายจมูกเรียวแหลม มีกระจุกขนโดดเด่นบริเวณปลายหู ดวงตากลมหางตาชี้ เนื่องจากแมวพันธุ์นี้ขนสั้นและเรียงชิดติดกัน จึงมีลวดลายเฉียบคมเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากแถบสีของเส้นขน สีที่พบได้บ่อยคือสีส้ม แต่ก็มีสีอื่นๆ ด้วย
 
The need-to-know
 
  • แมวตื่นตัว อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา
  • เข้ากับคนง่ายและต้องการการดูแล
  • แมวพูดเก่งเล็กน้อย
  • รูปร่างทั่วไป
  • ต้องดูแล/ตัดขนสัปดาห์ละครั้ง
  • สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • แมวที่เลี้ยงนอกบ้าน
  • แมวที่เหมาะกับเลี้ยงในครอบครัว
Personality
ดีใจ
บุคลิกภาพ

แมวอะบิสซีเนียนมีนิสัยรักสงบ ฉลาดและขี้สงสัย ว่ากันว่าเป็นแมวที่ชอบคนและติดฝูง ชอบทำกิจกรรมอยู่ในที่กว้าง เป็นนักปีนป่ายชั้นเลิศ และชอบสวนที่มีต้นไม้ให้ปีนเล่น แต่ถึงแมวพันธ์ุนี้จะขี้เล่น แต่บางทีก็อารมณ์เสียง่าย เพราะฉะนั้นอย่าได้เผลอ

ประวัติและต้นกำเนิด

ถิ่นกำเนิด: อะบิสซีเนีย (เอธิโอเปีย)

 

ชื่ออื่น ๆ: อะบีซ แมวกระต่าย

 

แมวพันธุ์อะบิสซิเนียนมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงแมวป่าแอฟริกันซึ่งเป็นบรรพบุรุษของแมวบ้าน แต่ประวัติความเป็นมาของแมวพันธุ์นี้ในสหราชอาณาจักรยังคงคลุมเครือ เชื่อกันว่าทหารที่เดินทางกลับจากอะบิสซีเนีย (ปัจจุบันคือประเทศเอธิโอเปีย) ได้นำแมวพันธุ์อะบิสซิเนียนกลับมาด้วยในช่วงทศวรรษที่ 1860 ในช่วงแรกมีการผสมแมวอะบิสซิเนียนกับแมวพันธุ์บริติช ช๊อตแฮร์ (British Shorthairs) ก่อนนำไปผสมพันธุ์กับแมวเอเชียในภายหลัง จนเกิดเป็นลูกแมวอะบิสซิเนียนพันธุ์ขนยาว ซึ่งต่อมาในปี 1970 ก็มีการบันทึกสายพันธ์ุแยกนี้เป็น แมวพันธุ์โซมาลี (Somali)

โภชนาการและการให้อาหาร

แมวทุกตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เมื่อพูดถึงอาหารแต่ละตัวจะมีความชอบ ไม่ชอบ และความต้องการแตกต่างกัน แมวเป็นสัตว์กินเนื้อและต้องได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่ครบถ้วน 41 ชนิดจากอาหารที่กินเข้าไป สัดส่วนของสารอาหารเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอายุ วิถีชีวิต และสุขภาพโดยรวม จึงไม่ต้องแปลกใจไปหากลูกแมวที่กำลังโตและพลังล้นเหลือจะต้องการสารอาหารที่ต่างจากแมวสูงวัยที่ไม่ชอบขยับตัวไปไหน อีกข้อหนึ่งที่ต้องระลึกให้ขึ้นใจคือ ควรให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรักษา “รูปร่างให้สมส่วน” ตามคำแนะนำของสายพันธุ์ และจัดอาหารสูตรเปียกหรือสูตรแห้งให้ตามที่แมวชอบ

 

ข้อมูลอื่นๆ

สุขภาพและปัญหาที่มักพบ


แมวพันธุ์อะบิสซีเนียนมีโรคประจำสายพันธ์ุ คือ โรคขาดเอ็นไซม์ไปรูเวทไคเนส (pyruvate kinase deficiency) ทำให้เลือดจาง ปัจจุบันสามารถตรวจหาอาการนี้ได้ ผู้ที่อยากเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ควรซักถามฟาร์มเพาะพันธุ์ให้แน่ใจว่า แมวได้ผ่านตรวจสุขภาพและปราศจากอาการดังกล่าว ส่วนปัญหาเกี่ยวกับจอประสาทตาเสื่อม (progressive retinal atrophy) ที่จะทำให้ตาค่อย ๆ บอดก็พบได้ในบางประเทศ จึงควรถามฟาร์มให้แน่ชัดก่อนเช่นกัน

 

แมวพันธุ์นี้กับเด็ก


แม้ว่าแมวพันธ์ุนี้จะเข้ากันได้ดีกับเด็ก แต่ก็อย่าลืมว่าแมวแต่ละตัวก็มีลักษณะนิสัยต่างกันขึ้นอยู่กับการสอนและประสบการณ์ชีวิต ถ้าต้องการรับเลี้ยง ควรปรึกษากับองค์กรที่ขอรับเลี้ยงเพื่อเรียนรู้ลักษณะนิสัยของแมว